สังคม

‘พิมพ์ภัทรา’ หวั่น “ภาชีโมเดล” เผาโกดังเก็บสารเคมี ด้านผู้การฯอยุธยา เร่งหาผู้ทำผิด

โดย attayuth_b

2 พ.ค. 2567

65 views

รมว.อุตสาหกรรม ติดตามเหตุไฟไหม้ โกดังเก็บสารเคมี "ซัลฟิวริก" กว่า 4,000 ตัน ที่จ.อยุธยา หลังเคยไฟไหม้มาแล้วรอบหนึ่ง


จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ซ้ำในโกดังเก็บสารเคมีอันตรายที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ในโรงงานแห่งนี้ซ้ำเป็นรอบที่ 2 หลังจากก่อนหน้านี้พบหลักฐานเป็นการลอบวางเพลิง ล่าสุดก็เกิดขึ้นซ้ำอีกเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถดับเพลิงเข้าไปดับไฟเนื่องจากด้านในโกดังเป็นที่เก็บกากสารเคมี พร้อมทั้งเร่งอพยพชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ในระยะ 3 กิโลเมตร ออกนอกพื้นที่

ตั้งแต่เมื่อวานเย็น จนถึงเช้านี้ยังพบสารเคมีที่ถูกไฟไหม้ในโกดังยังไม่ดับสนิท ยังคงมีกลุ่มควันสีขาวฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ ล่าสุดนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้นำโดรน ปภ. บินขึ้นสำรวจกลุ่มความร้อน เหนือโกดัง 4 และโกดัง 5 โดยเฉพาะโกดัง 4 เห็นกลุ่มไฟกำลังลุกไหม้ ซึ่งจะต้องวางแผนดับให้เสร็จภายในวันนี้ โดยใช้โดรนเป็นตัวชี้เป้าให้เจ้าหน้าที่นำรถกระเช้าขึ้นไปฉีดโฟมดับไฟ เนื่องจากสภาพปัจจุบันภายในโกดัง 4 โกดัง 5 และโกดัง 3 ไม่สามารถเดินเท้าเข้าไปได้ เนื่องจากสารเคมีที่ไหลนองพื้นโกดังกลายเป็นพื้นที่อันตราย

จากนั้นนายนิวัฒน์ ได้เข้าประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางในการกำจัดสารเคมีทั้ง 4,000 ตันที่อยู่ภายในโกดัง นายนิวัฒน์ เปิดเผยว่าหลังประชุมมีแนวทางคือเตรียมกำจัดสารเคมีของกลางที่อยู่ในโกดัง ที่ 1-3 ก่อน โดยจะนำออกไปเข้าสู่กระบวนการบำบัด ส่วนในโกดังที่ 4 และ 5 ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ หลังจากเพลิงสงบจะเข้าไปตรวจและจำแนกประเภทของสารเคมี เพื่อวางแนวทางหาผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการกำจัด โดยจะเริ่มในเดือนมิถุนายนนี้ และจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกันยายน ถึง ตุลาคม 2567 ทั้งนี้ทางจังหวัดฯ มีข้อกังวลในการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดไฟไหม้ซ้ำ

ต่อมาเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังจากรอบแรกถูกลอบวางเพลิง และครั้งนี้ตรวจสอบเบื้องต้นทุกคนเชื่อว่า เป็นการลอบวางเพลิงเผาทำลายหลักฐาน เตือนผู้เกี่ยวข้องระวัง ผู้ประกอบการนายทุน ผู้ก่อเหตุ จะเอาเคสของอำเภอภาชี อยุธยา เป็นโมเดล หรือเป็นต้นแบบในการเผาทำลายของกลางได้สำเร็จในการทำลายของกลาง เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และเมื่อเช้าทราบว่ามีการแถลงข่าว หัวทราบสาเหตุแล้วไฟไหม้โกดังที่อำเภอภาชี ซึ่งโลกสังคมโซเชียล กระจายข่าวไปหมดแล้ว

อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังให้ผู้เกี่ยวข้องปรับบริหาร การจัดการ กำจัดกากสารเคมีจากนี้ไปจะต้องทำเป็นระบบ ให้เข้มงวดตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง จนถึงปลายทาง ที่ผ่านกระบวนการ รีไซเคิลเรียบร้อยแล้ว และต่อจากนี้ไป กระทรวงอุตสาหกรรมจะไม่ทำงาน โดดเดี่ยวเพียงคนเดียว ต้องทำงานแบบบูรณาการ นำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วย ในการทำงาน โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายปกครอง ต้องนำเข้ามาร่วมด้วย เพื่อสร้างพลัง ในการทำงานให้กับ กระทรวงอุตสาหกรรม กับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น

ส่วนการลาออกของนายสุรพงษ์ ไม่มีผู้บังคับบัญชา ไปกดดันแต่อย่างไร แล้วจะบอกว่าน้อยใจ จะไปน้อยใจเรื่องอะไรกับการทำงาน อย่าเอาอารมณ์ เข้ามาทำงาน ขอให้คนกระทรวงมหาดไทยต้องใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส โชว์แสดงพลังผลงานออกมา ให้คนใน

ด้านพล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เข้ามาดูจุดเกิดเหตุ เพื่อหาแนวทางเอาผิดผู้ที่ทำให้เกิดไฟไหม้ ซึ่งขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานในเบื้องต้นก่อน ทั้งนี้ถ้าประชาชนได้รับผลกระทบจากเหตุไฟไหม้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ หรือทรัพย์สิน ได้รับความเสียหายให้มาแจ้งความไว้ที่ สภ.ภาชี ไว้เป็นหลักฐานก่อน เพื่อจะได้รวบรวมเป็นคดีเดียวกันในการ เรียกร้องค่าเสียหาย

ขณะที่ นายสำลี ควรรู้ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้โรงงานไฟไหม้ บอกว่า ตนเองเลี้ยงวัวแม่พันธุ์บรามัน ไว้ 10 กว่าตัว เชื่อว่า วัวได้รับผลกระทบจากการสูดดมกลิ่นสารเคมีทุกวัน ส่งผลทำให้ระบบสืบพันธุ์ล้มเหลว แม่วัวที่เลี้ยงไว้ ผสมพันธุ์ติดแล้ว 5 แม่ แต่ต้องแท้งลูกไป 3 ตัว ตนเองจะเดินทางไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/TNeO_kORpMk

คุณอาจสนใจ

Related News