ยกฟ้อง 'ชัยวัฒน์' คดีฆ่า 'บิลลี่' ชี้หลักฐานไม่พอ เมียร่ำไห้ พูดไม่ออก

"ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" ยื่นประกันวงเงิน 8 แสนบาท ทันทีที่ศาลอาญาคดีทุจริต พิพากษาจำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ฐานความผิด 157 ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ควบคุมตัว "บิลลี่" แต่ไม่ส่งพนักงานสอบสวนตามขั้นตอน ส่วนคดีพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองก่อน ศาลยกฟ้อง เหตุหลักฐานไม่หนักแน่นเพียงพอ ด้านมึนอภรรยาร้องไห้ บอก จนถึงวันนี้ ไม่มีคำตอบบิลลี่หายไหนตั้งแต่ปี 57



หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ใช้เวลาอ่านคำพิพากษา คดีที่อัยการ โจทก์ ยื่นฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก รวม 4 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ กรณีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ตั้งแต่วันที่ 17 ต่อเนื่องวันที่ 18 เดือนเมษายน ปี 2557 ประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง (10.00-11.40)



ศาลมีคำพิพากษาให้จำคุกนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีนายชัยวัฒน์ควบคุมตัวนายพอละจี หรือบิลลี่เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 แต่ไม่ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนตามขั้นตอน



ส่วนข้อหาอื่นๆ ทั้งกักขังหน่วงเหนี่ยว ใช้กำลังขู่เข็ญ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่มั่นคงหนักแน่นเพียงพอ และขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่านายบิลลี่ เสียชีวิตแล้ว



ส่วนจำเลยที่ 2,3 และ 4 ศาลสั่งยกฟ้องทุกข้อหา



โดยศาลอธิบายข้อหาร่วมกันขื่นใจ หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังนายพอละจี ให้กลัวและเป็นอันตรายแก่ชีวิต ศาลพิจารณาแล้ว ถือว่าไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอยืนยันว่า มีการกระทำความผิด



ส่วนข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน" ว่า ผลการตรวจไมโทคอนเดรียดีเอ็นเอชิ้นส่วนกระดูก ขมับขวาข้างซ้าย ของวัตถุพยานที่พบใต้น้ำในเขื่อนแก่งกระจาน พบเป็นหลานนางโพเราะจี ซึ่งเป็นแม่ของนายบิลลี่ เนื่องจากสารพันธุกรรมไมโทคอนเดรีย เป็นพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากแม่สู่บุตร แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นบุคคลใด



การวิเคราะห์กระดูกที่พบ พบว่าเป็นบุคคลอายุ 20 ปีขึ้นไป ไม่สามารถบอกเพศ ความสูงและเชื้อชาติได้ เมื่อการนำผังเครือญาติมาใช้ประกอบการตรวจหาดีเอ็นเอไมโทคอนเดรีย อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน และไม่มีแพทย์ ผู้ตรวจนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันผลได้ว่า คือนายบิลลี่ จึงฟังไม่ได้ว่า นายบิลลี่ถึงแก่ความตายแล้วหรือไม่ ทำให้ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานฆ่าผู้อื่น



ส่วนข้อหาร่วมกันเผาทำลายศพ เพื่ออำพรางคดีแก่ศพ เมื่อพิสูจน์ไม่ได้ว่ากระดูกขมับซ้ายที่พบเป็นของนายบิลลี่หรือไม่ และไม่มีประจักษ์พยาน เชื่อมโยงได้ว่า จำเลยทั้ง 4 นำถังน้ำมันของกลางทิ้งในเขื่อน จึงไม่มีพยานที่รับฟังได้ให้ลงโทษจำเลยทั้ง 4



หลังฟังคำสั่งศาล นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยาของบิลลี่ ร้องไห้ขณะสัมภาษณ์ พร้อมกล่าวว่า ไม่มีอะไรจะพูด แต่อยากรู้ข้อเท็จจริงว่า บิลลี่หายไปไหน เพราะตั้งแต่ปี 57 ถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบเลย ไม่รู้จะเอาอะไรไปเชื่อได้



ด้านนางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผอ.มูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า หลังจากนี้ทีมกฎหมายจะศึกษาคำพิพากษาอย่างละเอียด เพราะถือว่าบิลลี่เป็นบุคคลที่ถูกทำให้สูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ความรับผิดชอบยังมีอยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเป็นผู้พบและจับกุมบิลลี่เป็นคนสุดท้าย ยืนยันจะเดินหน้าอุทธรณ์ต่อ



ด้านนายชัยวัฒน์ ได้ยื่นขอประกันตัววงเงิน 8 แสนบาท ศาลอนุญาตโดยมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ นายชัยวัฒน์ให้สัมภาษณ์ว่า จะต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ทันที เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ว่าที่ผ่านมาไม่เคยจับกุมกลุ่มชาติพันธุ์แม้แต่คนเดียว สิ่งที่อยากบอกคือ ในวันที่ ตนเอง ครอบครัวและน้องๆถูกกล่าวหา แทบจะไม่มีที่ยืนในสังคม และวันนี้พิสูจน์แล้วว่า พวกตรไม่ได้กระทำตามที่ถูกกล่าวหา

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/wX1I11LHdsE