สังคม

ทบ.โต้ "ฮุน มาเนต" ปมปะทะช่องบก อย่าเบี่ยงประเด็น ดันเรื่องขึ้นศาลโลก

2 มิ.ย. 2568

128 views

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชาประกาศเตรียมนำข้อพิพาทเรื่องเขตแดนกับไทยขึ้นสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หลังได้รับเสียงสนับสนุนจากอดีตนายกรัฐมนตรีสมเด็จฯ ฮุน เซน และประชาชนกัมพูชา ล่าสุดสภาได้ลงมติเป็นเอกฉันท์สนับสนุนท่าทีดังกล่าวด้วย



เมื่อคืนวานนี้ (1 มิ.ย. 68) นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดีย ประกาศจุดยืนในเรื่องนี้อย่างชัดเจน 2 ข้อ ข้อแรกคือ กัมพูชาพร้อมจัดการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) กับไทยเป็นการเร่งด่วน เพื่อดำเนินการสำรวจ ปักปันเขตแดน และติดเครื่องหมายพรมแดนระหว่างสองประเทศ ข้อที่สองจะผลักดันประเด็นพื้นที่พิพาทรอบปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, และปราสาทตากระเบย รวมถึงพื้นที่มอมเบย (Mom Bei) เข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก



สื่อกัมพูชายังรายงานด้วยว่า นายกฯ ฮุน มาเนตขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้กำลังทหาร หากมีการละเมิดอธิปไตย



กัมพูชายืนยันว่า รัฐบาลได้พยายามแก้ไขความขัดแย้งนี้อย่างสันติมาโดยตลอด โดยใช้กฎหมายระหว่างประเทศและกลไกทางเทคนิค



ล่าสุด สภากัมพูชามีมติเป็นเอกฉันท์ 182 เสียง เห็นชอบให้มีการดำเนินการยื่นฟ้องศาลโลกอย่างเป็นทางการ



นายกฯ กัมพูชาได้กล่าวแถลงต่อสภาในช่วงเช้าวันนี้ว่า ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาและไทยได้พยายามป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งบานปลายและรักษาสัมพันธภาพที่ดีบริเวณชายแดน แต่ความตึงเครียดก็ยังไม่คลี่คลาย ตรงกันข้ามกลุ่มหัวรุนแรงยังคงปลุกปั่นให้เกิดปัญหา



ท่าทีดังกล่าวนี้ได้รับการสนับสนุนทันทีจากสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา โดยระบุผ่านโซเชียลมีเดียว่า "ข้าพเจ้าสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะ MOU ปี 2543 มีความคืบหน้าน้อยมาก จนทำให้เกิดความคลุมเครือ การกล่าวหากัน และการปะทะด้วยอาวุธหลายครั้ง"



สมเด็จฮุน เซนยังได้ท้าทายฝ่ายไทยให้ขึ้นศาลโลก โดยบอกว่า หากไทยจริงใจที่จะแก้ไขปัญหานี้จริง ก็ควรตกลงนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลโลกร่วมกัน เพื่อให้มีคำตัดสิน โดยที่กัมพูชาไม่จำเป็นต้องยื่นฟ้อง ซึ่งตอนนี้ ทางกัมพูชากำลังรอท่าทีตอบกลับจากฝ่ายไทย ว่าจะกล้าหรือไม่



อย่างไรก็ตามสมเด็จฯ ฮุน เซนยังได้สั่งการให้กองทัพกัมพูชาใช้ความอดทนอดกลั้น แต่ก็ให้เตรียมพร้อมตอบโต้ หากถูกรุกราน



สมเด็จฮุนเซนยังเตือนด้วยว่า หากไทยไม่ยอมไปศาลโลก พื้นที่ช่องบกอาจกลายเป็น"ฉนวนกาซ่า" ที่อิสราเอลกับปาเลสไตน์ขัดแย้งกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สมเด็จฮุนเซนยังย้ำด้วยว่า กัมพูชาไม่ต้องการดินแดนของใคร กัมพูชาเคยสูญเสียดินแดนไปแล้วมากมาย กัมพูชาไม่ได้เรียกร้องให้คืนดินแดนเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม กัมพูชาเพียงต้องการรักษาสิทธิในการปกป้องดินแดนของตนเอง และไม่สามารถปล่อยให้ใครมายึดเอาไปได้อีก



เขาได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับเวียดนามมาพูด โดยบอกว่ากัมพูชาได้เจรจากับเวียดนามเพื่อปักปันเขตแดนแล้ว 84% ส่วนที่เหลืออีก 16% กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็เคารพซึ่งกันและกัน ส่วนกับลาว กัมพูชาก็ได้เจรจจาปักปันเขตแดนไปแล้ว 86% เหลืออีก 14% ที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา และทั้งสองประเทศก็ให้การเคารพซึ่งกันและกัน



แต่ปัญหาเรื่องพรมแดนกับไทยนั้น ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เลย และถ้าหากประเด็นละเอียดอ่อนเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาก็จะยืดเยื้อต่อไป



ความเคลื่อนไหวทางฝั่งกัมพูชาเหล่านี้เกิดขึ้น หลังจากกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นบันทึกทางการทูตถึงสถานเอกอัครราชทูตไทย หลังเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา



บันทึกดังกล่าวระบุว่า ทหารไทยได้โจมตีกองกำลังกัมพูชา ณ ที่ตั้งในหมู่บ้านเตโชโมรอดก อำเภอจอมกสัน จังหวัดพระวิหาร ส่งผลให้ทหารกัมพูชานายหนึ่งเสียชีวิตอย่าง "ไม่เป็นธรรม" และอ้างว่า ทหารกัมพูชาได้ประจำการในพื้นที่ดังกล่าวก่อนหน้า MOU ปี 2543 เสียอีก พร้อมเรียกร้องให้ไทยสอบสวนเหตุการณ์รุนแรงนี้อย่างเร่งด่วนและถี่ถ้วน และนำผู้รับผิดชอบมาลงโทษ



ขณะที่ โฆษกกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี ออกมาระบุถึงการโพสต์ ของ นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ที่จะนำประเด็นพื้นที่พิพาทกับไทย ขึ้นสู่ศาลโลกว่า เป็นคนละเรื่องกับปัญหาปัจจุบันที่ช่องบก และมองว่าการปะทะกันที่ช่องบก ยังไม่ได้ไปไกลถึงขั้นนั้น



พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หลัง นายกฯฮุน มาเนต ของกัมพูชา เตรียมประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา หรือ JBC กลางเดือนนี้ เพื่อเสนอนำประเด็นพื้นที่พิพาทต่างๆ ขึ้นศาลโลก ว่า



จุดที่เป็นประเด็นระหว่างไทย-กัมพูชา ณ ขณะนี้ คือที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ซึ่งจุดนี้ยังไม่มีประเด็นที่จะลุกลามนำไปถึงขั้นศาลโลก เพราะมีกลไกข้อตกลง หรือ MOU ที่มีการใช้กันมายาวนาน จนเพิ่งมามีปัญหา ในช่วงหลัง จากการเข้ามาขุดคูเลต ในพื้นที่ ที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็อ้างสิทธิ์ ทำให้ จำเป็นต้องใช้ กลไกของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ในการเจรจาพูดคุยกัน



ส่วนที่ทางการกัมพูชาจะใช้กลไกของศาลโลกในการแก้ปัญหา เรื่องนี้จะเป็นหน้าที่ของระดับนโยบายที่จะต้องดำเนินการ คือ กระทรวงการต่างประเทศ ในส่วนของกองทัพ จะโฟกัส ที่จุดที่มีการปะทะกัน



ส่วนการประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ที่จะเกิดขึ้นจะกลายเป็น เครื่องมือในประเด็นที่ กัมพูชา จะนำปัญหาขึ้นสู่ศาลโลก หรือไม่นั้น พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ตอนนี้จะต้องให้ถึงวาระที่จะมีการประชุมก่อน เพราะเราก็ไม่ทราบในรายละเอียด แต่จากการ ที่ ผบ.ทบ. ทั้งสองประเทศคุยกัน ต่างก็สนับสนุน ให้ใช้ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เพื่อ ระบุความชัดเจนในเรื่องพื้นที่ ยังไม่มีการพูดถึง เรื่องที่จะไปถึงศาลโลกมาก่อน



พล.ต.วินธัย ยังกล่าวถึงการที่สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ภาพถ่ายที่ศาลาตรีมุข ในพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต และอ้างว่าเป็นดินแดนกัมพูชา ว่า จริงๆ พื้นที่ดังกล่าว มันไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เป็นประเด็นการปะทะกัน ฝ่ายเรากังวลเฉพาะจุดที่มีการปะทะเท่านั้น เพราะ มีการขุดคูเลต และมีการวางกำลัง



และการระบุว่าพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต เป็นของกัมพูชา ความจริงแล้ปัญหาทับซ้อนพื้นที่ตรงนั้น มีเพียงหลักสิบ หลักร้อยเมตรเอง จึงไม่มั่นใจเจตนารมณ์ที่โพสต์



พร้อมย้ำว่า จุดที่มีการปะทะกัน จริงๆ เป็นสภาพพื้นที่ป่า ไม่เคยพบมีชาวบ้าน หรือทหารกัมพูชามาอยู่ อย่างที่มีการอ้าง และ จากหลักฐานภาพถ่ายก็ชัดเจน ว่าเพิ่งมาขุดคูเลตกันไม่นาน ไม่ใช่ขุดอยู่กัน มา 30-40 ปีที่แล้ว



ส่วนความพร้อมของทหารไทย ตอนนี้หน่วยต่างๆ ตามแนวชายแดนมีการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ มีกองกำลังบูรพาซ้อมเสมือนจริงไปแล้ว วันนี้มีภาพความพร้อมของกองพันข่าวกรองทางทหาร



วันนี้ พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร สั่งการให้ กองพันข่าวกรองทางทหาร ทำการตรวจสภาพความพร้อมรบของ กองร้อยข่าวกรองทางทหาร เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพล อาวุธ ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ให้พร้อมสำหรับรองรับภารกิจจาก กองทัพบก



โดยกองร้อยข่าวกรองทางทหาร มีภารกิจหลักในการรวบรวมข่าวสารและเฝ้าตรวจสนามรบ สนับสนุนให้แก่หน่วยดำเนินกลยุทธ์



พล.ต.ธีรนันท์ ได้ให้โอวาท กำลังพล ตอนหนึ่ง ว่า "พวกเราคือ กองอาทมาต ที่สืบสานการทำหน้าที่ มาตั้งแต่โบราณกาล ขอให้เราภูมิใจ ในการเป็นทหารการข่าว ทำหน้าที่รวบรวมข่าวสาร ในอดีตกองอาทมาต มีความสามารถในการสอดแนม จารกรรม รวมรวมข่าวสาร มีคาถาอาคม วันนี้ถึงแม้เราจะไม่มีคาถาอาคม แต่เรามีเครื่องมือพิเศษ เรามีระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความทันสมัย เพราะฉะนั้นพวกเรา คือ หูและตา แห่งสนามรบ ขอพวกเราเป็นตาที่คมเหมือนเหยี่ยว เป็นหูที่ไวเหมือน นกเค้าแมว"



พล.ต.ธีรนันท์ ยังได้เน้นย้ำและสั่งการในเรื่อง การรักษาวินัยของทหาร และแสดงออกถึงภาพลักษณ์ที่ดีของ กองทัพบก ต้องการยึดมั่นในอุดมการณ์ เกียรติ ศักดิ์ศรี ของทหารอาชีพ และมีความพร้อมอยู่เสมอ สามารถปฏิบัติภารกิจได้ทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง กองร้อยข่าวกรองทางทหาร ได้แสดงออกให้เห็นถึงความเข้มแข็งของ กำลังพล และความพร้อมของยุทโธปกรณ์ ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถปฏิบัติภารกิจได้เมื่อได้รับคำสั่งจากกองทัพบก เต็มกำลังความสามารถ




รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/nJY9OjUmYu8

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ฮุนมาเนต ,กัมพูชา

คุณอาจสนใจ

Related News