สังคม

ศบค.ปรับพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศ ไฟเขียวถอดแมสก์ ยกเลิก Thailand Pass

โดย passamon_a

18 มิ.ย. 2565

61 views

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.65 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบปรับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร เป็นพื้นเฝ้าระวัง (สีเขียว) ทั้ง 77 จังหวัด และยกเลิกกำหนดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) ทั้งประเทศ


รวมถึงเห็นชอบข้อเสนอผ่อนคลายมาตรการป้องกันควบคุมโรคในประเทศ ได้แก่ ควรใส่หน้ากากตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่แออัด สถานที่ปิด หรืออยู่ใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก การบริโภคสุราหรือแอลกอฮอล์ในพื้นที่เฝ้าระวังให้เปิดบริการได้ตามปกติ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค กฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง สถานประกอบการประเภทสถานบันเทิงเปิดให้บริการและให้ผู้รับบริการดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึง 24.00 น. โดยเปิดให้บริการตามกฎหมายเดิมกำหนด


ผ่อนคลายให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวได้ตามปกติ ยกเลิกการคัดกรองด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิในอาคารสถานที่ แต่อาจให้มีการคัดกรองอุณหภูมิในสถานที่เสี่ยงหรือพื้นที่ระบาด ให้มีการเว้นระยะห่างตามความเหมาะสม สำหรับการรวมกลุ่มให้ตรวจคัดกรองเอทีเคสำหรับผู้ป่วยสงสัยที่มีอาการทางเดินหายใจ และหากมีการรวมกลุ่มมากกว่า 2,000 คน ให้แจ้งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ทั้งนี้ เริ่มวันที่ 1 ก.ค.


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุมมีการหารือที่ใช้เวลาพอสมควร ถึงข้อเสนอให้เปิดสถานบันเทิงและบริโภคสุราถึงเวลา 02.00 น. เนื่องจากต้องศึกษาข้อกฎหมายที่มีความเชื่อมโยงกัน 3 ฉบับ คือ พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 กฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ พ.ศ.2547 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2558 ที่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างเวลา 11.00 – 14.00 น. และอีกช่วงคือ เวลา 17.00 - 24.00 น.


โดยที่ประชุมมอบให้ฝ่ายกฎหมาย ให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. หาข้อสรุปโดยไปดูกฎหมายเก่าว่าจะผ่อนคลายอย่างไร ต้องผ่านกระบวนการจัดการเรื่องกฎหมาย และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. ขอให้ทำให้เร็วที่สุด โดยอยากให้เกิดขึ้นในวันที่ 1 ก.ค. แต่เลขาฯสมช.ขอเวลาตรงนี้ให้ฝ่ายต่าง ๆ ได้ไปทำงานให้เต็มที่ เพื่อให้กกฎหมายและข้อมูลที่รวบรวมมาแก้ไขได้ถูกต้อง และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง


ที่ประชุม ศบค. ยังเห็นชอบมาตรการเข้าราชอาณาจักร โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ประกอบด้วย ยกเว้นการลงทะเบียนแบบไทยแลนด์พาส ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ผู้เดินทางแสดงเอกสารการฉีควัคซีนหรือผลการตรวจเชื้อ สุ่มตรวจผู้เดินทาง หากสุ่มแล้วผู้เดินทางไม่มีเอกสารรับรองใด ๆ ให้ตรวจเอทีเคที่สนามบินจนกว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คงระบบและเปลี่ยนหน้าที่ไทยแลนด์พาสเพื่อให้ผู้เดินทางใช้แจ้งรายงานกรณีมีอาการต้องสงสัยโรคติดต่ออันตรายและโรคติดต่อที่ต้องรายงานตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข


ขณะที่การเดินทางเข้าประเทศทางด่านพรมแดนถาวร ได้มีการยกเลิกการลงทะเบียนไทยแลนด์พาสและหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศของคนต่างประเทศ ขอให้สำแดงเอกสารวัคซีนหรือผลการตรวจหาเชื้อแบบต่าง ๆ โดยให้มีการสุ่มตรวจเอกสารที่ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ยกเลิกมาตรการคัดกรองอุณหภูมิ ณ ช่องทางเข้าออก ยกเลิกการกำหนดวงเงินประกัน แต่ให้ส่งเสริมการซื้อประกันเพื่อไม่ให้เป็นภาระในเวลาเจ็บป่วย


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการผ่อนคลายทางสังคม ชุมชน และองค์กร โดยในเรื่องของการสวมหน้ากากอนามัยนั้น นายกฯ เน้นว่าขอให้เป็นไปโดยความสมัครใจ เพราะยังมีประโยชน์ในการป้องกันการแพร่เชื้อและรับเชื้อ จึงควรพกหน้ากากทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และสามารถนำมาสวมเมื่อมีความเสี่ยง สำหรับประชาชนกลุ่มเฉพาะคือ กลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ควรสวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับคนอื่น ผู้ติดเชื้อหรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่อจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น


ในส่วนของประชาชนทั่วไปให้สวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือมีการระบายอากาศที่ไม่ดี เช่น ขนส่งสาธารณะ ตลาด สนามกีฬา หรือสถานที่แสดงดนตรีที่มีผู้ชม สามารถถอดหน้ากากได้ในกรณีที่อยู่คนเดียว หากอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในที่เดียวกันต้องสามารถเว้นระยะห่างได้ หากมีกิจกรรมที่จำเป็นต้องถอดหน้ากาก รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย บริการบริเวณใบหน้า ศิลปะการแสดงให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจก็ให้สวมหน้ากาก


"ที่ประชุมได้พูดถึงความสำคัญในเรื่องนี้ว่า ในต่างประเทศการสวมหน้ากาก บางครั้งอาจแสดงถึงเป็นผู้ติดเชื้อ คนนี้จะถูกรังเกียจ มีการบูลลี่กัน แสดงทัศนคติที่ไม่ดีกัน จึงต้องประชาสัมพันธ์กันว่าผู้สวมหน้ากากเป็นผู้รับผิดชอบต่อสังคม ไม่จำเป็นต้องเป็นคนติดเชื้อหรือมีความเสี่ยงสูงอย่างเดียว ใครที่รักสุขภาพรักตัวเองที่ต้องการจะใช้หน้ากากในการดูแลสุขภาพตัวเองเป็นสิทธิที่จะเข้าสวมใส่หน้ากากได้ เรื่องนี้จึงอยากให้เป็นภาพของความสมัครใจ เพราะนายกฯรับฟังมาจากหลายคน บางคนยังไม่อยากถอดด้วย จึงอยากจะให้คงกันไว้อยู่" นพ.ทวีศิลป์ ระบุ


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการปฏิบัติการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และวิดีทัศน์ โดยผู้ปฏิบัติการหน้าฉากสามารถถอดหน้ากากได้อย่างมีเงื่อนไข จากเดิม กสทช.อนุญาตให้เฉพาะละคร แต่ขณะนี้ผ่อนคลายให้พิธีกรและผู้ร่วมรายการสามารถถอดหน้ากากได้ แต่ต้องมีมาตรการโควิดฟรีเซตติ้ง โดยมอบหมายให้ กสทช.ออกมาตรการและช่วงเวลาบังคับใช้ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของ กสทช.ที่จะประกาศบังคับใช้ได้เลย


https://youtu.be/j8dhSQYcOJc

คุณอาจสนใจ

Related News