สังคม

'สมชัย' มอง 'พิธา' ถือหุ้นสื่อไม่ผิด ชี้เพราะสัดส่วนไม่มาก

โดย parichat_p

6 มิ.ย. 2566

375 views

สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา ม.รังสิต และ อดีต กกต. ได้ให้สัมภาษณ์ กรณี ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยได้มีการโอนหุ้น หรือ ขายหุ้นไอทีวี เมื่อปลาย พ.ค. ว่าหาก กกต.ได้ส่งเรื่อง ไปยังศาล รธน. ถ้าศาลฯ วินิจฉัยว่าผิด มันก็ผิด ถ้าศาลฯวินิจฉัยว่า ไม่ผิดก็ไม่ผิด เพราะการโอนหุ้นที่เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ จะไม่มีผลอะไรที่จะทำให้ ผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิดได้


เนื่องจาก คุณสมบัติของ ส.ส. นั้น เป็นคุณสมบัติที่เขียนไว้ในวันรับสมัคร (4 เมษายน ) ณ วันนั้น จะต้องตรวจสอบว่า ได้ถือหุ้นสื่อหรือไม่ ซี่งเป็นลักษณะต้องห้ามอย่างหนึ่ง ตามมาตรา 98( 3) ดังนั้นการจะโอนไป หลังวันที่ 4 เมษายน ไม่ได้มีผลอะไรเลย


เมื่อผู้สื่อข่าวการที่คุณพิธามาโอนหุ้นไอทีวีเดือนพฤษภาคม เป็นการยอมรับผิดหรือไม่ อ.สมชัย กล่าวว่าผมไม่ได้มองว่าเป็นการรับผิดขนาดนั้น แต่มองว่า เป็นการกระทำซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ เชิงบวก หรือ แม้กระทั่งว่า หวังผลว่า การถือหุ้นอาจมีปัญหาเรื่องการเป็น สส. แต่ยังหวังผลการเป็น แคนดิเดตนายก อันนั้นก็ยังสุ่มเสี่ยง เช่นกัน เพราะเรื่องคุณสมบัติแคดิเดตนายกฯ ก็มองได้ 2 มุม คือ


1. มุมที่มองว่ายังไม่มีการเลือกนายกกันเลย ช่วงนี้อะไรที่ยังอยู่ในมือ ไม่ควรถือ ก็ปล่อยออกไป วันที่เลือกนายกจะได้ไม่มีของอยู่ในมือ ให้ขาดคุณสมบัติ จะไม่ได้ถูกครหา ว่าร้าย


2. อีกมุม อาจมองได้ว่า วันที่คุณยื่นเป็นแคนดิเดตนายกฯ คือ วันที่ 4 เมษายน เขาก็บอกแล้วว่าคนที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายก ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม รธน. มันอาจตีกลับไปได้ว่า วันที่สมัครเป็นแคดิเดตนายก ท่านก็ขาดคุณสมบัติเช่นเดียวกัน

"เรื่องคุณสมบัติพบเมื่อไหร่ก็ได้ "

อย่างไรก็ตามส่วนตัวมองว่า หากดูที่เจตนา การถือหุ้นสื่อ ของคุณพิธา มองว่าไม่ผิด เพราะว่าสัดส่วนไม่มากมาย ไอทีวีก็ไม่ได้ประกอบการในช่วงดังกล่าว เป็นเรื่องที่อาจตกค้างกันมา เป็นมรดกตกทอด ซึ่งอันนี้มองในเชิงเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญ ก็ไม่น่าจะผิด แต่เวลาที่เขาจะพิจารณานั้น อาจมองเชิงตัวบทกฏหมายเป็นหลักหรือไม่ อันนี้ก็ไม่ทราบ เช่น ถือหรือเปล่า เป็นสื่อหรือเปล่า มีผลประกอบการต่อเนื่องมั้ย ก็คาดเดายาก ซึ่งวินิจฉันได้ทั้งสองทาง ผมมองว่า 50/50 ไม่ได้ใสแจ๋วไปทางใดทางหนึ่ง เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ พอสมควร



ทั้งนี้หากคุณพิธาขาดคุณสมบัติ อ.สมชัยรุบว่า โดยส่วนตัวมองว่า น่าจะเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไม่น่าจะโยงไปถึงพรรค อาจขาดคุณสมบัติเป็นสส. อาจไม่มีคุณสมบัติแข่งขันเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เป็นปัญหาเฉพาะตัว ถ้าพ้นตำแหน่ง สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็เลื่อนบัญชีคนถัดไปขึ้นมาอีก 1 คน เรื่องที่กังวลว่าจะไปถึงยุบพรรคหรือไม่ อันนี้ไปไม่ถึง หรือ การรับรองสส. (ก้าวไกล)จะเป็นโมฆะหรือไม่ ไม่น่าจะเกิดขึ้นถึงขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น อ.สมชัยได้แสดงความเห็นต่อเนื่อง ผ่านการโพสต์เฟซบุ๊กต่อเนื่อง


ถ้าพิธา ขายหุ้น ITV ทิ้งแล้วเมื่อปลาย พ.ค. 2566 จริง คาดว่าอะไรน่าจะเกิดขึ้น

1. เรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ของ ส.ส. ตามมาตรา 98(3) หากผิด ก็ยังคงผิด เนื่องจาก เป็นคุณสมบัติที่นับในวันสมัคร โดยพรรคก้าวไกล สมัครบัญชีรายชื่อวันที่ 4 เมษายน ซึ่ง ก่อนวันขายหุ้น

2. พิธา ไม่น่าขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากกระบวนการลงมติเลือกยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็อาจมีการตีความจากฝ่ายตรงข้าม ว่าต้องนับคุณสมบัติตั้งแต่วันเสนอชื่อ 4 เมษายน 2566

3. การขายหุ้นหลังจากสมัคร จึงไม่น่าจะเกิดประโยชน์ในรูปคดี เพราะผิดก็ยังคงผิด หากไม่ผิด ก็คือ ไม่ผิด แต่การขายทำให้คล้ายว่า เรายอมรับว่า น่าจะผิด เลยขายทิ้งก่อนเลือกนายก ฯ

4. เครื่องจักรของอำนาจเดิม กำลังทำงานอย่างเต็มที่เพื่อต้านทานการเปลี่ยนแปลงของสังคม อย่าได้ประมาทว่า เป็นเครื่องเก่า กำลังผุพัง หรือ ล้าสมัย เพราะมันยังกำลังทำงานของมัน ไม่เคยหยุดนิ่ง

สมชัย ศรีสุทธิยากร ศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา ม.รังสิต ต่อมา 13.26 น. อ.สมชัย ได้โพสต์ อีกครั้ง ระบุว่า "ลายแทง พิธา เปิดรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ม. 88 ต่อ ด้วย ม. 89 (2) กระโดดไป ม. 160 (6) ย้อนกลับไป ม. 98(3) กลับไป ม. 82 วรรคสี่ หากไม่ได้ผล ยังมี ม. 82 วรรคหนึ่งได้อีกรอบ มารไม่มี บารมีไม่เกิด "



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/gWa2jU0KNwk

คุณอาจสนใจ

Related News