เผยสถิติ ปี 66-67 "เด็ก-เยาวชน" 15-25 ปี ถูกหลอกเข้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 11 ราย

เผยสถิติ เด็ก-เยาวชน 15-25 ปี ถูกหลอกเข้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ช่วงใกล้วันเด็ก! มูลนิธิกระจกเงา ร่วมกับสถาบันนิติเวชวิทยา แถลงสถานการณ์เด็กหาย และการใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการตามหาเด็กหาย "ดีเอ็นเอโปรคิดส์"

พร้อมเปิดเผยข้อมูลห้วงปี66-67 มีเด็กและเยาวชน ถูกชักชวนและถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 11 ราย

พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายมูลนิธิกระจกเงา ร่วมแถลงข่าวกรณี "สถานการณ์เด็กหาย และ ดีเอ็นเอโปรคิดส์ การใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการตามหาเด็กหาย" โดยนำภาพสไลด์มาเปิดการรวบรวมสถิติกรณีเด็กหายในประเทศไทย โดยมีญาติๆ ครอบครับเด็กที่ติดตามคืนเด็กไม่ได้มาร่วมนั่งฟังเช่น เคสแม่ขอน้องจีจี้ (ตอนนั้นหายไป 9 ขวบ ปัจจุบันอายุ 24 ปี)

นายเอกลักษณ์เปิดเผยว่า จากสถิติรับแจ้งเด็กหายของมูลนิธิกระจกเงาในปี 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 314 ราย แบ่งเป็นหญิง 186 รายและชาย 128 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 6% จำนวน 296 ราย

และที่น่าสนใจพบว่าในห้วงปลายปี 2566-2567 ที่ผ่านมา มีเด็กและเยาวชนถูกชักชวนให้หลงเชื่อและถูกหลอกไปทำงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา 11 ราย โดยอายุน้อยที่สุดที่ถูกหลอกไปทำงานมีอายุเพียง 14 ปี อายุมากที่สุดถูกหลอก 22 ปี ตอนนี้ได้ตัวกลับมาแล้ว 9 คน มี 1 คนติดคุกอยู่ เนื่องจากพบการเข้าถึงยาเสพติดด้วย ส่วนอีก 1 คน มีความประสงค์ที่จะอยู่ทำงานต่อ

โดยกระบวนการหลอกเด็กไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น จะมีเป้าหมายหลักมุ่งไปที่เยาวชนอายุ 15-25 ปี ส่วนใหญ่หลุดจากระบบการศึกษาและอยากมีรายได้

เมื่อถามว่า 11 คนนี้ถูกทรมานทำร้ายร่างกายด้วยหรือไม่ นายเอกลักษณ์กล่าวว่า ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการถูกกดดันทางคำพูดให้ทำตามที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องการ แต่จะถูกทำร้ายร่างกายก็ต่อเมื่อเด็กอยากกลับหรือรู้ว่าแอบลักลอบติดต่อญาติขอความช่วยเหลือ

สำหรับลักษณะของการล่อลวงชักชวนไปทำงาน ส่วนใหญ่จะหลงเชื่อคำเชิญชวนในโลกออนไลน์จากประกาศรับสมัครงานแอดมินเว็บไซต์ อ้างว่ามีรายได้ดี ภายหลังจึงพบว่า เป็นการถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บางรายยังติดต่อเพื่อให้ครอบครัวส่งเงินไถ่ตัวกลับบ้านอีกด้วย

พฤติการณ์เริ่มต้นจากการประกาศรับสมัครงานแอดมินเว็บไซต์ต่าง ๆ ให้ผลตอบแทนสูง ทำให้เด็กที่อยากมีรายได้หลงเชื่อได้ง่าย จากนั้นก็จะมีการพาตัวเด็กผ่านช่องทางธรรมชาติไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไปทำงานเป็นหนึ่งในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะให้เด็กปลอมเป็นตำรวจบ้าง หรือนายธนาคารบ้าง ซึ่งจะมีการให้เด็กอ่านตามสคริปต์ โดยวันแรกเป็นการอ่านท่องจำสคริปต์ วันที่สองให้ฟังคนที่โทรไปหลอก และวันที่สามให้เด็กเริ่มทำงาน

ด้าน พล.ต.ต.สุพิไชย กล่าวว่า ขณะนี้ทางสถาบันนิติเวชวิทยา ได้เข้าร่วมโครงการดีเอ็นเอโปรคิดส์ (DNA-PROKIDS) เป็นโครงการระหว่างประเทศเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยสถาบันนิติเวชวิทยาจะเป็นศูนย์ตรวจสารพันธุกรรมเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ในเด็ก เพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ในเด็กให้กลับคืนสู่ครอบครัวที่แท้จริง ด้วยการเก็บสารพันธุกรรมของพ่อแม่เด็กที่อาจถูกลักพาตัวหรือล่อลวงไป โดยเมื่อพ่อแม่แจ้งความกับพนักงานสอบสวนว่าบุตรหาย ถ้าพนักงานสอบสวนทำหนังสือส่งตัวมา ก็จะตรวจสารพันธุกรรมของพ่อแม่แล้วเก็บข้อมูลสารพันธุกรรมไว้ใน "ระบบฐานข้อมูลดีเอ็นเอสถาบันนิติเวชวิทยา"

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/e594eqscblE