DSI แถลง จับ 2 นายทุนหมูเถื่อนคาสนามบิน นำตัวสอบปากคำ

เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจับ 2 ผู้ต้องหา ลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน คาสนามบินสุวรรณภูมิ หลังบินกลับมาจากสหรัฐอเมริกา คุมตัวสอบเครียด



ชุดสืบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าคุมตัว นายวิรัช อายุ 69 ปี กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด และบริษัท เดอะ กู๊ด ช็อป จำกัด และนายธนกฤ อายุ 42 ปี 2 พ่อลูก ถูกระบุว่าเป็นนายทุนผู้สั่งการนำเข้าหมูเถื่อน ตามหมายจับ ในข้อหา หลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้าม ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร , และนำเข้า ส่งออกสัตว์ หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาต คาสนามบินสุวรรณภูมิ หลังทั้ง 2 คน เดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อตอนบ่าย 2 โมงที่ผ่านมา ก่อนจะเดินทางมาถึงที่อาคารดีเอสไอตอนบ่าย 3 โมงครึ่ง



เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองคนมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้พูดอะไรกับสื่อมวลชน มีเพียงยกมือขึ้นมาไหว้เพียงเท่านั้นสำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้มีการว่าจ้างให้กลุ่มบริษัทนำเข้าเอกชนชื่อบริษัท มายเฮ้าส์ เทรดดิ้ง จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด กันตา ไทยโฟรเซ่นฟิช นำเข้าซากสุกรแช่แข็ง 33 ตู้คอนเทนเนอร์ เข้ามาในไทย พันตำตรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้ความร่วมมือดี แต่รายละเอียดในการสอบปากคำไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่สิ่งที่จะต้องสอบปากคำคือ ต้องสอบให้ได้ว่าสั่งหมูมาจากที่ใด และส่งมอบหมูไปยังที่ใดบ้าง รายละเอียดกลไกการสั่งหมู รวมถึงต้องชี้แจงของกลางที่ยึดมาจากห้องเย็นที่จังหวัดสมุทรสาครให้ได้อีกด้วย



เบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมีการส่งหมูเถื่อนไปยังศูนย์กระจายสินค้าแบบขายส่ง สินค้าอุปโภคบริโภค ขนาดใหญ่ของประเทศ



ส่วนหมายจับตอนนี้ในกลุ่ม 1 กลุ่มชิปปิ้ง มีหมายจับแล้ว 10 หมาย จับไปแล้ว 6 คน และติดตามตัวอยู่อีก 4 คน และเตรียมขยายผลออกมายจับกลุ่มบริษัทชิปปิ้งเพิ่มอีก 2 บริษัทในช่วงปลายเดือนนี้



ขณะที่นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานเอกสารจากบริษัทนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ที่มีการระบุยอดจำนวนรายจ่ายเอาไว้อย่างชัดเจน ว่ามีการจ่ายให้กับส่วนกลางของกรมปศุสัตว์ในจำนวนเงินต่อตู้กว่า 30,000 บาท



โดยมีการระบุชื่อในช่องรับว่าบุคคลที่ทำหน้าที่รับเงินจำนวนดังกล่าวคือหมออ๊อด และนายตรวจมีการเรียกเก็บในจำนวนตั้งแต่ 10,000 ถึง 15,000 บาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการทุจริตในภาครัฐที่ส่งผลให้ปัญหาหมูเถื่อนยังไม่สามารถกำจัดได้อย่างชัดเจน ซึ่งจากการประเมินยอดการจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ในจำนวนกว่า 3,000 ตู้ในครั้งนี้ พบว่า อาจมีตัวเลขสูงถึง 900 ล้านบาท มาเปิดเผยกับสื่อมวลชน พร้อมบอกว่า ปัญหาหมูเถื่อนจะไม่สามารถแก้ไขได้หากนายกรัฐมนตรีไม่มีการดำเนินการกับอธิบดีกรมปศุสัตว์



นอกจากนี้ยังตั้งคำถามว่า การที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีมีคำสั่งให้แยกคดีหมูเถื่อนออกมาอีก 9 คดี รวมคดีเดิมเป็น 10 คดี ส่งผลให้คณะพนักงานสอบสวนชุดเดิมที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีหน้าที่รับผิดชอบเพียงคดีแรกเพียงคดีเดียวเท่านั้น ส่วนอีก 9 คดีใหม่ที่แยกออกมาจะต้องส่งกลับไปที่กองคดีภาษี และรอการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าใช้เวลาอย่างน้อยอีก 7 วัน



ส่งผลให้หมายค้นที่เตรียมการวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะมีการเข้าค้นบริษัทผู้ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของประเทศในวันศุกร์นี้ ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ รวมถึงจุดกระจายสินค้าต่าง ๆ ด้วย ทำให้คดีล่าช้าออกไป พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกลัวกลุ่มนายทุนขนาดใหญ่อยู่หรือไม่ จึงมีคำสั่งดังกล่าวออกมา

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Jy9nHXVXZd0