สังคม

'ชัยณรงค์' อดีตอัยการอาวุโส รับช่วย 'บอส' ในฐานะเพื่อนมนุษย์ แต่ยันคลิปเสียงถูกตัดต่อ

โดย panwilai_c

29 ส.ค. 2567

79 views

อีก 5 วันจะครบ 12 ปี กับเหตุการณ์ที่ "บอส อยู่วิทยา" ขับรถชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ซึ่งถือเป็นคดีมหากาพย์ของไทย เพราะจนถึงวันนี้ "บอส" ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และวันนี้อัยการสั่งฟ้องข้าราชการ และกลุ่มคนที่ให้ความช่วยเหลือ บอส เพื่อให้หลุดคดีอีก 8 คน ซึ่ง 2 ใน 8 เป็นอดีต ผบ.ตร. กับอดีตรองอัยการสูงสุดด้วย



วันนี้(29 ส.ค. 67) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นาย สุเวช จอมพงค์ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 นำสำนวนฟ้อง 20 แผ่น ที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง 8 ผู้ต้องหา มาส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตามมติของ ป.ป.ช. ซึ่ง ทั้ง 8 คน จะถูกดำเนินคดีในข้อหาต่างกัน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม



กลุ่มแรก ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ ได้แก่ พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขณะนั้นเป็นกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ / พลตำรวจตรี ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข อดีตผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน / พันตำรวจเอก วิรดล ทับทิมดี อดีตพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ / นาย ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส ในฐานะผู้ให้คำปรึกษา และ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้คำนวณความเร็วรถจาก 177 เหลือ 79 กิโลเมตรต่อชั่วโมง



กลุ่มที่ 2 ผู้ต้องหาสั่งไม่ฟ้อง บอส อยู่วิทยา เรื่องขับรถเร็วเกินกำหนด คือ นาย เนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด



กลุ่มที่ 3 พยานของคดีนี้ ได้แก่ นาย ธนิต บัวเขียว และนายชูชัย หรือ พิชัย เลิศพงศ์อดิศร



1 ในคนที่เดินทางมาถึงศาลแต่เช้า คือ "บิ๊กอ็อด" พลตำรวจเอก สมยศ ยอมรับกับนักข่าวว่า กังวลใจ และไม่สบายใจ เพราะเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคนที่มีเรื่องต้องต่อสู้ในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง แต่ทุกอย่างต้องพิสูจน์ในชั้นศาล ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความเห็นใด ๆ เนื่องจากเป็นการก้าวก่ายและเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม



หลังจากนั้นราวเที่ยงครึ่ง ผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ลงมาจากศาล 1 ในจำเลยคดีนี้ที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ คือ นาย ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส ได้เปิดใจกับนักข่าวในฐานะที่ตกเป็นจำเลยในคดีนี้ว่า วันนี้รู้สึกทั้งดีใจและเสียใจ เพราะเรื่องนี้ผ่านมานานถึง 49 เดือนแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายวิชา มหาคุณ ตรวจสอบมหากาพย์คดี "บอส อยู่วิทยา" เขารู้สึกอึดอัดใจและเสียใจมาก เพราะเขาไม่ใช่ผู้กระทําความผิด แต่ถูกคณะกรรมการชุดต่างๆ ทั้ง ป.ป.ช. / อัยการสูงสุด ไม่ให้ความเป็นธรรม กีดกั้นเพื่อพิสูจน์ความจริง จนมาวันนี้คดีได้มาถึงศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นเหมือนที่พึ่งสุดท้าย



นอกจากนี้ นาย ชัยณรงค์ ยอมรับว่า เข้าไปช่วยให้คําปรึกษาคดี "บอส อยู่วิทยา" เนื่องจากเป็นเพื่อนของหลานสาว แต่ไม่ได้รับค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น แม้แต่สลึงเดียว ได้เพียงนํ้าใจเท่านั้น พร้อมกับบอกว่า "ขาหนึ่งเป็นอัยการ อีกขาเป็นเพื่อนมนุษย์ เมื่อเพื่อนเดือดร้อนตนจะเข้าไปช่วยไม่ได้เลยหรือ"



แล้วที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมในจริยธรรมของข้าราชการ ในกระบวนการยุติธรรมนั้น นายชัยณรงค์ กล่าวด้วยนํ้าเสียงจริงจังว่า "สังคมจอมปลอม"



และในวันที่ 23 กันยายนนี้ นาย ชัยณรงค์ จะเปิดคลิปเสียงตัวเต็มที่มีการสนทนากันในห้อง เรื่องการคำนวณความเร็วรถ เพราะคลิปเสียงที่ถูกนำมาเป็นหลักฐานกล่าวหาเขาก่อนหน้านี้ เป็นคลิปเสียงที่โดนตัดต่อมา โดยจะเปิดคลิปเสียงนี้ หลังศาลไต่สวนมูลฟ้องคดีนายตํารวจตัดต่อเทป ครั้งที่ 4 เสร็จ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้



ในวันนี้ศาลได้พิจารณาคําร้องส่งฟ้องของอัยการรวมถึงพยานหลักฐานต่าง ๆ จํานวน 9 ลัง 30 แฟ้ม มีความเห็นรับฟ้องคดีดังกล่าวและนัดสอบคําให้การในวันที่ 10 กันยายนนี้ เวลา 9 โมงครึ่ง ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขณะที่ผู้ต้องหา 8 คน ได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาล โดยใช้หลักทรัพย์คนละ 2 แสนบาท ซึ่งศาลพิจารณาแล้วสมควรให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และมารายงานตัวตามที่กําหนด



ด้าน นาย สุเวช จอมพงค์ อัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 กล่าวว่า ในชั้นของพนักงานอัยการเชื่อว่าสามารถเอาผิดผู้กระทําความผิดได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล และหากสุดท้ายมีจําเลยบางคนได้รับผลบวก หรือศาลยกฟ้อง ทางอัยการสูงสุดก็จะมาพิจารณาว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ และหารือร่วมกับ ป.ป.ช. อีกครั้ง ซึ่งอัยการไม่เป็นห่วงในเรื่องของพยานหลักฐาน เพราะทางอัยการสูงสุดท่านได้กลั่นกรองมาอย่างดีที่สุดแล้ว พร้อมยืนยัน คดีนี้ไม่มีวิ่งเต้นอย่างแน่นอน



ส่วนคดีของ บอส นาย วรยุทธ อยู่วิทยา ขณะนี้เหลือเพียงข้อหาเดียวที่ยังไม่หมดอายุความ คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี จะหมดอายุความในวันที่ 3 กันยายน 2570 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/wrJ1Xy1G9WE

คุณอาจสนใจ

Related News