ที่ปรึกษากรมกิจการเด็กฯ ชี้พ่อแม่เด็ก 8 ขวบ ไล่ฟ้องผู้เห็นต่าง สะท้อนไม่สำนึก ไม่เป็นผลดีต่อเด็ก

ที่ปรึกษากรมกิจการเด็กและเยาวชน ชี้ ผู้ปกครองเด็ก 8 ขวบ ฟ้องดำเนินคดีไม่หยุดกับผู้เห็นต่าง สะท้อนยังไม่สำนึกผิด และ ไม่เป็นผลดีต่อเด็ก



ที่ปรึกษากรมกิจการเด็กและเยาวชน ชี้ ผู้ปกครองเด็ก 8 ขวบ ฟ้องดำเนินคดีไม่หยุดกับผู้เห็นต่าง สะท้อนยังไม่สำนึกผิด และไม่เป็นผลดีต่อเด็ก ส่งผลต่อการบรรเทาโทษของศาลจะทำได้ยาก



นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ ที่ปรึกษากรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวง พม. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้ปกครองเด็ก 8 ขวบ ได้ไล่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่เห็นต่าง นั้น ถือว่า ไม่เป็นผลดีกับตัวพ่อแม่เด็กเอง แสดงว่า พ่อแม่เด็กยังไม่รู้ตัวว่า กระทำสิ่งไม่ถูกต้อง และยังไม่สำนึกผิด เพราะถ้ารู้ตัวต้องหยุดการกระทำ และต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการอุปการะเด็กที่ดีและเหมาะสม /นอกจากไม่ยอมรับแล้ว ยังต่อต้าน พยายามทำลายสิ่งที่เจ้าหน้าที่แนะนำ ด้วยการฟ้องร้องดำเนินคดี



ดังนั้นจึงเห็นว่า จะมีแต่ผลเสีย เพราะการกระทำดังกล่าว เป็นการแสดงให้ศาลเห็นว่า ไม่สำนึกในการกระทำของตัวเอง ซึ่งจะส่งผลเมื่อต้องรับโทษ เพราะศาลไม่สามารถ หาช่องทางบรรเทาโทษให้ได้ / โดยโทษตอนนี้ ข้อหาที่หนักที่สุด คือ ฉ้อโกงประชาชน ด้วยการเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งกระทำกับผู้มีจิตอ่อนแอ ยอมจ่ายทรัพย์สินเงินทองให้ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 7 ปี



ส่วนที่พ่อแม่เด็ก 8 ขวบ ฟ้องคุณหนุ่มกรรชัย กรณีนำภาพของเด็ก 8 ขวบมาใช้นั้น นายสรรพสิทธิ์ กล่าวว่า องค์ประกอบความผิดต้องเป็นไปตามมาตรา 27 ของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก บัญญัติว่า ห้ามนำข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กและภาพถ่ายเด็ก ไปเผยแพร่ให้ได้รับความเสียหาย หรือความเสื่อมเสีย ดังนั้นต้องดูที่เจตนาและการกระทำ



ซึ่งดูแล้ว คุณหนุ่มกรรชัย ไม่ได้เอาข้อมูลส่วนตัวไป แต่เป็นข้อมูลที่พ่อแม่เปิดเผยสาธารณะ แล้วไปวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง



หากดูเจตนา พนักงานสอบสวนอาจจะรับเรื่อง ส่งไปยังอัยการ และสุดท้ายก็สั่งไม่ฟ้อง ทั้งหมดคือความเห็นส่วนตัว เนื่องจาก ตนเองเป็นผู้ร่วมร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และเข้าใจเจตนารมณ์ของกฎหมาย



พร้อมบอกด้วยว่า การไปยื่นฟ้องของทนายพ่อแม่เด็กนั้น ศาลก็ไม่สามารถออกคำสั่งใดๆได้ เพราะ ทนายไม่ได้ดูรายละเอียดของกฎหมาย ที่ระบุชัด ต้องเป็นความรุนแรงสมาชิกในครอบครัว แต่ผู้สื่อข่าวไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน ในความจริงจะดำเนินคดีบุคคลอื่น ก็ต้องไปฟ้องคดีอาญาต่างหาก พร้อมเตือนพ่อแม่เด็ก อย่าไปฟังทีมกฎหมาย ที่ตีความกฎหมายแบบพิสดารพันลึก สุดท้ายเป็นการเข้าใจที่ผิด



ส่วนคดี ที่เจ้าหน้าที่ พม.ร้องศาลเยาวชนและครอบครัว จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อขอให้คุ้มครองเด็ก 8 ขวบ และศาลนัด นัดไต่สวนพยานผู้ถูกร้อง(กลุ่มเชื่อมจิต)ในวันที่ 2 กรกฎาคม นี้ ต่อ



ซึ่งผู้ถูกร้องเสนอต่อศาล ให้นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เป็นพยานในคดีนี้นั้น นายสรรพสิทธิ์ อธิบายว่า ผู้ถูกร้องเป็นคนเสนอศาลว่า จะขอเรียกอธิบดีกรมกิจการเด็กฯ ไปให้การในฐานะพยานของฝ่ายผู้ถูกร้อง ซึ่งศาลก็อนุญาต แต่ศาลไม่ได้ออกหมายเรียกตัว ให้ไปให้การต่อศาล เพราะศาลไม่ได้เป็นผู้ต้องการข้อมูลจากอธิบดีฯ กรณีนี้เป็นหมายนำ หมายความว่า ผู้กล่าวอ้าง ต้องการให้อธิบดีฯเป็นพยานของตนเอง ส่วนอธิบดีฯจะไปหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ได้เป็นหมายเรียกจากศาลเอง



ที่ปรึกษากรมกิจการเด็กฯ ให้ข้อมูลว่า ความผิดของเด็ก ที่อายุต่ำกว่า 12 ปี เด็กไม่ต้องรับโทษ แต่ต้องส่งเด็กมาคุ้มครองสวัสดิภาพ แต่ในกรณี ที่มีผู้ใหญ่ไปใช้เด็กให้กระทำ เด็กจะเป็นผู้เสียหาย ที่ถูกผู้ปกครองสั่งให้กระทำ ผู้ปกครองจะมีความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/8VAMsxWrTpE