สังคม

'ปริญญ์' ย่องพบ ตร. ก่อนถูกออกหมายจับ - เหยื่อรายที่ 4 แจ้งความ - ภรรยาไฮโซลูกนัทให้ปากคำเพิ่ม

โดย passamon_a

16 เม.ย. 2565

12 views

ที่ สน.ลุมพินี เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 16 เม.ย.65 นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี เพื่อพบกับพนักงานสอบสวน ก่อนมีการออกหมายจับ


หลังมีผู้เสียหายเป็นผู้หญิง 4 คน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายปริญญ์ กล่าวหาว่า กระทำผิดฐานกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล และข่มขืนกระทำชำเรา โดยนายปริญญ์พร้อมทนายความ เดินขึ้นบันไดหลังโรงพัก เลี่ยงนักข่าว


ทั้งนี้ ย้อนไปเมื่อวานนี้ (15 เม.ย.) ผู้เสียหายรายที่ 4 อายุ 18 ปี ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ลุมพินี เพื่อดำเนินคดีกับอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคใหญ่ โดยผู้เสียหายเดินทางมาพร้อมเพื่อนชายคนหนึ่ง เมื่อมาถึงได้เดินเลี่ยงสื่อเข้าทางประตูด้านหลังโรงพักขึ้นไปชั้น 2 เพื่อเข้าให้การ ขณะที่เพื่อนชายได้เชิญมาให้ปากคำที่ชั้นล่าง  


ผู้เสียหายรายที่ 4 เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ขณะที่ตนเองเคยทำงานอยู่ในองค์การนักศึกษา เคยชวนผู้ถูกกล่าวหามาเป็นวิทยากรภายในงาน เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หลังงานจบ ฝ่ายชายได้ส่งแชทส่วนตัวมาหา โดยพยายามทักมาคุยเรื่อย ๆ แต่ตนเองไม่ได้ตอบอะไรไป กระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ทักไปหาผู้ถูกกล่าวหาอีกครั้ง เพื่อเชิญให้มาเป็นวิทยากร เมื่องานได้จบลงไป หลังจากนั้นได้ทักไลน์มาถามตนเองเรื่อย ๆ ว่า "มีงานอะไรอีกไหม" ก่อนที่จะโทรมาหาว่า "ว่างวันไหน ไปทานข้าวกัน"


ตอนนั้นคิดว่าคงไปคุยเรื่องงาน เลยตัดสินใจไปทานข้าวตามโลเคชั่นร้านอาหาร ประมาณช่วง 5 โมงเย็น ซึ่งเป็นร้านอาหารเดียวกันกับร้านของผู้เสียหาย อายุ 18 ปี รายแรก ตนไปถึงก่อน ฝ่ายชายก็เลยบอกตนเองว่าให้ขึ้นไปรอ และสั่งไวน์ทานได้เลย แต่ตนเองไม่ได้ทาน จึงสั่งน้ำมะเขือเทศพร้อมส่งโลเคชั่นให้เพื่อนมารออยู่ข้าง ๆ โรงแรมด้วย


เมื่อฝ่ายชายมาถึง ก็ขยั้นขยอให้ตนดื่มไวน์ และชวนคุยเรื่องการเรียนก่อน จากนั้นค่อยเริ่มถามว่าตนมีแฟนหรือยังรวมถึงชวนคุย และถามแต่เรื่องทางเพศ จากนั้นฝ่ายชายได้เข้ามาจับแขน จับหน้า จับมือ อ้างว่าจะขอดูลายมือ และยังเดินวนมาที่เก้าอี้ของตนเอง ก่อนถามตนเองว่า "หนักเท่าไหร่" และอุ้มตนเองกลางร้านอาหาร ซึ่งตอนนั้นคนเยอะมาก


เธอยอมรับว่า ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก จึงรีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำ และขอตัวกลับทันที แต่ฝ่ายชายก็ได้เช็คบิล และได้เดินมารอที่หน้าห้องน้ำ และมาจับมือตนเอง อ้างว่า "จะเดินไปส่งข้างล่าง กลัวตนเองหลง" ก่อนกลับระหว่างอยู่ในลิฟต์ของโรงแรม นายปริญญ์ ยังได้หอมแก้มตัวเอง ตอนนั้นยิ่งรู้สึกไม่โอเคอย่างมาก พยายามเก็บอารมณ์และอยากรีบออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด


ตนเองจึงโทรหาเพื่อนและให้เพื่อนฟังเสียงไว้ เพราะกลัวอันตราย ก่อนที่ตนเองขึ้นรถของเพื่อนออกมา และไปแวะที่ห้างแห่งหนึ่ง เพื่อเล่าให้เพื่อนฟัง และร้องไห้อย่างหนัก จากนั้นฝ่ายชาย ยังทักมาในไลน์ และบอกว่า "very nice meeting you" และเขาพยายามจะนัดอีกรอบ จึงบล็อกไลน์ไปทันที


ผู้เสียหายรายนี้ ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งที่ตัวเองไว้ใจ เพราะบุคลิก การพูดจา รวมถึงความมีหน้าที่ตำแหน่งในวงการเมืองคิดไม่ถึงว่าจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง สาเหตุที่ออกมาพูดเรื่องนี้ตอนนี้ เพราะตอนแรกไม่กล้า และไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย รวมถึงกลัวครอบครัวไม่สบายใจ อยากลืมเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด พร้อมฝากบอกถึงอดีตรองหัวหน้าพรรค ว่าไม่ควรกระทำแบบนี้ไม่ว่ากับใคร  ยืนยันทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองจริงไม่ได้ต้องการจะออกมาดิสเครดิต หรือเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องการเมือง


นอกจากนี้ วันที่ 15 เม.ย. ที่ สน.ลุมพินี นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท พร้อมนางสาวหทัยรัตน์ วิทยภูมิ หรือแอนนา ภรรยา เข้าพบตำรวจเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม


นายธนัตถ์ กล่าวว่า ตำรวจแจ้งให้ภรรยาตน มาให้ปากคำเพิ่มเติม แต่เรื่องหลักฐานที่จะนำมาใช้ประกอบนั้น เป็นรายละเอียดที่มอบให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไปแล้ว เชื่อว่าพฤติกรรมของนักการเมืองคนนี้ถือเป็นอาการทางจิตแน่นอน เพราะเคยมีข่าวของบุคคลนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษเมื่อ 19 ปี ก่อน และตนยังได้หลักฐานแชตการพูดคุยระหว่างเหยื่อกับผู้ก่อเหตุ เมื่อปี 2561 ซึ่งตอนนั้นเหยื่อมีอายุแค่ 17 ปี เท่านั้น


แต่ผู้ก่อเหตุบอกว่าจะกลับไปเจอที่กรุงเทพฯ พร้อมชวนไปเที่ยวกลางคืน เชื่อว่าเหยื่อบางรายไม่พร้อมออกมาเปิดเผยเรื่องราวนี้ ตนก็อยากให้เขาได้ออกมาพูด ยืนยันว่าเราพร้อมจะปกป้องทุกเสียงทุกคนและต่อสู้คดีนี้ให้ถึงที่สุด เพราะทุกคนรับรู้ แต่ไม่เคยมีเหยื่อออกมาต่อสู้เลยตลอด 19 ปี จนมีเหยื่อรายเดียวที่เปิดหน้าออกมา ก็มีคนอื่น ๆ ตามออกมาอีก


นักข่าวถามว่ามีความมั่นใจในหลักฐานที่มีหรือไม่นั้น นายธนัตถ์ ตอบว่า หลักฐานต้องชัดขนาดไหนจึงจะพอใจ หากใช้เหตุผลและตัดอคติทางการเมืองไปนั้นจะเห็นว่าเหยื่อทุกคนให้การตรงกันทั้งหมด ทั้งพฤติการณ์การเชิญชวนทำธุรกิจ และสถานที่เช่นร้านอาหารและคอนโดที่พัก


ส่วนจะมีการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบจริยธรรมของผู้บริหารพรรคหรือไม่ นายธนัตถ์ กล่าวว่า "พรรคต้นสังกัดยังไม่แสดงท่าทีแสดงความเสียใจต่อเหยื่อเลย มองว่าการลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคนั้นไม่ได้มีค่ากับใครเลย รู้สึกรับไม่ได้ และไม่แปลกใจที่นักการเมืองให้ท้ายกันในเรื่องผิด ๆ จากกรณีมีแชตหลุดอ้างเป็นแชตของพรรคการเมืองนั้นเช่นกัน"


ด้าน นางสาวหทัยรัตน์ กล่าวว่า หลังออกมาแจ้งความ ก็มีเหยื่ออีก 2 คน ติดต่อเข้ามาหา โดยบอกว่าถูกนักการเมืองคนนี้ กระทำในลักษณะที่คล้ายกันกับตนเอง ซึ่งหนึ่งในนี้ เคยเกิดเหตุขึ้นที่ต่างประเทศ "ตนเองไม่กังวลว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบอะไรกับตน คนที่ควรกังวลควรเป็นคนกระทำมากกว่า ซึ่งนับแต่เกิดเรื่อง ก็ไม่มีการติดต่อเข้ามาจากฝ่ายผู้ก่อเหตุเข้ามาเลย เขากระทำโดยไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดีมาแล้วหลายครั้ง ผู้เสียหายถูกข่มขืนลวนลาม"


ยืนยันว่านี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของสังคม ทุกคนรู้ความจริงแต่ทำอะไรไม่ได้ ตอนตนทราบข่าวแต่แรก ก็รู้สึกไม่แปลกใจ แต่พอเห็นท่าทางที่ผู้ก่อเหตุออกมาปฏิเสธ ตนก็รู้สึกโกรธมาก เพราะสิ่งที่เหยื่อออกมาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด มองว่าหากปล่อยคนนี้หลบหนีไปได้ คงไม่อาจฝากความหวังกับกระบวนการยุติธรรมได้แล้ว


ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการทำงานทางการเมืองในฐานะ ผู้สมัคร ส.ก.หรือไม่ นางสาวหทัยรัตน์ ตอบว่า ตอนนี้ออกไปทำงานไม่ได้เหมือนเดิมเพราะรู้สึกมีผลกระทบต่อจิตใจ การที่ตนออกมาพูดมันทำให้มีภาพจำกลับมา แต่ต้องออกมาพูดเพื่อเป็นกระบอกเสียงของประชาชน


ต่อมาภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน นางหทัยรัตน์ เปิดเผยว่า ในวันนี้เป็นการให้รายละเอียดทั้งหมด เช่น เหตุการณ์ พยาน ยอมรับว่าในตอนนี้เริ่มรู้สึกเหนื่อย เริ่มรู้สึกว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขณะให้การต้องลงรายละเอียดลึกมาก ตนจึงแค่ให้รายบะเอียดทั้งหมด โดยหลังจากนี้ตำรวจแจ้งว่าจะมีการไปชี้จุดที่เกิดเหตุ คาดว่าภายในวันนี้ แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีผู้เสียหายคนใดไปชี้จุดด้วยบ้าง จากการพูดคุย ตำรวจให้ความร่วมมือดีมาก ตนรู้สึกปลอดภัย


ส่วนเรื่องการออกหมายจับ ตนไม่ทราบว่าผู้ถูกกล่าวหาจะมามอบตัว หรือหนี แต่คิดว่าถ้ายังปฏิเสธโดยที่หลักฐานแน่นขนาดนี้ ก็คงไม่กล้ามา และใช้วิธีการอื่น ๆ แต่ถ้ากล้ามาตนก็โอเค เพราะทราบว่าคดีของผู้เสียหายอายุ 18 มีหลักฐานมัดแน่นมาก ซึ่งตนไม่รู้ว่าการให้ปากคำเพิ่มเติม สามารถใช้เป็นพยานหรือหลักฐานในคดีได้ แต่ถือว่าทำในหน้าที่ผู้เสียหาย และให้เป็นหน้าที่ของตำรวจต่อไปในการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้คุยกับนายษิทราเพิ่มเติม แต่แจ้งแค่ว่ามาให้การเพิ่มเติม


ขณะที่ นายธนัตถ์ กล่าวว่า หลังเข้าแจ้งความ ตนก็ให้กำลังใจภรรยาตลอด ในหลายสถานการณ์ ภรรยาของตนก็เจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น มีอารมณ์แปรปรวนบ้าง ตนก็คอยให้กำลังใจตลอด มั่นใจว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีศักยภาพที่จะหลบหนีออกนอกประเทศ เขื่อว่าขณะนี้ เมื่อมีหมายเรียก ก็ย่อมมารายงานตัวตามหมายเรียก ถ้ามีการฝากขังก็ขอประกันตัวไปสู้คดีได้ โดยบุคคลนี้เป็นอันตรายต่อสังคม ไม่เหมาะสมให้ใช้ชีวิตปกติ หากไม่ได้รับการลงโทษก่อน ส่วนตัวเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ คดีนี้ไม่ใช่คดีทางการเมือง มีเพียงผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา


คุณอาจสนใจ