สังคม

ที่ปรึกษา 'บิ๊กโจ๊ก' เผยได้รับเงินเดือน 5 หมื่น ค่าช่วยทำคดี ชี้ท่านดูแลลูกน้องดี

โดย panwilai_c

28 ก.ย. 2566

196 views

นายกสมาคมพนักงานสอบสวน และเป็นที่ปรึกษา บิ๊กโจ๊ก ยอมรับได้รับเงินเดือนละ 50,000 บาท จากบิ๊กโจ๊ก ในฐานะที่ปรึกษาทางคดี พร้อมแสดงความเห็นว่าตำรวจ 8 นายที่ถูกออกหมายจับยังไม่มีความผิด

และขอหมายค้นและหมายจับก็กระทำโดยมิชอบ



โดยในวันนี้ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 มีการประชุมของตำรวจชุดทำงานเครือข่ายเวปพนันของมินนี่ ซึ่งประเด็นที่ต้องติดตามในวันนี้ คือการขยายผลเกี่ยวกับผู้กระทำผิดเพิ่มเติม รวมถึงประเด็นเรื่องของนักข่าวที่มีการรับโอนเงินจากบัญชีเครือข่ายเวปพนันของมินนี่ ซึ่งเบื้องต้นมีข้อมูลว่ามีนักข่าวที่มีเส้นเงินเชื่อมโยงนับ 10 คน



โดยหากได้หลักฐานชัดเจนพนักงานสอบสวนก็เตรียมออกหมายเรียกให้นักข่าวกลุ่มนี้เข้ามาชี้แจงถึงที่มีของเงินที่ได้รับ ซึ่งคาดว่าภายใน 1- 2 วันจะมีความชัดเจนมากขึ้น



นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมีการหารือถึงแนวทางการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับซึ่งเป็นพลเรือนและอยู่ระหว่างหลบหนีอีก 6 คน โดยก่อนหน้านี้ได้มีการออกหมายจับไป 23 คน จับกุมได้ 17 คน เป็นตำรวจซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของบิ๊กโจ๊ก 8 คน และพลเรือน 9 คน



ขณะที่เมื่อช่วงบ่ายที่่ผ่านมา พลตำรวจโทไพโรจน์ กุจิรพันธ์ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน ในฐานะที่ปรึกษาของบิ๊กโจ๊ก ได้เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เพื่อมารับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนที่จะเกษียณ



โดยพลตำรวจโทยอมรับว่าเคยได้รับเงินช่วยเหลือในการทำคดีต่างๆ ในสมัยที่เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนทำคดีร่วมกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ครั้งละ 50,000 บาท



โดยการให้เงินจำนวนนี้เห็นว่าเป็นการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปปฏิบัติหน้าที่ โดยที่ไม่ต้องไปรบกวนตำรวจในพื้นที่ที่เข้าไปปฏิบัติงาน



ซึ่งบิ๊กโจ๊กเป็นคนที่ดูแลลูกน้องเป็นอย่างดี และในปัจจุบันตนก็ยังได้รับเงินจากบิ๊กโจ๊ก เดือนละ 50,000 บาท ในฐานะที่ปรึกษาช่วยเหลือทำคดีต่างๆ



ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวนชุด PCT ออกทั้งหมายค้น และหมายจับ เห็นว่าเป็นการขอหมายโดยมิชอบ เนื่องจากไม่ระบุข้อมูลส่วนตัว ทั้งยศ ตำแหน่ง และอาชีพ ทำให้การสอบสวนจะไม่มีความเที่ยงตรง ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นการพิสูจน์ฝีมือพนักงานสอบสวนว่ามีฝีมือหรือไม่ จะให้ความเป็นธรรมหรือไม่ หรือมีธงในการทำคดีหรือไม่



ส่วนการทำคดีของพนักงานสอบสวนที่ออกหมายจับตำรวจ 8 นายในคดีนี้ เห็นว่า หากผู้ต้องหาแสดงความบริสุทธิ์ได้ก็ไม่มีความผิด ไม่ใช่ว่ามีเส้นทางการเงินไปเกี่ยวข้องกับใครแล้วจะมีความผิดทั้งหมด



ซึ่งตามขั้นตอน และตลอดระยะเวลาการทำงานของตัวเองด้านการสืบสวนด้านยาเสพติด ก็มักจะออกหมายเรียกก่อนที่จะขอศาลออกหมายจับ เพราะเป็นไปตามขั้นตอน แต่ก็เห็นด้วยหากพนักงานสอบสวน มีหลักฐานเชื่อได้ว่าบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการทำผิด ก็ให้เชิญมาให้ข้อมูลก่อนจะดำเนินการขั้นต่อไป



ซึ่งหากพนักงานสอบสวน ยังทำคดีแบบมีข้อสงสัย ก็อาจทำให้การสอบสวนของตำรวจถูกโอนไปยังหน่วยงานอื่น ซึ่งก็จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ไม่มีอำนาจในการสอบสวนเอง



ทั้งนี้หากเห็นว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับเงินโอนมาจากบัญชีม้าก็พร้อมเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการเชิญหรือออกหมายเรียกตัวเองมาให้ปากคำ



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/xZTqeFso2rY

คุณอาจสนใจ

Related News