สังคม

'ผู้การเต่า' ยันไม่มีใครกดดัน-ทำร้าย 'ผกก.เบิ้ม' หลัง 'วิโรจน์' ยื่นรื้อสอบการตาย หวั่นเข้าข่ายอุ้มหาย

โดย panwilai_c

21 พ.ย. 2566

120 views

วิโรจน์ ยื่น ดีเอสไอ สอบการเสียชีวิต ผู้กำกับเบิ้ม อาจเข้าข่ายพ.ร.บ.อุ้มหาย โยงปมส่วยรถบรรทุก เปิดข้อสังเกต ถูกคุมขัง-กดดัน หรือไม่



วิโรจน์ ยื่นดีเอสไอ ตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของ ผู้กำกับเบิ้ม ที่ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิตในบ้านพักย่านคูคต ว่าก่อนปลิดชีพ ถูกกระทำการเข้าข่ายพ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่ ตั้งข้อสังเกต เหตุใด ต้องหลบหนีออกมาทางหนีไฟของโรงแรม มีการกักขังหรือไม่ และเหตุใดไม่แจ้งญาติ



14.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายต่อพงศ์ จีนใจน้ำ หรือ ทนายเข้ม เดินทางมายื่นหนังสือต่อดีเอสไอให้ตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไธสงค์ หรือ ผู้กำกับเบิ้ม ที่ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิตในบ้านพักย่านคูคต จังหวัดปทุมธานี จากเหตุ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ถูกลูกน้องกำนันนกยิงเสียชีวิต ว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือเรียกกันว่า พ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่



นายวิโรจน์ กล่าวว่า วันนี้ที่มายื่นหนังสือต่อดีเอสไอ เนื่องจาก ช่วงก่อนที่ผู้กำกับเบิ้ม จะก่อเหตุปลิดชีพตัวเอง ทางผู้กำกับเบิ้ม ถูกพาตัวไปพักที่โรงแรมย่านเมืองทองธานี โดยมีตำรวจเฝ้าหน้าห้องพักตลอดเวลา หรืออาจจะมีการเฝ้าบริเวณโดยรอบโรงแรม รวมถึงถูกยึดโทรศัพท์มือถือ



แต่ต่อมาช่วงประมาณตี 4 ผู้กำกับเบิ้ม กลับเดินทางออกจากโรงแรม เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านพัก โดยภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกได้ว่ามีการออกทางบันไดหนีไฟ ซึ่งหากผู้กำกับเบิ้มไม่ถูกคุมตัว หรือจำกัดเสรีภาพ คงต้องตั้งคำถามว่าเหตุใดถึงต้องหนีออกทางประตูหนีไฟ ไม่ออกทางปกติของโรงแรม



คำถามจึงเกิดขึ้นว่าคืนวันเกิดเหตุ หรือก่อนหน้านั้น มีการกระทำการอันใด ที่เข้าข่ายการทำให้ผู้กำกับเบิ้ม รู้สึกทรมานแก่จิตใจหรือไม่ และอยู่ในลักษณะการย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือเปล่า



และที่ต้องสืบสวนสอบสวนอย่างมากคือกรณีที่ผู้กำกับไปนอนที่โรงแรม โดยไม่ได้แจ้งให้กับญาติทราบ ถือเป็นการปกปิดชะตากรรมของผู้กำกับเบิ้มหรือไม่



นายวิโรจน์ ยังกล่าวต่อว่า การเสียชีวิตของ ผู้กำกับเบิ้ม ต้องยอมรับว่ามีส่วนเชื่อมโยงไปถึงเรื่องส่วยรถบรรทุกไม่ว่าจะทางหนึ่งทางใด และเป็นที่ทราบดีว่ามูลค่าของการคอรัปชั่นนั้นสูงถึง 20,000 ล้านบาทต่อปี หรือมากกว่านั้น และมีข้อสงสัยจากประชาชนจำนวนมาก ว่ามีการส่งต่อผลประโยชน์ไปยังข้าราชการระดับสูงหลายนาย



เช่นเดียวกับในกรณีรถบรรทุกตกลงในบ่อ บริเวณสุขุมวิท 64/1 ประชาชนก็เคลือบแคลงใจมากกับบทบาทของตำรวจระดับสูง ที่ออกมาบอกว่าไม่มีความโยงใยเกี่ยวกับเรื่องส่วย สติกเกอร์ที่ติดอยู่เป็นเพียงการเสริมดวงชะตา ซึ่งหากเป็นสติกเกอร์เสริมดวงชะตาจริงก็แนะนำให้เปลี่ยนสำนัก



ส่วนสาเหตุที่เพิ่งเดินทางมายื่นหนังสือ เพราะกฎหมายนี้เป็นกฎหมายใหม่ต้องอาศัยการปรึกษากับฝ่ายกฎหมาย และการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม ทุกคนก็ตั้งข้อสงสัยเป็นอย่างมากว่า พอมาทบทวนเหตุการณ์ที่ผิดปกติแบบนี้ ก็ต้องเอาหลักกฏหมายมาจับ และก็พบว่าพอมาจับกับกฎหมาย พ.ร.บ.อุ้มหาย มันก็เข้าข่ายที่อาจจะเป็นการกระทำความผิดอยู่หลายมาตรา



โดยข้อมูลทั้งหมดที่นำมายื่นวันนี้เป็นข้อมูลโดยสุจริต ที่ได้จากการรายงานข่าวจากแต่ละสำนัก เมื่อรวบรวมแล้วพบว่ามีความผิดปกติ ส่วนรายละเอียดหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ตนหวังว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษจะสอบสวนเชิงลึก เป็นโอกาสดีที่จะทำให้สังคมเรียนรู้ประโยชน์จาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วย



ส่วนที่ทางครอบครัว ผกก.เบิ้ม ไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ตนเองยืนยันว่า ตนเชื่อในผลการชันสูตรพลิกศพ ว่าเป็นการยิงตัวเองเสียชีวิต แต่ที่ต้องสืบสวนสอบสวน ก็คือเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะยิงตัวเองเสียชีวิต พ.ร.บ.อุ้มหาย ครอบคลุมถึงการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สร้างความทรมานแก่จิตใจด้วย ก็จึงเกิดคำถามว่าก่อนที่ผู้กำกับเบิ้มจะตัดสินใจ ทั้งที่คนเป็นพ่อ ที่มีลูกเล็กเพียง 8 ขวบ มันเป็นไปได้ว่ามันจะต้องเกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดที่กดดันอย่างมากหรือไม่



ส่วนตัวหวังอย่างยิ่งว่าดีเอสไอจะให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันเกิดเหตุการณ์



ทนายต่อพงศ์ กล่าวว่า พ.ร.บ.กระทำให้บุคคลสูญหาย ปี 2565 มีผลบังคับใช้ 22 ก.พ. 66 เป็น กฎหมายที่ค่อนข้างใหม่ การคุมขังลักษณะนี้ ต้องมีการบันทึกภาพ และวิดีโอ แต่เคสนี้ไม่มี วันนี้ พรรคก้าวไกล นำโดย นายวิโรจน์ จึงมีความจำเป็นต้องเดินทางมายื่นให้ DSI ตรวจสอบ




รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/-sORwmlznc8

คุณอาจสนใจ

Related News