สังคม

โฆษก บช.น.ยัน ตร.ทำตามยุทธวิธียิงสกัด รถยนต์พ่อค้ายาเสพติด ย่านเดอะมอลล์บางแค

โดย weerawit_c

30 ต.ค. 2565

238 views

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจสืบสวนนครบาล 7 ยิงสกัดรถยนต์พ่อค้ายาเสพติดกลางสามแยกแยกไฟแดงเดอะมอลล์ บางแค ถนนเพชรเกษม แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค จนปรากฎเป็นคลิปออกไปสู่โลกโซเชียล



โดยผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า คดีนี้เป็นการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจกองกับการสืบสวนนครบาล 7 หลังจากที่ก่อนหน้านี้สืบทราบว่า มีกลุ่มผู้ต้องหากระบวนค้ายาเสพติดรายใหญ่ หลบซ่อนอยู่ซอยคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งบนถนนเพชรเกษม จึงได้ขอหมายค้นและนำกำลังเข้าไปเพื่อเตรียมจับกุม แต่ระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่อยู่ด้านบนห้องของคอนโดจำนวน 2 คนรู้ตัว คาดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดที่กลุ่มผู้ต้องหาดูแลอยู่แจ้งให้ผู้ต้องหารู้ตัว ผู้ต้องหาจึงได้ขับรถยนต์ฮอนด้า HRV สีขาว เพื่อหลบหนีผ่านทางป้อมยามที่มีกำลังตำรวจชุดสืบสวนดักอยู่และพยายามขับรถชนตำรวจจนต้องกระโดดหลบ



จากนั้นตำรวจจึงได้วิ่งติดตามออกมา ผู้ต้องหาจึงพยายามขับรถชนรถของประชาชนเพื่อแหวกทาง เนื่องจากขณะนั้นการจราจรค่อนข้างจะหนาแน่น ชุดสืบสวนจึงพยายามใช้อาวุธปืนยิงสกัดไปที่ล้อจนแตกตามที่ปรากฏตามคลิป แต่ผู้ต้องหาก็ยังไม่ยอมหยุดและสามารถขับต่อออกไปได้มุ่งหน้าไปทางถนนกาญจนาภิเษก ก่อนที่จะไปทิ้งรถที่ริมถนนราชพฤกษ์และหลบหนีไป



ขณะที่กล้องวงจรปิดของร้านค้าบริเวณที่เกิดเหตุ ได้บันทึกภาพขณะเกิดเหตุไว้ได้ โดยในคลิปมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ทำให้ประชาชนที่อยู่บริเวณดงกล่าวแตกตื่น



ด้าน พล.ต.ต.จักรภพ สุคนธราช ผบก.น.7 เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการขยายผลเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ที่ตรวจยึดหลาย 10 กิโลกรัม ซึ่งเครือข่ายนี้เคยมีพฤติกรรมยิงตำรวจของ กก.สส.บก.น.7 จนเสียชีวิตมาแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน ขณะที่ถูกตำรวจเข้าตรวจค้นและจับกุม โดยปฏิบัติการครั้งนี้ลงพื้นที่ทั้งหมด 4 จุด ได้แก่ คอนโดย่านถนนเพชรเกษม บ้านพักย่านถนนพุทธมณฑลสาย 1 บ้านพักย่านบางใหญ่ และบ้านพักย่านบางกรวย



จากการเข้าค้นห้องพักแห่งหนึ่งในคอนโดย่านถนนเพชรเกษม ปฎิบัติหน้าที่โดยตำรวจ กก.สส.บก.น.7 สืบเนื่องจากการสืบทราบมาว่า กลุ่มผู้ต้องหาขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่หลบซ่อนอยู่ในคอนโดมิเนียมหลังดังกล่าว จึงได้ขอหมายค้นและนำกำลังเข้าค้น สามารถจับกุมนายวินิต เลิศพนาสิน อายุ 31 ปี หรืออ้วน โอรส ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 674/2565 ในข้อหาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมของกลางในห้อง เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ได้แก่ เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์ จำนวน 1.65 กิโลกรัม ยาอี จำนวน 235 เม็ด ยา Happy Water จำนวน 6 ซอง ยาไฟท์ ไฟท์ จำนวน 140 เม็ด และรถกระบะ จำนวน 1 คันจอดอยู่ลานจอดรถของคอนโด โดยนำตัวส่งแก่พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ซึ่งเป็นสถานีตำรวจท้องที่



แต่ระหว่างการตรวจค้น นายชนทัต หรือเช็ค โอรส หนึ่งในผู้ต้องหาคดีดังกล่าว สามารถไหวตัวทัน จึงได้ขับรถยนต์ฮอนด้า เอชอาร์-วี สีขาว ทะเบียน 8 กส 8407 กรุงเทพมหานคร หลบหนีผ่านทางป้อมยามที่มีกำลังตำรวจชุดสืบสวนดักอยู่และพยายามขับรถชนตำรวจจนต้องกระโดดหลบ



จากนั้นตำรวจจึงได้พยายามวิ่งติดตามออกมา พบว่าเป็นช่วงติดไฟแดงของสามแยกหน้าเดอะมอลล์ บางแค ซึ่งมีการจราจรค่อนข้างจะหนาแน่น ผู้ต้องหาจึงพยายามขับรถชนรถของชาวบ้านเพื่อแหวกทาง ชุดสืบสวนจึงพยายามใช้อาวุธปืนยิงสกัดไปที่ยางรถจนแตก แต่ผู้ต้องหาก็ยังไม่ยอมหยุดและสามารถขับต่อออกไปได้ ก่อนที่จะไปทิ้งรถที่ลานจอดรถร้านนวดแห่งหนึ่ง ถนนราชพฤกษ์ แขวง บางจาก เขตภาษีเจริญ และหลบหนีไป โดยชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.7 ได้ทำการตรวจยึดได้และนำรถของกลางไปไว้ที่ บก.น.7 ขณะนี้ชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.7 กำลังเร่งติดตามผู้ต้องหาดังกล่าวมาดำเนินตามกฎหมาย



ขณะที่ พ.ต.อ.วงกต สุวรรณวัฒน์ ผกก.สน.หลักสอง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลความเสียหายเบื้องต้น พบรถยนต์อยู่ในที่เกิดเหตุเสียหายจำนวน 6 คัน ซึ่งพนักงานสอบสวน สน.หลักสอง ได้เร่งประสานงานกับประกันภัย ให้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่เสียหายกรณีดังกล่าวโดยเร่งด่วนแล้ว



ด้าน พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า สำหรับขั้นตอนการเข้าสกัดจับคนร้ายจากการตรวจสอบ ในเบื้องต้นพบว่าเป็นการเข้าสกัดจับกุมตามยุทธวิธี เนื่องจากมีความจำเป็นต้องสกัดไม่ให้คนร้ายหลบหนีและก่อความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่และประชาชนที่อยู่โดยรอบ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเป็นการทบทวนยุทธวิธีในการเข้าจับกุมกรณีดังกล่าวจึงได้ให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 ตรวจสอบและทบทวนขั้นตอนการเข้าสกัดจับกุมดังกล่าวว่าเป็นไปตามยุทธวิธีและระเบียบที่กำหนดหรือไม่


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/vnVP9OynLN4

คุณอาจสนใจ