สังคม

นายกฯ แถลงแก้หนี้ทั้งระบบ ไกล่เกลี่ยสำเร็จกว่า 57% มูลหนี้ลดลงกว่า 670 ล้านบาท

โดย panisa_p

12 ก.พ. 2567

45 views

นายกฯนำแถลงข่าวอัพเดทแก้หนี้ทั้งระบบ ไกล่เกลี่ยสำเร็จกว่า 57% มูลหนี้ลดลงกว่า 670 ล้านบาท ชื่นชมทุกหน่วยงานร่วมแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจัง ย้ำแก้ไขหนี้ทั้งระบบจบรัฐบาลนี้


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานแถลงข่าวผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลตำรวจเอกต่ศักดิ์ สุขวิมล ผู้บังคับบัญชาตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวด้วย


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ตนได้มอบนโยบายเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 และเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2566 กำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน ทั้งหนี้นอกระบบและหนี้ในระบบ เป็นวาระแห่งชาติ ตนได้มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถาบันการเงินของรัฐ ให้บูรณาการและประสานงานร่วมกัน ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้ ให้กับประชาชนอย่างครบวงจร และแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ ให้จบภายในรัฐบาลนี้


ขณะนี้ผ่านมาประมาณ 2 เดือนแล้ว หน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการคืบหน้าไปมาก ตนจึงขอถือโอกาสนี้ แถลงความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน เพื่อชื่นชมการทำงานของทุกหน่วยงาน พร้อมชี้แจงปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น พร้อมแนวทางแก้ไข และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่กำลังประสบปัญหา แต่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ ให้เร่งติดต่อหน่วยงานภาครัฐเพื่อขอรับความช่วยเหลือต่อไป


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ หรือ KPI ของการแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชน ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ข้อหลักๆคือ หนึ่งหนี้สินที่ได้รับการแก้ไขปัญหาจะต้องครอบคลุมทั้งในส่วนหนี้นอกระบบ และ หนี้ในระบบ ไปพร้อมกัน สองเจ้าหนี้และลูกหนี้ที่มีการลงทะเบียนครบถ้วนจะต้องได้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 100% สามลูกหนี้ที่ผ่านการไกล่เกลี่ยแล้วทุกรายจะต้องได้รับการพิจารณาสินเชื่อ หรือปรับโครงสร้างหนี้ รวมทั้งได้รับการช่วยเหลือพื้นฟูศักยภาพในการหารายได้


สำหรับการแก้หนี้นอกระบบ ตนได้มอบภารกิจให้กระทรวงมหาดไทย มีบทบาทในกระบวนการไกล่เกลี่ยระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีบทบาทในการดำเนินคดีอาญาหากเจ้าหนี้มีพฤติการณ์ข่มขู่ ใช้ความรุนแรง รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินของรัฐ เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นแหล่งเงินทุน ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว


สำหรับผลของการแก้หนี้นอกระบบ ตั้งแต่เปิดรับลงทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 มียอดผู้ลงทะเบียนที่เป็นลูกหนี้มากกว่า 1 แสน 4 หมื่นราย ยอดมูลหนี้รวมทั้งสิ้นประมาณ 9,800 ล้านบาท ยอดของรายการที่มีข้อมูลครบและสามารถเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ยได้ 21,000 ราย และไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้ว 12,000 ราย คิดเป็น 57% ของจำนวนที่เข้าสู่กระบวนการ และผลจากการไกล่เกลี่ย ทำให้มูลหนี้ลดลงกว่า 670 ล้านบาท จากยอดผู้ลงทะเบียนที่เป็นลูกหนี้มากกว่า 140,000 ราย และสามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้วประมาณ 12,000 ราย


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจดี การติดต่อเจ้าหนี้ให้ยินยอมเข้าร่วมกระบวนการไกล่เกลี่ย และทำให้ได้ข้อตกลงที่พึงพอใจของทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ ทั้งข้อตกลงในการชำระหนี้ ดอกเบี้ยที่เหมาะสม และถูกต้องตามกฏหมาย เป็นเรื่องที่มีความท้าทายมาก หนึ่งในปัญหาหลักคือการที่เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลการลงทะเบียนข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน หรือเจ้าหนี้ไม่มาเข้าร่วมกระบวนการไกล่เกลี่ย ตนขอให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ ติดตาม และช่วยเหลือ และขอให้ประชาชนเข้ามาให้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ของตัวท่านเองด้วย เพื่อสามารถนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงและกระบวนการไกล่เกลี่ยให้เร็วที่สุด


และขอให้กำลังใจกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง และดำเนินการอย่างทั่วถึง ครอบคลุมประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ แม้อาจจะเจออุปสรรคบ้าง เช่น ติดต่อเจ้าหนี้ไม่ได้ เจ้าหนี้ไม่ให้ความร่วมมือ หรือไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ แต่เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ กระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่เป็นเหมือนบันไดขั้นแรกของการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบครั้งนี้ยังคงต้องเร่งปฏิบัติงานแบบเชิงรุกเร่งหาตัวเจ้าหนี้ และดำเนินการไกล่เกลี่ยให้บรรลุผลให้มากที่สุด


นอกจากนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อขอเข้าร่วมการแก้หนี้ได้สะดวกมากขึ้น ตนได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาจัดกิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้” ซึ่งได้รับทราบมาว่าได้มีการดำเนินการในทุกจังหวัดเรียบร้อยแล้ว อย่างน้อยเดือนละ 4 ครั้ง


ส่วนบันไดขั้นที่สอง ของการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมกวาดล้างผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้ และรับจำนำรถยนต์ - รถจักรยานยนต์ โดยผิดกฎหมาย


ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการแล้ว 2 ครั้ง สามารถจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดมากกว่า 1,300 ราย คิดเป็นมูลหนี้กว่า 40 ล้านบาท การดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จริงจัง และดำเนินการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ การกวาดล้างเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย จะช่วยปลดปล่อยลูกหนี้ให้หลุดพ้นจากวงจรอันโหดร้ายนี้


ส่วนบันได้ขั้นที่สาม ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยธนาคารออมสิน หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ให้ความช่วยเหลือด้านการจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ แก่ลูกหนี้ที่ผ่านการไกล่เกลี่ยมาแล้ว เพื่อให้สามารถพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้เพิ่ม และไม่ต้องกลับมาเป็นหนี้นอกระบบซ้ำอีกในอนาคต


ปัจจุบันธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส. ได้มีมาตรการสินเชื่อให้แก่ลูกหนี้นอกระบบ หลายมาตรการด้วยกัน แต่ผมก็ทราบว่ามีปัญหาเรื่องการเข้าถึงสินเชื่ออยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นจากกระบวนการ การเตรียมเอกสารรายรับ รายจ่ายย้อนหลัง ที่ลูกหนี้ต้องยื่นและเป็นอุปสรรคต่อการได้รับสินเชื่อ ซึ่งตนได้กำชับกับธนาคารทั้ง 2 แล้ว ให้ดูแลลูกหนี้กลุ่มนี้อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ อยากให้ธนาคารของรัฐ นำเงินกลับไปช่วยเหลือพี่น้องที่ยากลำบากมากกว่ากอดผลกำไรไว้ ในขณะที่อีกหลายครอบครัวกำลังทนทุกข์กับหนี้นอกระบบ ที่ดอกเบี้ยสูงกว่ากฎหมายกำหนด ปัญหาอีกส่วนหนึ่งคือ การที่เจ้าหนี้ไม่เข้ามาในกระบวนการเพื่อยืนยันว่ามีหนี้จริง ก่อนให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ร่วมกันทำสัญญาให้ดอกเบี้ยเป็นไปตามกฏหมาย


บันไดขั้นสุดท้าย ที่จะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ไม่ให้กลับมาเป็นหนี้ซ้ำอีก คือ การสร้างรายได้เพิ่ม ให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต้องมาร่วมกันเสริมทัพ เพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน หาอาชีพ และสร้างรายได้เพิ่มให้กับประชาชน


ส่วนของหนี้ในระบบนั้น ได้แบ่งกลุ่มลูกหนี้ออกเป็น 4 กลุ่มบางกลุ่มได้รับความช่วยเหลือไปแล้ว แต่บางกลุ่มยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งขอให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการดำเนินงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว


กลุ่มที่ 1 คือ ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ลูกหนี้กลุ่มนี้ได้รับการช่วยเหลือโดยปิดบัญชีหนี้เสียแล้ว มากกว่า 634,000 ราย อีกทั้งยังมีการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ SMEs แล้วมากกว่า 10,000 ราย มูลหนี้กว่า 5,000 ล้านบาท


กลุ่มที่ 2 คือ ลูกหนี้ที่มีรายได้ประจำ แต่มีภาระหนี้จำนวนมากจนเกินศักยภาพในการชำระคืนหนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีหนังสือขอความร่วมมือให้สหกรณ์ออมทรัพย์ทุกแห่ง คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่สูงจนเกินไป ไม่ควรเกินร้อยละ 4.75 ซึ่งมีสหกรณ์ออมทรัพย์กว่า 80 แห่ง ทยอยลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงมาแล้ว นอกจากนี้ ลูกหนี้บัตรเครดิต ได้เข้าร่วมปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แล้วมากกว่า 150,000 บัญชี


กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน ทำให้การชำระคืนหนี้ไม่ต่อเนื่อง โดยเกษตรกรได้รับการพักชำระหนี้แล้วมากกว่า 180,000ราย มูลหนี้รวมกว่า 250,000 ล้านบาท ลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เข้ามาติดต่อขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้วมากกว่า 6 แสนราย ซึ่ง กยศ. สามารถลดหรือปลดหนี้ให้กับลูกหนี้กลุ่มนี้ได้


กลุ่มที่ 4 คือ กลุ่มที่มีหนี้เสียคงค้างกับสถาบันการเงินมาเป็นระยะเวลานาน โดยปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีหลักเกณฑ์การร่วมทุน ระหว่างสถาบันการเงินกับบริษัทบริหารสินทรัพย์แล้ว และจะขยายหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งธนาคารออมสินอยู่ระหว่างเจรจาผู้ร่วมทุน เพื่อเตรียมจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2567 เมื่อการจัดตั้งแล้วเสร็จ ลูกหนี้กลุ่มนี้จะสามารถโอนขายไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ตั้งขึ้นใหม่ เพื่อให้การช่วยเหลือแบบผ่อนปรนต่อไป


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากผลที่ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการในระยะเวลาประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา สามารถแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการทำงานของทุกหน่วยงาน และความตั้งใจจริงของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนหลุดพ้นจากการเป็นหนี้ ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ ลูกหนี้จะต้องให้ความร่วมมือและให้ข้อมูลถึงสาเหตุปัญหา ให้ข้อมูลเจ้าหนี้ และมูลหนี้ที่แท้จริง รวมทั้งเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อให้ปัญหาถูกแก้ไขได้อย่างตรงจุด ตรงประเด็น และทันท่วงที 


หากลูกหนี้ท่านใดประสบปัญหาหนี้นอกระบบ ท่านสามารถลงทะเบียนขอแก้หนี้นอกระบบได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตทุกแห่ง หรือผ่านช่องทางสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหากลูกหนี้ท่านใดประสบปัญหาหนี้ในระบบ ขอให้อย่ารอจนตนเองกลายเป็นหนี้เสีย ขอให้ท่านรีบเข้าไปหาสถาบันการเงินเจ้าหนี้ เพื่อขอคำปรึกษา ขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งสถาบันการเงินเจ้าหนี้มีมาตรการที่เหมาะสมกับการแก้ปัญหาของแต่ละท่าน ที่แตกต่างกัน นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ความเชื่อมั่นว่า การแก้ไขปัญหาหนี้ของรัฐบาล จะสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึง และจะแก้หนี้ทั้งระบบ ให้จบภายในรัฐบาลนี้ให้ได้



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/LeTKpGFloGc

คุณอาจสนใจ

Related News