สังคม

เปิดใจ พนง.ดิไอคอน ถูกสอบเครียด มองตร.ทำเกินเหตุ ข่มขู่-ยึดมือถือ ลั่นมาเป็นพยานแต่ถูกทำเหมือนผู้ต้องหา

โดย panwilai_c

4 ชั่วโมงที่แล้ว

25 views

ทนายบอสพอล พา พนักงานบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปลงบันทึกประจำวันหลังตำรวจยึดโทรศัพท์มือถือ พร้อมสอบในฐานะพยาน มองเข้าข่ายทำเกินกว่าเหตุผิด ม.157



นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล พาพนักงาน ดิไอคอนกรุ๊ป 6 คน ไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.พหลโยธิน หลังเมื่อวานนี้ (22 ตุลาคม 2567) ตำรวจได้เข้าค้นหาพยานหลักฐานในคดีเพิ่มเติมทั้งหมด 11 จุด ก่อนคุมตัวพนักงานมาสอบปากคำที่กองปราบฯ ตั้งแต่เวลา 12.00 - 20.00 น. พร้อมยึดโทรศัพท์ทุกคนไปตรวจสอบทั้งหมด 10 เครื่อง ไม่ให้ติดต่อใคร แต่ได้คืนกลับมาเพียง 7 เครื่อง จึงมองว่าการปฏิบัติหน้าที่ของทางตำรวจครั้งนี้ เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของพนักงานที่เข้ามาสอบปากคำในฐานะพยานเท่านั้นหรือไม่



โดยหลังจากเมื่อวานนี้ได้สอบถามทางพนักงานที่ถูกยึดโทรศัพท์ไว้ว่าได้เซ็นยินยอมหรือไม่ ทุกคนบอกว่า เซ็นยินยอม เพราะหากว่าไม่เซ็น ก็กลัวว่าจะไม่ได้กลับบ้าน และยังใช้ตำรวจหลายคนมาบังคับโดยกลาย ซึ่งจากสภาพคนที่ไม่เคยโดนตำรวจเชิญตัวอะไรแบบนี้ จึงได้เซ็นไป



โดยเมื่อวานนี้หลังจากตัวเองได้ให้หลักฐานกับทางบิ๊กเต่าเสร็จ ก็ได้เข้าไปดูพนักงานที่ถูกเชิญมาสอบปากคำ ก็พบว่าแยกสอบแต่ละห้อง แต่เต็มไปด้วยตำรวจ แต่ท่านก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่สภาพแวดล้อมการทำหน้าที่ ไม่เอื้อให้เขาได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างหรือไม่ แถมยังถูกคุมตัวไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง มันเกินเรื่องไปหรือไม่ เพราะมาสอบปากคำในฐานะพยานแค่นั้น ไม่ได้เป็นผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหาเลย



ส่วนเมื่อถามว่าไม่เซ็นได้หรือไม่ นายวิฑูรย์ ย้อนถามกลับว่า “ถ้าไม่เซ็นได้หรือไม่ ถ้าไม่เซ็นจะได้กลับบ้านหรือเปล่า” ทุกคนที่เซ็น เพราะกลัวจะไม่ได้กลับบ้าน ทุกคนจึงมองว่าลักษณะมันคล้ายๆ การถูกคุกคาม อย่างเลขาฯ บอสปัน เป็นผู้หญิงคนเดียว แต่ถูกตำรวจรายล้อมจำนวนมาก แม้จะไม่ได้ทำอะไร



ขณะที่นางสาวเอ (นามสมมุติ) เป็นหนึ่งในพนักงานของ “ดิไอคอนกรุ๊ป” ที่ถูกตำรวจเชิญตัวไปให้ข้อมูลหลังเข้าค้น 11 จุด ได้เปิดเผยว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปเชิญตัวมาให้ปากคำ มีเพียงหมายค้น แต่ไม่หนังสือเชิญตัวแต่อย่างใด โดยหนังสือเชิญตัวถูกเขียนขึ้น ณ จุดเกิดเหตุ จึงทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยในการทำงานของตำรวจ อีกทั้งระหว่างที่ถูกควบคุมตัวมีการบันทึกภาพและวิดีโอไว้ตลอด ซึ่งในมุมของเธอที่เป็นประชาชนก็รู้สึกว่า ตัวเองไม่ใช่ผู้ต้องหา จึงเดินทางเข้ามาบันทึกประจำวันในวันนี้เพื่อเป็นหลักฐาน



ส่วนการสอบถามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นางสาวเอ ระบุว่ามีลักษณะการชี้นำ และถามว่ามีตำแหน่งในบริษัทหรือไม่ ซึ่งเธอก็ได้ตอบไปแล้วว่าเป็นเพียงแค่พนักงานทำงานตามหน้าที่ และเจ้าหน้าที่พูดหว่านล้อมจนทำให้หวาดกลัวตลอดการสืบสวนสอบสวนหลายชั่วโมง ซึ่งมีเจ้าที่พูดกับเธอว่า ”วันนี้เป็นพยานพรุ่งนี้อาจจะเป็นผู้ต้องหาก็ได้“ ทำให้เธอรู้สึกกลัว และร้องไห้ออกมา



และประเด็นเรื่องการยึดโทรศัพท์ เธอระบุว่ามีการสอบปากคำเธอตั้งแต่เวลา 12.00 - 20.00 น ใช้เวลาทั้งหมด 8 ชั่วโมง และมีการยึดโทรศัพท์ไปตั้งแต่แรกทำให้ทุกคนไม่สามารถที่จะติดต่อหาทางครอบครัวได้ โดยในเรื่องการเซ็นเอกสารยินยอมนั้น ในเอกสารระบุข้อความกว้างๆว่า เพื่อความยินยอมให้นำโทรศัพท์ตรวจสอบเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่าเอกสารดังกล่าวจะยินยอมหรือไม่ยินยอมก็ได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของพยานทำให้เธอเซ็นไปแต่แรก ขณะเดียวกันเพื่อนบางคนที่เจ้าหน้าที่แจ้งสิทธิ์จึงไม่ได้เซ็นเอกสารดังกล่าว



พร้อมบอกว่าตัวเองทำงานที่บริษัทดิไอคอนกรุ๊ปกับบอสพอลมาได้ 2 ปีก็มีความสนิทสนมกันในฐานะนายจ้างกับลูกจ้างส่วนตัวไม่ทราบระบบในบริษัทดูแลเฉพาะพนักงานหรือฝ่ายบุคคลเท่านั้น และเมื่อถามว่าขณะนี้บอสพอลถูกจับอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เรื่องเงินเดือนของพนักงานจะได้อย่างไร นางสาวเอ ระบุว่าอย่างที่ทราบว่าบัญชีของบริษัทมีการถูกอายัดไว้ทำให้ตอนนี้พนักงานทุกคนต้องดูแลช่วยเหลือกันไปเองก่อน และจะให้ทนายความช่วยดูแลในเรื่องของเงินเดือนของพนักงานทั้งหมด



และในช่วงหนึ่งนางสาวเอ กล่าวถึง บอสพอลในฐานะหัวหน้าของตัวเอง ว่าบอสพอลเป็นเจ้านายที่ดีมากๆ รักลูกน้องทุกคนมากๆ พวกเราทุกคนได้รับการดูแลเป็นอย่างดีอยู่กันเหมือนพี่น้อง ให้ความช่วยเหลือตลอด ขณะเดียวกัน ต้องบอกว่าในมุมการทำงานบอสพอลเป็นทั้งอาจารย์ เป็นทั้งครูในการสอนและให้แนวทางในการดำเนินชีวิตสำหรับแต่ละคนว่า “ให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ”



ทั้งนี้ช่วงก่อนที่บอสพอลจะโดนควบคุมตัว บอสพอลยังได้ให้กำลังใจทุกคนอีกด้วย พร้อมบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทุกคนอย่าเป็นกังวล ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม


https://youtu.be/Jpl1ppBTazQ

คุณอาจสนใจ

Related News