สังคม

‘กรมประมง’ ไม่ยืนยัน ต้นตอทำ “ปลาหมอคางดำ” ระบาด สั่ง 6 มาตรการแก้ไข

17 ก.ค. 2567

80 views

อธิบดีกรมประมงสั่ง 6 มาตรการเร่งด่วนแก้ ‘ปลาหมอคางดำ’ เผยอนุญาตให้บริษัทเอกชนนำเข้ารายเดียว แต่ไม่สามารถยืนยันได้ อะไรเป็นต้นตอของการระบาด


วันนี้ (17 ก.ค.) นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง พร้อมด้วย นายคงภพ อำพลศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมสัตว์น้ำ และน.ส.ทิวารัตน์ เถลิงเกียรติลีลา ผู้เชี่ยวชาญด้านความหลากหลายทางชีวภาพด้านประมงน้ำจืด แถลงข่าวร่วมกัน เรื่องการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำที่กรมประมง โดยวันนี้มีนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.พรรคก้าวไกลมาร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย

โดยนายบัญชา อธิบายว่า ปลาหมอคางดำอยู่ในบัญชีสัตว์ห้ามนำเข้า โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการนำเข้าปลาหมอคางดำในครั้งนั้น กรมประมงได้มีกลไกในการควบคุมการนำเข้า ตั้งคณะกรรมการมาชุดหนึ่ง หรือที่เรียกว่าคณะกรรมการไอบีซี หรือ คณะกรรมการระดับสถาบันด้านความปลอดภัยและความหลากหลายทางชีวภาพของกรมประมง สมัยนั้นการจะนำสัตว์เหล่านี้เข้ามาต้องผ่านคณะกรรมการอนุมัติ โดยมีเงื่อนไข 2 ข้อ

1.ให้เก็บตัวอย่างครีบดอง และรายงานผลกลับมายังคณะกรรมการ และ2.เมื่อยกเลิกการวิจัยจะต้องทำลาย และรายงานผล พร้อมส่งตัวอย่างปลาหมอคางดำกลับมาที่กรมประมง

โดยผู้ขออนุญาตเอกชน ได้มีการนำปลาเข้ามา 2,000 ในเดือนธันวาคม 53 ผ่านด่านตรวจสัตว์น้ำ เมื่อนำเข้ามา ก็เข้าสู่ฟาร์มเพาะเลี้ยงที่จังหวัดสมุทรสงคราม

จากการตรวจสอบ ตนเองได้เรียกหน่วยงาน กองที่ดูแลกลุ่มงานนี้มาตรวจข้อมูล โดยเอาสมุดบันทึกลงทะเบียนในการลงรับข้อมูล หรือเรียกว่า "สมุดคุม" ที่มีการบันทึก โดยเพ่งไปช่วงปี 53 ของเดือนธันวาคม และมกราคม 54 แต่ก็ไม่พบยังไม่พบข้อมูลการนำส่ง 50 ตัวอย่างตามที่บริษัทเอกชนกล่าวอ้างในสมุดคุม

จนถึงบัดนี้ ให้เจ้าหน้าที่หาก็ไม่มีตามกล่าวอ้างแต่อย่างใด ยืนยันว่ากรมประมงไม่มีการรับตัวอย่างปลาจำนวน 50 ตัว จากบริษัทผู้นำเข้าแต่อย่างใด ส่วนสถานการณ์การระบาดของปลาหมอคางดำในขณะนี้ พบแล้วใน 16 จังหวัด ทางกรมประมงจึงได้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหา 6 มาตรการ

1. ประกาศประกาศอนุญาตผ่อนผันการใช้เครื่องมือประมงอวนรุน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดปลาหมอคางดำ

2.ปล่อยลูกพันธุ์ปลานักล่าเข้าสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น ปลากะพงขาว ปลาอีกรง จำนวน 226,000 ตัว ใน 7 จังหวัด

3.ประสานสมาคมผู้ผลิตปลาบ่นไทย ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครจำนวน 2 แห่ง เพื่อรับซื้อ ปลาหมอคางดำในจังหวัดใกล้เคียงเพื่อนำไปผลิต เป็นปลาป่น จำนวน 500 ตัน พร้อมทั้งประสานเครือข่ายภาคเอกชนเพื่อรับซื้อปลาหมอคางดำ ไปใช้เป็นปลา เหยื่อเลี้ยงสัตว์น้ำ

4.สำรวจและกระจายเฝ้าระวังการแพร่กระจาย ประชากรปลาหมอข้างดำในพื้นที่เขตกันชน ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อรับแจ้งเบาะแสและพิกัดของปลาหมอคางดำทั่วประเทศ

5.สร้างความรู้ความเข้าใจในการมีส่วนร่วมกำจัดปลาหมอคางดำ

6.โครงการวิจัยเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4N โดยจะเปลี่ยนโครโมโซมให้ปลาหมอคางดำเป็นหมัน เชื่อว่าจะช่วยลดการแพร่พันธ์ได้

ในส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวกรมประมงได้วิจัยเพื่อปรับปรุงโครโมโซมปลาหมอคางดำ เพื่อสร้างประชากรปลาหมอคางดำพิเศษที่มีชุดโครโมโซม 4 ชุด เพื่อปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ให้ไปผสมพันธุ์กับปลาหมอคางดำปกติ ที่มี 2 โครโมโซม เพื่อทำให้ลูกปลาหมอคางดำ เป็นหมัน (3 โครโมโซม) ไม่สามารถสืบพันธุ์ต่อไปได้ คาดว่าจะเริ่มทยอยปล่อยสายพันธุ์พิเศษนี้จำนวน 50,000 ตัว อย่างช้าไม่เกินเดือนธันวาคม 2567 และคาดว่าจะสามารถควบคุมการระบาดภายในภายใน 3 ปี

หลังแถลงข่าวเสร็จ ได้เปิดให้ผู้สื่อข่าวสอบถาม โดยประเด็นหลักที่สื่อสอบถาม คือบริษัทที่นำเข้าปลาหมอคางดำ ในกรณีของผู้นำเข้าที่ไม่พบเอกสารการนำส่งปลาตัวอย่างกลับเข้ามา ซึ่งไม่สอดคล้องกับ ในส่วนของบริษัทเอกชน ที่อ้างว่าได้นำส่งมาแล้ว ทางกรมจะดำเนินการอย่างไร

ทางอธิบดีกรมประมง ระบุว่า ราชการไทยมีระบบควบคุม เวลาทำอะไรเกี่ยวกับระบบราชการมีหนังสือส่งราชการ และมีสมุดคุม ถ้าบริษัทที่กล่าวถึง ท่านมีข้อมูล มีเอกสาร ก็นำส่งเอกสารมา หรือมีบุคคล หรือมีข้อมูลอื่นใดที่จะร่วมกันแสวงหาในเรื่องนี้ เพื่อที่จะร่วมกันตรวจสอบ เราต้องออกมาร่วมกันพิสูจน์ และยืนยันว่า ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบันมีบริษัทเดียวที่ขออนุญาตนำเข้าปลาหมอคางดำ

และหนึ่งในประเด็นที่ทางอธิบดีกรมประมงถูกผู้สื่อข่าวซักถามมาก คือ เรื่องการส่งเจ้าหน้าที่ไปดูการฝังกลบหรือไม่ และระยะเวลาที่ล่วงเลยมานาน ทำไมจึงไม่มีการเข้าไปตรวจสอบ ทางอธิบดีกรมประมง แจงว่าตอนนั้นทางฟารร์มไม่ได้แจ้งทางผู้เชี่ยวชาญ ให้เข้าไปดูการฝังกลบ

จากข้อมูล เจ้าหน้าที่มีการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ฝังกลบเองในช่วงที่มีการระบาด ในปี 2560 มีเจ้าหน้าที่ไปตรวจฟาร์ม แต่จากข้อมูลทางฟาร์มแจ้งว่าฝังกลบไปแล้ว คงไม่ได้ดู

ส่วนนี้น.ส.ทิวารัตน์ เถลิงเกียรติลีลา ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพด้านการประมงน้ำจืด ขยายความเพิ่มเติมว่า ทางผู้นำเข้าไม่ได้แจ้งในวันที่ทำลายเอาไปฝังกลบ แต่ในวันที่แพร่ระบาดปี 60 เจ้าหน้าที่ของกรมประมง จึงลงไปตรวจสอบ และพบว่าเขาชี้แจงว่า มีการฝังกลบ เนื่องจากมีการตายของตัวอย่าง ซึ่งตรงจุดนี้มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างทับไปแล้ว เมื่อจะตรวจสอบก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ในวันนั้น

ผู้สื่อข่าวเลยถามว่า ทำไมผ่านระยะเวลาไปตั้ง6 ปี (จากปีที่ทำลาย 54 ไปถึงปี 60 ที่กรมประมงเข้าไปตรวจฟาร์ม) จนมีการสร้างอาคารทับไปแล้ว ทำไมกรมประมงถึงปล่อยไว้ อธิบดี ย้ำว่า ทางบริษัทไม่ได้แจ้งให้กรมประมงส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปวันทำลาย

เมื่อถามอีกว่า กรณีไม่ได้แจ้ง จะมีความผิดไหมนั้น อธิบดี บอกว่า ตามระเบียบถ้าไม่ทำตามจะไม่อนุญาตให้นำเข้าปลาสายพันธุ์ดังกล่าวในครั้งต่อไป หมายถึงว่า ถ้าคุณจะทำธุรกรรมกับรัฐ ถ้าไม่ทำตาม ก็จะไม่อนุมัติแล้ว

ส่วนความผิดที่จะเพิ่งเกิด ก็ต้องมาดูว่าการผิดเงื่อนไขเหล่านี้ สามารถทำอะไรได้บ้าง กฎหมายประมงไม่ได้กำหนดไว้

เมื่อถามว่า แสดงว่ากฎหมายปี 53 เอาผิดไม่ได้หรือ อธิบดีระบุว่า ตนเองไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เงื่อนไขที่อ่าน กับสิ่งที่กำหนดไว้ว่าจะไม่อนุญาตให้นำเข้าครั้งต่อไป เพราะฉะนั้นความผิดอื่นที่จะเพิ่งเกิด มันอาจจะมีความผิดในกฎหมายอื่น แต่ก็ยังนึกไม่ออก แต่ถ้ามีอะไร กรมประมงก็จะยินดี เดี๋ยวเราก็จะให้กองกฎหมายไปศึกษาดู ว่ามีองค์ประกอบอื่นที่เอามาเพื่อที่จะพิจารณาเป็นข้อกฎหมายที่จะดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหานี้

เมื่อถามย้ำว่า จนถึงเวลานี้ผ่านมาหลายปี สรุปแล้ว ทราบต้นตอที่ทำให้ปลาหมอคางดำระบาดหรือยังเกิดจากอะไร และในเมื่อกรมประมงอนุญาตให้เอกชนเพียงรายเดียวที่นำเข้าในประเทศไทย และไม่ส่งกลับมาที่กรมประมง แล้วมันมีความเชื่อมโยงกับการระบาดในไทยหรือไม่

อธิบดีบอกว่า "จะให้ไปชี้ ยังตอบตรงๆ ไม่ได้ ในใจก็คิดไม่ต่างจากพวกเรา พูดตรงๆ แต่พูดออกมาชี้ชัดไม่ได้ ถึงวันนึงทุกอย่างมีหลักฐาน อะไรที่ราชการเห็นในทางกฎหมาย เราก็ต้องมาดำเนินการตามขั้นตอน" ยืนยันไม่หนักใจ ราชการต้องทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ เพราะฉะนั้นก่อนจะทำอะไรต้องช่างน้ำหนัก

ส่วนกรณีส่งออกปลาหมอคางดำ ที่มีรายงานว่ามีการส่งออกนั้น ตนเองยังไม่ได้รับข้อมูลในส่วนนี้ จะรับข้อมูลไปตรวจสอบ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากช่วงที่มีการระบาดของปลาหมอคางดำ และมีผู้จะไปเลี้ยงก็เป็นไปได้ แต่ในรายละเอียดจะขอไปตรวจสอบก่อน

หลังจากแถลงข่าวเสร็จ อธิบดีกรมประมง ก็ได้เดินเข้าไปหา สส.ณัฐชา และจับมือ พร้อมกล่าวขอบคุณที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดผลอิมแพค

ด้านนายณัฐชา ระบุว่า หลังจากฟังการแถลงในวันนี้ เห็นได้ว่า ทางกรมกล้าที่จะให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงว่า เอกสารที่บริษัทเอกชนส่งมาที่กรมประมง ไม่เคยได้รับตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน ต้องขอบคุณข้อมูลที่ชัดเจนจากกรมประมงที่ยืนยันว่าตั้งแต่ 2554 จนปัจจุบันไม่เคยมีเอกชนรายใดขอนำเข้าปลาสายพันธุ์นี้อีกเลย นั่นหมายความว่าเป็นเครื่องยืนยันว่า การนำเข้าแบบถูกต้องตามกฏหมายและขออนุญาตโดยบริษัทเอกชนบริษัทนี้ เป็นบริษัทเดียวตลอดระยะเวลา 10-15 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาด และรุกราน

จากการแถลงข่าว เห็นได้ชัดว่า กระบวนการติดตาม ไม่รัดกุมเท่าไหร่ ทำให้ปลาที่มีอนุภาพทำลายล้างสูง หลุดรอดออกไปได้ เพราะฉะนั้นในอนาคตการดำเนินการที่รัดกุมจะเกิดขึ้นภายใต้กฎหมายใหม่ แต่วันนี้อธิบดีได้ชี้แจงแล้วว่า ถึงแม้ว่าจะพบว่ามีเอกชนรายหนึ่งนำเข้า และปล่อยปละละเลยจนหลุด ข้อกฎหมายหนักขณะนั้นยังไม่สามารถเอาผิดได้ เป็นที่น่ากังวลใจในวงการเกษตร วงการประมง

นอกจากนี้บรรยากาศหลังแถลงข่าว กรมประมงได้รังสรรค์เมนูปลาหมอคางดำ มาให้สื่อมวลชนได้ลองชิม เช่น ปลาหมอคางดำทอดเกลือ คั่วกลิ้ง ทอดมัน ขนมจีนน้ำยา ขนมปั้นขลิบไส้ปลาหมอคางดำ ซึ่งทุกเมนูเป็นหมอปลาคางดำที่จับมาจากจังหวัดสมุทรสาคร


https://youtu.be/G3RTPIvSc68

คุณอาจสนใจ

Related News