สังคม
คนขับแท็กซี่ร้องต้นไม้กทม.ล้มทับรถพัง เขตรับปากจ่ายค่าซ่อม 2 เดือนยังนิ่ง
โดย panwilai_c
16 ส.ค. 2566
194 views
คนขับรถแท็กซี่ ร้องเรียนกับช่อง 3 เหตุต้นไม้ริมถนนของกทม. ล้มทับรถพังเสียหาย จ่ายค่าซ่อมรถเกือบ 5 หมื่นบาท แต่ผ่านมากว่า 2 เดือน สำนักงานเขตปทุมวัน ยังไม่จ่าย ทั้งที่วันเกิดเหตุ รับปากเป็นอย่างดี ล่าสุดต้องติดสติ๊กเกอร์ ขอความเป็นธรรมรอบรถแท็กซี่ ขับทั่วกรุง
นายเปรมสุข น้อยแสง คนขับรถแท็กซี่ วัย 56 ปี พาผู้สื่อข่าว ดูสติ๊กเกอร์ที่แปะไว้รอบรถแท็กซี่ ทั้งด้านในและด้านนอกรถ ข้อความว่า " ต้นไม้โค่นล้มทับรถ กทม.ไม่รับผิดชอบ" เพื่อเรียกร้องให้สำนักงานเขตปทุมวัน และกทม. ชดใช้ค่าเสียหาย จากเหตุต้นไม้ของกทม. ล้มทับรถแท็กซี่ จนรถพังเสียหาย
นายเปรมสุข เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา เที่ยงครึ่ง ของวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ขณะตนเองรับผู้โดยสาร ขับรถมุ่งหน้า จากประตูน้ำมาแยกราชประสงค์ ระหว่างที่ชะลอรถติดไฟแดง บนถนนราชดำริ ใกล้แยกราชประสงค์ ถึง แยกสารสิน อยู่ๆ ต้นพญาสัตบรรณ(หรือต้นตีนเป็ด) ขนาดใหญ่ ก็ล้มลงมาทับช่วงท้ายของรถพอดี เคราะห์ดี ที่ตนเองและผู้โดยสารไม่ได้รับบาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุ ผู้อำนวยการและผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตปทุมวัน เดินทางมาที่เกิดเหตุ และรับปากเป็นอย่างดี ว่าจะดูแลชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ตนเองจึงได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ลุมพินี จากนั้นก็ได้ส่งเรื่องร้องเรียนตามระบบของราชการ ที่สำนักงานเขตปทุมวัน โดยทางเขต มอบหมายให้หัวหน้าฝ่ายรักษาความสะอาด เขตปทุมวันเป็นผู้รับเรื่องดูแลต่อ
ต่อมาได้นำใบเสร็จค่าซ่อมรถ 43,000 บาท ซึ่งไปหยิบยืมคนอื่นมา และระหว่างซ่อม 10 วัน ไม่มีรายได้ ต้องผ่อนค่าเช่าซื้อรถอีกวันละ 500 บาท จึงเรียกค่าเสียหายทางเขตปทุมวัน 50,000 บาท แต่หัวหน้าฝ่ายรักษาความสะอาด แจ้งว่า ทางเขตให้หัวหน้าใช้เงินส่วนตัวจ่ายค่าซ่อมรถให้เอง จึงขอจ่ายเงินเพียง 29,000 บาท พร้อมขอความเห็นใจเพราะมีเงินเดือนเพียงแค่ 4 หมื่นกว่าบาท
แต่นายเปรมสุขไม่ยินยอม เพราะจ่ายค่าซ่อมรถไป 43,000 บาท จากนั้นทางสำนักงานเขตปทุมวันก็เงียบไป ยังไม่ยอมจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย ติดต่อไปที่เขต ก็แจ้งว่าอยู่ระหว่างการพิจารณา ขอพบผอ.ก็ติดงาน ยังไม่สะดวกคุย ไปร้องเรียนที่ศาลาว่าการกทม. ก็ไม่อนุญาตให้เข้าพบ
รวมถึงไปที่ศูนย์ร้องเรียน ของสำนักเลขานุการผู้ว่าราชการกทม.ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ จึงอยากฝากผู้บริหารรับปากไว้ในวันเกิดเหตุ กับสิ่งที่ตนเองได้รับเป็นคนละเรื่องกันเลย จึงตัดสินใจติดสติ๊กเกอร์รอบคันรถขับทั่วกรุง ล่าสุด ทีมข่าวส่งต่อเรื่องไปยังทีมโฆษก กทม.เรียบร้อยแล้ว