สังคม

คดีแรกในประวัติศาสตร์ อัยการสอบสวนจับกุมผู้ต้องหา คดีลักลอบขนเกล็ดลิ่น ลุยเองทุกขั้นตอน หลังคดีล่าช้า

1 ธ.ค. 2568

34 views

คดีแรกในประวัติศาสตร์ อัยการสอบสวนจับกุมผู้ต้องหา ลักลอบขนเกล็ดลิ่นตามหมายจับศาลเอง “วัชรินทร์” อธ.อัยการสอบสวนลั่นพร้อม ผลักดัน จนท.สืบสวนอัยการ ล่า ผตห.คดีนอกราชฯ

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2568 ที่สำนักงานอัยการสอบสวน ถนนบรมราชชนนี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ได้แถลงข่าวการจับกุม นายอภิศักดิ์ หรือ สมควร บุญโต ผู้ต้องหาคดีลักลอบขนเกล็ดลิ่นเข้ามาในราชอาณาจักรไทย

นายวัชรินทร์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวว่า คดีนี้เริ่มมาจากเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2559 ช่วงเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. ได้รับข้อมูลว่าจะมีการขนเกล็ดลิ่น (ตัวนิ่ม) กว่า 500 กิโลกรัม เข้ามายังประเทศไทยเพื่อส่งต่อไปยังประเทศลาวมาทางเครื่องบิน จากประเทศตุรกีมายังประเทศไทย โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เครื่องจะถึงสุวรรณภูมิ วันที่ 4 ธ.ค.2559 ก็เลยเดินทางไปตรวจสอบดำเนินคดี ซึ่งเดิมพนักงานสอบสวนของ ปทส.เป็นผู้สอบสวน แต่พบว่ามีการสอบสวนล่าช้า

ทางผู้กล่าวหาซึ่งมีทั้งหัวหน้าด่านของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมศุลกากร ก็มาร้องทางอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนในขณะนั้นว่า คดีมีการใช้เวลาสอบสวนเกือบ 2 ปี ซึ่งล่าช้า

เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีความผิดนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความเป็นอาญามาตรา 20 ถือว่าเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดแต่ผู้เดียวที่จะมอบหมายให้ตำรวจ ปทส.สอบสวนฝ่ายเดียวก็ได้ หรือมอบให้ตำรวจ ปทส.สอบสวน โดยมีอัยการสำนักงานการสอบสวนร่วมสอบสวน หรือจะมอบหมายให้อัยการสำนักงานการสอบสวนทำการสอบสวนฝ่ายเดียวก็ได้

แต่เรื่องนี้เดิมทีมอบให้อัยการร่วมสอบสวนกับตำรวจ ปทส. แต่ผู้กล่าวหาเห็นว่าคดีล่าช้า นานมากแล้ว

จึงร้องมาทางอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และหนังสือกราบเรียนอัยการสูงสุดไปว่าผู้กล่าวหามาร้องเรียนว่ามีการสอบสวนล่าช้า อัยการสูงสุดขณะนั้นจึงมีคำสั่งให้เรียกสำนวนการสอบสวนดังกล่าวกลับคืนมา และมอบหมายให้อัยการสำนักงานการสอบสวนเป็นผู้สอบสวนแต่เพียงฝ่ายเดียว

เมื่อทางอัยการสำนักงานการสอบสวนได้มาพิจารณาพบว่าเรื่องนี้แบ่งเป็น 3 สำนวน

สำนวนแรกเป็นสำนวนที่เกี่ยวกับข้าราชการกระทำความผิด ก็ได้ส่งดำเนินคดีต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เรียบร้อย

สำนวนที่ 2 เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องก็คือบริษัทชิปปิ้งที่ทำผิด ก็ดำเนินคดีส่งอัยการสูงสุดเป็นผู้สั่งคดี อัยการสูงสุดท่านสั่งคดีฟ้อง ซึ่งขั้นตอนคดีนี้ตอนนี้อยู่ในชั้นศาลของสำนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจทรัพยากร

ส่วนสำนวนที่จับตัวผู้ต้องหาได้วันนี้ ผู้ต้องหาคือนายอภิศักดิ์ หรือ สมควร บุญโต เป็นผู้ว่าจ้างให้บริษัทชิปปิ้งดำเนินการพิธีทางศุลกากรเพื่อนำผ่านสินค้า โดยแจ้งรายละเอียดว่าเป็นเกล็ดตัวนิ่มไปประเทศลาว ตกลงรับจ้างในราคา 1 หมื่นบาท เป็นสำนวนที่ทางอัยการสำนักงานการสอบสวนที่ตั้งเป็นคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนเองเลย โดยไม่มีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง เสนอสำนวนต่ออัยการสูงสุด

ซึ่งอัยการสูงสุดเห็นว่าผู้ต้องหารายที่จับกุมตัวได้วันนี้เป็นผู้กระทำความผิด มีคำสั่งฟ้องในความผิดฐานร่วมกันนำของเข้าเพื่อการผ่านแดนหรือถ่ายลำโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น และร่วมกันพยายามนำผ่านซากของสัตว์ป่าชนิดที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด หรือซากสัตว์ป่าควบคุม โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยไม่ได้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจสัตว์ป่าตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ, กฎกระทรวงการขอใบอนุญาตหรือใบรับรอง และการออกใบอนุญาตหรือใบรับรองให้นำเข้า ให้ส่งออก หรือให้นำผ่าน ซึ่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าฯ ซึ่งเกล็ดลิ่นหรือตัวนิ่มนี้ ถือว่าอยู่ในสัญญาไซเตส เพราะถือว่าเป็นสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว อยู่ในบัญชีหมายเลข 1 ของไซเตส


นายวัชรินทร์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นวันที่เรารู้สึกว่าการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานการสอบสวนของสำนักงานอัยการสูงสุดครบวงจรที่สุดตั้งแต่ตั้งมา เดิมเราทำหน้าที่แค่สอบสวนคดีร่วมกับพนักงานสอบสวนตำรวจหรือดีเอสไอในเรื่องความผิดนอกราชอาณาจักร

แต่การตรวจค้นจับกุม การสืบสวน เป็นหน้าที่ของตำรวจหรือดีเอสไอที่เราไปร่วมสอบ คดีนี้เป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ที่เราทำการสืบสวนเอง และจับกุมตัวผู้ต้องหาเอง

เดิมหมายจับนี้ที่เราขอเอง และได้ส่งไปยัง ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2567 ให้จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหานี้มาพร้อมกับส่งหมายจับของศาลอาญาและตำหนิรูปพรรณของผู้กระทำความผิดไป แต่ยังไม่ได้มีการจับ

ทางอัยการสำนักงานการสอบสวนจึงได้ประชุมหารือกันว่าเราจะทำเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราจะลองใช้อำนาจตามหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดตามกฎหมาย นอกจากสอบสวนแล้วเราจะไปสืบสวนว่าตัวผู้ต้องหาอยู่ที่ไหน และจับกุมตัว ซึ่งวันนี้ถือเป็นความสำเร็จที่ทางอัยการสำนักงานการสอบสวนได้ปฏิบัติครบวงจรในเรื่องของการสืบสวนและสอบสวน ก็ได้ดำเนินการจนครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการสอบสวน ด้านการสืบสวน การตรวจค้น และการจับกุม

ก็หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นคดีนำร่องที่เรากำลังจะฝึกฝนทางอัยการหรือเจ้าพนักงานคดีของเราที่พอมีอยู่ให้มีประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ดังกล่าวได้ เพื่อที่จะดำเนินการให้ได้เหมือนกับคดีนี้

อย่างไรก็ตาม ในคดีต่อไป เราต้องดูในเรื่องของคดี เพราะบางคดีผู้ต้องหาจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพล หรือว่าผู้ที่สามารถใช้อาวุธปืน วัตถุระเบิด เราจะใช้ดุลพินิจว่าทางทีมงานเราจะเข้าไปถึงจุดนั้น และเป็นการเสี่ยงภัยหรือไม่ ต้องอย่าลืมว่าทางอัยการและเจ้าพนักงานคดีไม่ได้ถูกฝึกมาในด้านนี้

ความจริงทางเรามีความประสงค์ที่จะขอให้มีการเปิดตำแหน่งเจ้าหน้าที่สืบสวนโดยตรงที่จะทำหน้าที่แบบวันนี้ ถ้าเราได้เจ้าหน้าที่สืบสวนโดยตรงในการทำงาน คิดว่าศักยภาพของอัยการสอบสวนในประเทศไทยจะเทียบเท่ากับอัยการสากล ดังเช่นประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน เอาเฉพาะในเอเชียไม่รวมถึงในอเมริกา เพราะของอเมริกานั้นถือว่าอำนาจขององค์กรอัยการเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก

ซึ่งถ้าเราได้คนที่มีความสามารถในการจับกุม การสืบสวน มาร่วมงานกับเรา จะสามารถทำคดีได้อีกมากมายที่จะประสบความสำเร็จในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ ส่วนเรื่องสเปก เราเคยกราบเรียนผู้บังคับบัญชาระดับสูงว่าเราต้องการประเภทแบบวันนี้คือคนที่อยู่กับ สามารถไปจับกุม ตรวจค้นได้ ไปลุยกับเราในงานสืบสวนได้ นี่แหละสิ่งที่สำนักงานอัยการสอบสวนต้องการ วันนี้เราได้แสดงประสิทธิภาพให้เห็นว่าภายใต้คนที่มีอยู่ในจำนวนไม่มาก เจ้าพนักงานคดีที่เราพอมีอยู่เราสามารถดำเนินการได้ แต่มันยังเป็นคดีเริ่มต้น ซึ่งผู้ต้องหาไม่ได้เป็นกลุ่มที่ต้องระมัดระวังพิเศษ ถ้าเป็นผู้ต้องหาที่มีอาวุธปืน หรือว่าเป็นผู้ต้องหาที่น่ากลัว เป็นมือปืนรับจ้าง หรือผู้ทรงอิทธิพล ตนก็จะไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปเสี่ยงอย่างแน่นอน ก็จะต้องยืมมือ หรือขอความร่วมมือจากตำรวจหรือดีเอสไอ ที่มีอำนาจในการใช้อาวุธมากกว่าทางอัยการ

เรื่องนี้เป็นการนำร่องให้เห็นศักยภาพที่เราทำได้ ผมก็ได้เสนอทางผู้บังคับบัญชาในการผลักดันให้เห็นความจำเป็นจริงๆ ว่างานการสอบสวนของเรา ถ้าเราไม่มีคนที่ทำหน้าที่ในการสืบสวนช่วยในการจับกุมตรวจค้น คดีก็จะเป็นอย่างที่เห็น อาจจะล่าช้า อาจจะไม่มีการติดตามได้ แต่ถ้าเรามีหน่วยนี้เกิดขึ้น

ไม่ต้องให้เราเยอะหรอกครับ เราขอวันนี้สัก 20 คน เนี่ยเราถือว่าเราได้คนที่ทำหน้าที่นี้มา คดีที่อยู่ในมือเราที่เราได้รับผิดชอบเนี่ยนะครับจะประสบความสำเร็จอีกมาก

“สเปกเบื้องต้นที่ต้องการเราเทียบเคียงจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อปี 2547 ก็คือการรับโอนจากตำรวจ, ทหาร, ปปง., ปปส. เข้ามา อันนี้คือรับมาปุ๊บ สามารถทำงานได้เลยนะครับ ไม่ต้องมาฝึกมาก และหลังจากนั้นก็รับสอบเข้ามา อันดับแรกที่เราอยากได้คือที่ฝึกอาวุธได้ หรือว่ามีหน้าที่ในการสืบสวน ตรวจค้นได้ คือจริงๆ ทางคณะกรรมการอัยการได้มีมติอนุมัติให้เราถึง 53 คนด้วยกัน แต่อันนี้คือความหวังของผมในฐานะอธิบดีอัยการที่รับผิดชอบ ก็ขอว่าถ้าไม่ได้ 53 คน ขอ 20 คนก็ยังมีเพิ่มมาทำหน้าที่ดังกล่าว” อธิบดีอัยการสอบสวนระบุ

คุณอาจสนใจ