สังคม

หนุ่มวัย 16 โพสต์ชายฉกรรจ์อ้างเป็น ตร.บุกค้นบ้าน ด้าน ตร.โต้สวนทันควัน ยันพ่อผู้โพสต์เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ

โดย weerawit_c

25 ก.ย. 2565

242 views

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความว่า ขอความเห็นใจให้ช่วยตรวจสอบชายประมาณ 20-30 คน แต่งกายชุดตำรวจและชุดนอกเครื่องแบบ บุกรุกมาที่บ้านภายในซอยหมู่บ้านเศรษฐกิจ 27 ด้วยการตัดกุญแจเข้าไปภายในบ้านและไม่แสดงเอกสารใดๆ รื้อค้นทรัพย์สินจนได้รับความเสียหายและยังถูกผู้ที่อ้างว่าเป็นยศสารวัตรข่มขู่เด็กที่อยู่ภายในบ้านเพียงสองคน โดยได้โพสต์ภาพของสารวัตรคนดังกล่าวด้วย



ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว พบกับเยาวชน อายุ 16 ปี เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณช่วงเที่ยงของวันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา ตนกำลังนอนหลับอยู่บนชั้น 2 ก็มีไรเดอร์มาเรียก ตนจึงเดินลงมาเพราะสั่งของไว้พอดี แต่ปรากฎว่า มีบุคคลอ้างตัวเป็นตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 20-30 คน พร้อมรถกระบะหลายคันมาอยู่หน้าบ้าน และบอกให้ตนเปิดประตู เนื่องจากมีหมายค้นและหมายจับพ่อตน ซึ่งพ่อตนไม่ได้อยู่บ้านนี้มาประมาณ 1-2 เดือนแล้ว



จากนั้น ตนจึงโทรหาย่า ซึ่งออกไปข้างนอก ย่าเลยบอกว่า อย่าเพิ่งเปิดประตู ให้รอย่ากลับไปก่อน ตนจึงบอกกลุ่มชายดังกล่าว อีกฝ่ายก็บอกว่า ให้เวลา 20 นาที ถ้าไม่กลับมาจะตัดกุญแจเข้าไป แต่ย่าตนมาไม่ทัน อีกฝ่ายก็เลยตัดกุญแจเข้ามาและเข้าไปค้นทุกห้องของบ้านทันทีโดยที่มีอาวุธปืนด้วย ซึ่งได้มีการแสดงหมายค้น แต่ตนเห็นว่ามีรอยขีดฆ่า จึงคิดว่า เป็นหมายค้นที่ใช้ไม่ได้จริง และไม่ได้อ่านรายละเอียด



ทั้งนี้ ยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุ พ่อตนไม่ได้อยู่ที่บ้านจริงๆ และไม่ได้เป็นการประวิงเวลาเพื่อให้ใครหลบหนี โดยที่ตนโพสต์ไปแค่ต้องการอยากถามว่าทำไมหมายค้นถึงมีการขีดฆ่า ใช้ได้จริงหรือไม่ และทำไมเจ้าหน้าที่ไม่รอให้ผู้ใหญ่มาก่อน เพราะตนรู้สึกว่าอันตราย ไม่เช่นนั้นใครจะอ้างตัวแล้วเข้ามาในบ้านก็ได้ ซึ่งหากเป็นเจ้าหน้าที่จริงๆ และปฏิบัติตามขั้นตอนจริง ตนก็ต้องขอโทษ เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์



ขณะที่ วินมอเตอร์ไซค์ที่บริเวณปากซอยเศรษฐกิจ 27 เปิดเผยว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมา และถามหาคนชื่อ แมว ซึ่งตนบอกว่าไม่มี มีแต่ ตี๋ ซึ่งมาทราบทีหลังว่าเป็นคนเดียวกัน โดยคนแถวนี้รู้จักกันว่าชื่อ ตี๋ ซึ่งตำรวจได้ให้ดูว่ามีหมายค้นและหมายจับในข้อหาฉ้อโกงและปล้นทรัพย์ โดยตำรวจมารอกันแต่ตั้งแต่ประมาณ 11 โมง แต่ที่บ้านนั้นมีแต่หลานชายอยู่ เลยไม่ยอมเปิดประตูให้ บอกให้รอย่ากลับมาก่อน ซึ่งตำรวจก็รออยู่นาน นานกว่า 20 นาทีแน่ๆ จนประมาณบ่าย-บ่ายสอง ย่าก็ยังไม่กลับมา ตำรวจก็เลยเข้าไปตรวจค้น ทั้งนี้ ปกตินายตี๋เป็นเซียนพระ มีการซื้อขายพระ



ซึ่งตนเชื่อว่าน่าจะมีการกระทำผิดกฎหมายเรื่องการฉ้อโกงจริง เพราะนายตี๋เคยให้ตนไปส่งพระให้ แต่ผู้รับบอกว่าได้เป็นพระปลอม ตนจึงเลิกส่งให้เพราะกลัวจะมีปัญหาไปด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนเห็นนายตี๋ไปๆ มาๆ ที่บ้านหลังนี้ แต่ตนก็ไม่ได้สังเกตว่ามาตอนไหนไปตอนไหน จะเห็นแค่เวลาออกไปซื้อของบ้าง ซึ่งไม่เห็นมาประมาณ 1 เดือนแล้ว



ล่าสุด พันตำรวจโทภูมินทร์ คิสาลัง สารวัตรสืบสวน กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดจับกุมในวันดังกล่าว ได้ชี้แจงกับทีมข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ตำรวจได้เข้าไปเพื่อจะตรวจค้นและจับกุม นายมงคล ตั้งกิตติมศักดิ์ อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ในความผิดฐานปล้นทรัพย์ / กรรโชกทรัพย์ / ทำให้เสียทรัพย์ / พ.ร.บ.อาวุธปืน / และความผิดต่อร่างกาย และยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรีในความผิดฐานยักยอก ด้วย



โดยก่อนหน้านี้ ตำรวจสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวจริง จึงขอหมายค้นจากศาลอาญาธนบุรีเพื่อเข้าทำการตรวจค้น โดยศาลอนุญาตให้ตรวจค้นได้ตั้งแต่เวลา 11.00-15.00 น. จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ไปรอที่บ้าน และเห็นว่ามีเพียงเด็ก 2 คนอยู่ในบ้าน จึงรอก่อน จนใกล้จะหมดเวลาเข้าตรวจค้น จึงได้เข้าไปประสานเพื่อให้แจ้งคนในบ้านให้เดินทางกลับมา ซึ่งก็รับปากว่าจะมา แต่สุดท้ายไม่มา



ตำรวจเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และใกล้จะหมดเวลาตรวจค้น จึงทำการตัดกุญแจบ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หลักสอง 4 นาย มาเป็นพยานตรวจค้นด้วย ส่วนอาวุธปืน ต้องเตรียมเข้าไปเพื่อความปลอดภัยอยู่แล้ว เพราะผู้ต้องหามีข้อหาที่หนัก และเกี่ยวข้องกับการ พ.ร.บ.อาวุธปืน ด้วย



ซึ่งเมื่อเข้าไปตรวจค้นก็ไม่เจอตัวผู้ต้องหา แต่เจอก้นบุหรี่ใหม่ๆ อยู่ภายในห้องพักชั้น 2 และยังพบว่าบริเวณหน้าต่างชั้น 2 มีลักษณะเป็นทางที่ปีนเชื่อมไปบ้านอีกหลังได้ จึงเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการประวิงเวลาให้ผู้ต้องหาหลบหนี ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่ได้มีการข่มขู่เด็กทั้ง 2 คน และไม่ได้นำทรัพย์สินใดๆ กลับออกมา โดยเด็กทั้ง 2 คน ได้มีการรับรู้หมายค้นและหมายจับ โดยเจ้าหน้าที่ได้อ่านให้ฟังและเซ็นชื่อรับทราบ ส่วนหมายค้นที่มีการขีดฆ่า เนื่องจากพิมพ์ผิดและศาลได้เซ็นกำกับการแก้ไขไว้แล้ว



นอกจากนี้ หลังเข้าตรวจค้นได้ประมาณ 2-3 วัน ฝั่งของผู้ต้องหา ได้ติดต่อมาหาตน ลักษณะเป็นการคุยต่อรองว่า ขอให้อย่าตามจับกุมไปอีก 1 ปี โดยจะขอเวลาหาเงินเพื่อเคลียร์คดีก่อน แล้วจะเข้ามามอบตัวเอง ซึ่งตนก็บอกไปว่า ทำไม่ได้ ฝั่งผู้ต้องหาก็มีการบอกว่า จะโพสต์ลงโซเชียล ให้โซเชียลตัดสิน จนมามีโพสต์ของลูกชายตามที่ปรากฎ



อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนทุกอย่าง และจากเรื่องที่เกิดขึ้น ตนกำลังอยู่ระหว่างปรึกษาผู้บังคับบัญชา ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์และองค์กร



รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/Tm7_FyJrvRk

คุณอาจสนใจ

Related News