สังคม

เผยวงจรปิดคืนเรือน้ำมันหาย พบวางแผนหนี 'บิ๊กเต่า' ลั่นฟันไม่เลี้ยง ตร.บกพร่องหน้าที่

โดย panwilai_c

14 มิ.ย. 2567

64 views

บิ๊กเต่า เตรียมออกหมายเรียกลูกเรือของ 1 ใน 3 เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนที่ไม่ยอมไปกับเรือเข้าสอบปากคำ พร้อมเปิดวงจรปิดคืนที่เรือหาย



2 ทุ่ม 10 นาที ของวันที่ 11 มิถุนายน คือ เวลาที่เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ลอยลำออกจากจุดที่ทอดสมอ โดยกล้องวงจรปิดที่ท่าเรือสัตหีบจับภาพไว้ได้ในระยะไกล จะเป็นลักษณะของแสงไฟที่ค่อยเคลื่อนตัวออกไป ก่อนจะลับไปจากกล้องวงจรปิด



จากข้อมูลการสืบสวนของตำรวจพบว่าราว 5 ทุ่มเศษ ของวันที่ 11 มิถุนายน มีการใช้โทรศัพท์มือถือของไต้ก๋งเรือซีฮอร์สโทรศัพท์ไปยังหมายเลขหนึ่ง และราวตี 5 ของวันที่ 12 มิถุนายน ไต้ก๋งเรือ เจ.พี.ก็โทรศัพท์ออกไปอีกหมายเลขหนึ่ง ก่อนที่จะขาดการติดต่อไป ส่วนเส้นทางการเดินเรือพบว่ามุ่งไปทางจังหวัดตราด คาดว่าไปยังน่านน้ำของประเทศกัมพูชา



พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า สำหรับเรือบรรทุกน้ำมันดีเซลเถื่อนที่หายไป มีลูกเรือทั้งหมด 17 คน แต่ไปกับเรือ 16 คน อีก 1 คนไม่ได้ไปด้วย ตำรวจเตรียมเชิญตัวมาให้ปากคำ ส่วนลูกเรือทั้ง 16 คนที่หลบหนี ตอนนี้ตำรวจอยู่ระหว่างกระจายลงพื้นที่เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี และจะออกหมายเรียกลูกเรือ 16 คน ที่อยู่ในเรือ 2 ลำที่ไม่ได้บรรทุกน้ำมันมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. ในวันจันทร์นี้



สำหรับเส้นทางการเดินเรือตามที่นาย ชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ ให้ข้อมูลว่าเรือที่หายไปอยู่ที่เกาะกูด จ.ตราด แล้วข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน ยังไม่ได้มีการยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จากข้อมูลที่ได้คุยกับตำรวจน้ำชุดทำงานเมื่อวานนี้ (13มิ.ย.)มีการยืนยันว่าเรือน่าจะเข้าไปประเทศกัมพูชาแล้ว



แต่ถ้าเส้นทางที่ใกล้ที่สุดหลังจากที่เรือออกจากท่าเรือสัตหีบ จะต้องมุ่งหน้าไปที่เกาะช้าง เกาะกูด ออกประเทศเพื่อนบ้าน รวมระยะทาง 240 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะใช้เวลาอย่างเร็ว 12 ถึง 13 ชั่วโมง



กรณีที่มีภาพวงจรปิดรถกระบะคันหนึ่ง ขับเข้าไปในพื้นที่บริเวณสะพานถ้าเทียบเรือ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน เวลา 5 โมงเย็น รถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้ในการขนน้ำ สำหรับภารกิจการฝึกทบทวนหมวดเรือ ศรชล ภาค 1 โดยมีการฝึกระหว่างวันที่ 10 ถึง 13 มิถุนายน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เรือของกลางหายออกไปจากทางเทียบเรือ



บิ๊กเต่า ย้ำด้วยว่า ความผิดที่เกิดขึ้น ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่บกพร่องในการดูแลของกลางให้ครบถ้วน ไม่ใช่แค่ไปแล้วเอากล้องติดดูบ้าง ไม่ดูบ้าง จึงถือว่าเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หลังจากนี้จะต้องตรวจสอบว่า เป็นการประมาทเลินเล่อ หรือเอื้อประโยชน์กับใครหรือไม่ หากพบใครความบกพร่องยืนยันจะฟันไม่เลี้ยง



ส่วนเรื่องนี้จะเชื่อมโยงถึงเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น บิ๊กเต่า บอกว่า "ใครเป็นเจ้าของหรือทำธุรกิจตรงนี้ ก็ไม่มีคนอื่นที่จะดำเนินการ" ตอนนี้ได้สอบปากคำคนในครอบครัวเสี่ยโจ้แล้ว คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น



สำหรับเสี่ยโจ้ ขณะนี้ตำรวจเจอหมายจับ 2 หมาย หมายแรกเป็นหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี ที่มีพิพากษาจำคุก เสี่ยโจ้ ในคดีครอบครองเอกสารตรวจลงตราเข้าเมืองปลอม เมื่อปี 2557 แต่หมายจับโดนซุกไว้ ไม่ได้ถูกบันทึกลงระบบ กระทั่งปี 2564 ที่เสี่ยโจ้ถูกตำรวจกองปราบจับ จึงไปค้นหมายนี้จนเจอ พบว่ามีพนักงานสอบสวนนายหนึ่งนำไปเก็บไว้ แล้วลืมลงระบบ



อีกหมายออกเมื่อปี 2565 โดยศาลจังหวัดปัตตานี เป็นคดีสนับสนุนเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งสืบเนื่องมาจากคดีตำรวจซุกหมายจับเมื่อปี 2557



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/VtWZjRSi3Z8

คุณอาจสนใจ

Related News