สังคม

หมอชี้ สาวทำจมูกแพ้ยาสลบช็อกดับ ยีนผิดปกติพบ 1 ในแสน แม่คาใจทำไมคลินิกไม่ส่ง รพ.แต่แรก

โดย nicharee_m

17 มิ.ย. 2566

851 views

สุดเศร้า! ญาตินิมนต์พระเชิญวิญญาณ ‘น้องนิว’ ทำจมูกคลินิกดังช็อกตายคาเตียง ครอบครัวเผยหมอบอกผู้ตายแพ้ยาสลบโอกาสเกิดขึ้นมีเพียง 1 ในแสน คลินิกพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างตามพยานหลักฐาน แม่คาใจทำไมไม่ส่ง รพ.แต่แรก แพทย์ระบุสาเหตุการตาย “หัวใจวายเฉียบพลัน”

จากกรณี น.ส.สิรินยา เดชรักษา หรือ น้องนิว อายุ 25 ปี ที่ไปแก้ไขศัลยกรรมจมูกที่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง หน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ก่อนหัวใจหยุดเต้นเสียชีวิตภายในคลินิก ทางคลินิกบอกว่ากำลังลมยา จู่ๆ อุณหภูมิในร่างกายคนไข้เพิ่มขึ้นผิดปกติ

วานนี้ (16 มิ.ย.) ครอบครัวและญาติๆ ของน้องนิว ได้นิมนต์พระสงฆ์มาเชิญวิญญาณลูกสาว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของคลินิกมาเปิดประตูด้านหลังคลินิกให้ญาติเข้าไปทำพิธีด้านใน แต่ทางคลินิกไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน และไม่ออกมาด้านนอกอีก ส่วนประตูด้านหน้าคลินิก ยังคงรูดปิดประตูเหล็กเอาไว้มิดชิด

จากนั้นญาติได้เดินทางไปรับศพ น.ส.สิรินยา ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ จังหวัดร้อยเอ็ด ท่ามกลางความเสียใจ แม่นั่งร้องไห้ตลอดเวลา ก่อนจะเข้าไปฟังผลชันสูตรศพ

ภายหลังญาติเข้าพบแพทย์นิติเวช แม่และน้าสาว ได้เปิดเผยว่า หมอแจ้งว่าจากการตรวจพิสูจน์ ไม่มีแผลอื่นนอกจากแผลผ่าตัดบริเวณซี่โครงและจมูก ซึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตคือ “หัวใจวายเฉียบพลัน” ส่วนสาเหตุอื่นๆ ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์อีกประมาณ 1 เดือน หมอแจ้งอีกว่าน้องนิว มีอุณหภูมิร่างกายสูง และยีนส์ในร่างกายทำปฏิกิริยากับฤทธิ์ยาดมสลบ แต่ยังไม่ระบุว่าเป็นตัวไหน ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง ไม่ว่าจะน้อยหรือมากแต่หากไปกระทบกับตัวนี้จะทำให้มีอาการทันที ซึ่งไปตรวจเลือดก็ไม่เจอ ต้องใช้กล้ามเนื้อไปตรวจ ซึ่งไม่ง่าย ในบางประเทศยังไม่มี

นางจิราภา พลเยี่ยม อายุ 52 ปี แม่ของน้องนิว (ผู้เสียชีวิต) เผยว่า เพื่อนสาวคนสนิทของลูกสาวโทรศัพท์ไปแจ้งว่าให้มาดูลูกสาวที่คลินิก เพราะน้องไม่หายใจแล้ว พอตนไปถึงคลินิกก็เห็นทั้งหมอทั้งกู้ภัยกำลังรุมช่วยปั๊มหัวใจลูกสาวอยู่ ตอนนั้นตนใจสลาย ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นลูกตัวเองใครมาพูดอะไรด้วยก็เหมือนหูดับไม่รับรู้

ก่อนหน้านี้ลูกสาวเคยทำจมูกครั้งแรกที่คลินิกแถวสวนลุมพินีตั้งแต่ประมาณเกือบ 10 ปีที่แล้ว จนกระทั่งปีที่ผ่านมา ซิลิโคนเดิมจะทะลุออกมา ลูกสาวจึงค้นหาคลินิกในอินเตอร์เน็ตเพื่อที่จะแก้ไข จนช่วงก่อนปีใหม่ก็ได้มาปรึกษาที่คลินิกนี้ หมอก็บอกว่าจำเป็นต้องเอาซิลิโคนอันเดิมออกทันที ก่อนที่จะทำใหม่ โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 กว่าบาท ลูกสาวก็ได้จ่ายเงิน พร้อมกับถอดซิลิโคนอันเดิมออก และรอจนแผลหาย ผ่านมา กว่า 6 เดือน จึงได้นัดมาทำจมูกครั้งที่สองเมื่อวานนี้แล้วก็มาเกิดเหตุขึ้น

หลังเกิดเหตุ ตนได้คุยกับหมอ ทั้งหมอผ่าตัด หมอดมยาสลบ และเจ้าของคลินิก บอกว่า ลูกสาวเริ่มทำตอนประมาณ 11.30 น. แล้วก็ทำการผ่าตัดไปเรื่อยๆ จนประมาณ 14.00 น. ก็เริ่มมีอาการผิดปกติ คือตัวร้อน จึงเอาน้ำแข็งมาประคบจนตัวเปียก แต่อุณหภูมิก็ไม่ลดลง ซึ่งหมออธิบายว่า คาดว่าเป็นอาการที่เกิดจากการแพ้ยาสลบ คือมีเซลล์บางตัวในพันธุกรรมที่ไม่ถูกกับตัวยาที่ใช้ ซึ่งโอกาสที่จะเป็นมีเพียงแค่ 1 ในแสน และการจะตรวจเจอก็ยากมาก ต้องตรวจด้วยการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเท่านั้น

โดยหลังจากลูกสาวมีอาการ หมอจึงขับรถออกไปเอายาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ ซึ่งหมอบอกว่าเป็นยาที่จะรักษาอาการนี้โดยเฉพาะ และยานี้จะมีอยู่ที่บางโรงพยาบาลเท่านั้น โดยหมอใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงกว่าจะกลับมาถึงคลินิกตอนประมาณ 4 โมงเย็น โดยบอกว่ารถติดมาก ทำให้ญาติคาใจว่า ทำไมจึงไม่ส่งลูกสาวไปโรงพยาบาล ซึ่งหมอได้อธิบายว่า ลูกสาวหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว จึงส่งโรงพยาบาลไม่ได้ ต้องรู้สึกตัวเท่านั้นถึงจะส่งได้ ไม่งั้นการปั๊มหัวใจอาจจะไม่ต่อเนื่อง ซึ่งญาติก็คิดว่าถ้าส่งไปโรงพยาบาลตั้งแต่แรกที่มีอาการอาจจะช่วยทันก็ได้


นายแพทย์ ณัฐวุฒิ วิวัจนสิรินทร์ หรือ หมอหนอน แพทย์เฉพาะทางโสต ศอ นาสิกวิทยา อธิบายว่า ภาวะที่เกิดจากการวางยาสลบ แล้วมีอุณหภูมิในร่างกายสูง ก็น่าจะเป็นภาวะ Malignant Hyperthermia ซึ่งเกิดได้จากยีนชนิดหนึ่งที่ผิดปกติ เวลาได้รับการดมยาสลบ ปกติกล้ามเนื้อที่ควรจะคลายตัว แต่กลับรัดตัวแทน เลยทำให้มีการใช้ออกซิเจนมากขึ้น มีอุณหภูมิที่สูงขึ้น พอร่างกายอุณหภูมิสูง และจัดการไม่ทันท่วงที ก็จะเกิดภาวะไตวาย กล้ามเนื้อตาย และนำไปสู่การเสียชีวิต

ทั้งนี้ภาวะดังกล่าวเป็นภาวะที่เจอได้น้อย ซึ่งจะพบในผู้ใหญ่ 1 ใน 100,000 คน และในเด็ก 1 ใน 30,000 คน

วิธีการที่จะรับรู้ว่า เรามีภาวะความผิดปกติของพันธุกรรมหรือไม่ มีวิธีตรวจ 2 วิธี คือ 1 ตรวจยีนส์ว่ามียีนส์ที่ผิดปกติหรือเปล่า และ 2 ตัดกล้ามเนื้อไปตรวจว่า มีการหดตัวผิดปกติหรือเปล่า แต่ด้วยสัดส่วนการเกิดขึ้นมันน้อยจึงไม่ค่อยมีการตรวจสอบ เพราะมีค่าใช้จ่ายสูง

หมอหนอน ระบุเพิ่มว่า การผ่าตัดศัลยกรรมแบบโอเพ่น จะเป็นวิธีที่ต้องดมยาสลบ ต้องเอากระดูกในร่างกาย มาทำเป็นส่วนที่ปลายจมูก เพื่อป้องกันการทะลุ จึงต้องดมยาสลบ และการทำผ่าตัดดังกล่าวใช้วิธีค่อนข้างยากกว่าการทำศัลยกรรมที่ใส่ซิลิโคนทั่วไป ที่ไม่ต้องดมยาสลบ จึงไม่มีภาวะ Malignant Hyperthermia ที่เกิดจากการดมยาสลบ

ความคืบหน้าการตรวจสอบคลินิกเสริมความงาม วานนี้ (16 มิ.ย.) นายแพทย์ อภิชน จีนเสวก รักษาการนายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ระบุว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในคลินิก ย่านตำบลประชาธิปัตย์ จังหวัดปทุมธานี จึงได้รีบส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบทันที พบหมอ 4 คน คือ หมอเจ้าของกิจการ / ผู้ดำเนินการ / หมอผ่าตัด / วิสัญญีแพทย์ จึงได้มีการสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เคสนี้เป็นผู้หญิงอายุ 25 ปี ได้นัดเข้ามาทำการผ่าตัดจมูกชนิดเปิด และได้มีการผ่าตัดเอากระดูกซี่โครงมาต่อที่จมูกโดยเริ่มการผ่าตัดเวลา 10.00 น. และได้มีการวางยาสลบ พอเริ่มดำเนินการผ่าตัดไปจนถึงเวลา 13.00 น. ทางวิสัญญีแพทย์สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของคนไข้ จึงได้แจ้งหมอที่ผ่าตัดว่าคนไข้มีภาวะความคลั่งของของคาร์บอนไดออกไซด์ / ภาวะเลือดมีกรด

จนเมื่อเวลา 14.20 น. แพทย์วินิจฉัยว่าคนไข้อาจจะแพ้ยาสลบ ทางทีมแพทย์ผ่าตัดก็ได้พยายามรักษาคนไข้ จนถึงเวลา 16.00 น. พบหัวใจหยุดเต้น โดยระหว่างการช่วยชีวิต ได้ประสานไปยัง 1669 ซึ่งทาง 1669 ก็ได้มีการส่งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยเหลือ พอมาถึง รีบทำ CPR ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ จึงยุติการทำ CPR เวลา 17.23 น.

โดยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สอบสวนข้อเท็จจริงในเบื้องต้นกับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ข้อชี้แจงจากผู้เกี่ยวข้องกับคลินิกว่า ผู้เสียชีวิต ได้นัดมาทำศัลยกรรมแก้ไขจมูกที่คลินิก ซึ่งเป็นการผ่าตัดโดยใช้วิธีดมยาสลบ ระหว่างทำการผ่าตัด ผู้ป่วยเริ่มแสดงสัญญาณชีพผิดปกติ และเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ทางคลินิกจึงได้เข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เนื่องจากเกิดการตายผิดธรรมชาติ พร้อมส่งร่างผู้เสียชีวิตไปชันสูตรเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยหลังจากได้บันทึกข้อชี้แจงแล้ว เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานของคลินิกว่ามีการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานที่พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดไว้หรือไม่

ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของคลินิก พบว่ามีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 - 22.00 น. แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดและวิสัญญีแพทย์ มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมและวุฒิบัตร แสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาศัลยศาสตร์ตกแต่งและสาขาวิสัญญีวิทยาถูกต้อง แต่แพทย์ทั้ง 2 คน ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพของคลินิกดังกล่าว

เบื้องต้นพบการกระทำในลักษณะที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสถานพยาบาล ดังนี้

1.มีการแสดงเวลาทำการสถานพยาบาล ไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาต

2.คลินิกไม่แสดงป้ายสอบถามอัตราค่ารักษาพยาบาล และไม่แสดงคำประกาศสิทธิผู้ป่วย

3.เวชระเบียนไม่เป็นไปตามที่กฎกระทรวงกำหนด

4.ไม่มีที่วัดส่วนสูง

5.ไม่มีอุปกรณ์นับเม็ดยา และฉลากยาแสดงข้อมูลไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

6.ตู้เย็นแช่ยาไม่มีที่วัดอุณหภูมิยา

7.ไม่ขออนุมัติโฆษณาสถานพยาบาล

8.แพทย์ผู้ให้บริการมิได้ยื่นเรื่องแสดงความจำนงเป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล

9.มีการต่อเติมอาคารเพื่อให้บริการห้องผ่าตัดโดยไม่ได้รับอนุญาต



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/s-fsKGeam4o


คุณอาจสนใจ

Related News