สังคม

'อัจฉริยะ' เดินหน้าเอาผิด รองเลขาฯปปง. รับเงินเว็บพนัน จี้ลาออกจากตำแหน่ง

โดย panwilai_c

7 เม.ย. 2566

77 views

อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ แจ้งความตำรวจ ปปป. เอาผิด พล.ต.ต.เอกรักษ์ รองเลขาธิการ ปปง. หลังมีหลักฐานว่าเรียกรับเงินสินบน จากเว็บพนันออนไลน์ คิงพิน 88 จำนวน 560,000 บาท พร้อมไปยื่นหนังสือ ที่ สำนักงาน ปปง. ให้ตรวจสอบพล.ต.ต.เอกรักษ์ 3 ข้อ และเรียกร้องให้ลากออกจากตำแหน่ง



นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับ พลตำรวจตรีเอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนเว็บพนันออนไลน์ กรณีรับเงินจากเจ้าของเว็บพนันออนไลน์คิงพิน 88



นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เหตุผลที่ตนมาแจ้งความวันนี้เนื่องจากได้รับหลักฐานเป็นสลิปโอนเงินหน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร ระบุว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 นายภาคิน เจ้าของเว็บพนันออนไลน์คิงพิน 88 ได้โอนเงินให้กับ พลตำรวจตรีเอกรักษ์ จำนวน 560,000 บาท



ทำให้เชื่อได้ว่า พลตำรวจตรีเอกรักษ์ รับสินบนจากเว็บพนันออนไลน์ เนื่องจากกลุ่มพนันออนไลน์นี้ เคยถูกตำรวจภาค 6 จับกุมช่วงปี 2564 จึงไปขอความช่วยเหลือกับ พลตำรวจตรีเอกรักษ์ ที่ในขณะนั้นเป็นรองผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรภาค 6



ซึ่งพลตำรวจตรีเอกรักษ์ ให้คำปรึกษาเรื่องย้ายสถานที่ทำเว็บพนันออนไลน์มาอยู่ที่บริษัทโรงพิมพ์ของภรรยาในพื้นที่ย่านบางขุนเทียน โดยจ่ายค่าเช่าเดือนละ 1,500,000 บาท เป็นเวลา 18 เดือน รวมเป็นเงิน 27 ล้านบาท และเงินที่โอนให้ 560,000 บาทนี้ก็เป็นสินบน



จนกระทั่งต่อมา วันที่ 8 มิถุนายน 2565 ตำรวจ สน.บางขุนเทียน ได้นำหมายศาลบุกค้นโรงพิมพ์ของภรรยา พลตำรวจตรีเอกรักษ์ จับกุมนายภาคิน พร้อมพวกรวม 3 คน ซึ่งทั้งหมดได้ประกันตัวออกมา โดยตอนนี้คดีค้างมาแล้ว 2 ปียังไม่มีความคืบหน้า



โดยตนมีข้อมูลว่า พลตำรวจตรีเอกรักษ์ ได้ไปปรึกษาตำรวจยศพลตำรวจเอกนายหนึ่ง เมื่อ 2 วันก่อน หลังรู้ว่าจะถูกแฉเรื่องสลิปโอนเงินใบนี้ ซึ่งเชื่อว่าท้ายที่สุด พลตำรวจตรีเอกรักษ์ อาจมีการอ้างว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินซื้อขายรถยนต์กับนายภาคิน แต่ตนก็มั่นใจว่าเอาผิดได้แน่นอน



นอกจากนี้นายอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงคดีที่ได้รับมอบอำนาจจาก พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ให้ดำเนินคดีกับ พลตำรวจตรีเอกรักษ์ กับพวก ฐานปลอมแปลงเอกสารและนำรถไปขายจำนวน 13 คันว่า มีหลักฐานสำคัญหลายอย่าง ทั้งเอกสารการโอนขายรถ และ คลิปเสียงการสนทนาระหว่างน้องสาวอดีตผู้กำกับโจ้กับผู้กองเบิร์ด ลูกชายของพลตำรวจตรีเอกรักษ์ ซึ่งผู้กองเบิร์ดยืนยันว่า เอารถแคมรี่สีเขียวของอดีตผู้กำกับโจ้ไป และยังบอกด้วยว่า เอาคันไหนให้ใครไปบ้าง



นอกจากนี้นายอัจฉริยะ ยังได้โชว์เอกสารจากกรมการขนส่งทางบกที่ใช้โอนรถกระบะทะเบียน จจ 3500 ของอดีตผู้กำกับโจ้ ซึ่งนายอัจฉริยะบอกว่าเอกสารดังกล่าวเป็นการปลอมลายเซ็นของอดีตผู้กำกับโจ้ โดยไม่มีลายเซ็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กำกับ



อีกทั้งที่อยู่ของอดีตผู้กำกับโจ้ที่ระบุในเอกสารนี้ก็ไม่ตรงกับบัตรประชาชน และท้ายเอกสาร ทนายณัฐ ยังเขียนระบุว่า น้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้เป็นคนเซ็นเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ต่อหน้าทนายความ ทั้งที่ความจริงแล้ว ทนายณัฐไปหลอกให้น้องสาวอดีตผู้กำกับโจ้ เซ็นต์กระดาษเปล่า



ส่วนประเด็นที่พลตำรวจตรีเอกรักษ์ ชี้แจงกับสื่อมวลชนเรื่อง ทะเบียนรถ อต55 ที่นำมาสวมรถตู้ BENZ VITO นั้น เป็นการเก็บป้ายทะเบียนไว้คืนอดีตผู้กำกับโจ้นั้นฟังไม่ขึ้น เพราะถ้าจะคืนป้ายจริงทำไมไม่คืนให้น้องสาวอดีตผู้กำกับโจ้



เมื่อเช้านี้ตนได้เข้าไปหาอดีตผู้กำกับโจ้ในเรือนจำ ซึ่งอดีตผู้กำกับโจ้ ก็ฝากบอกไปยังพลตำรวจตรีเอกรักษ์ว่า อย่าสตรอเบอร์รี่มาก และที่พลตำรวจตรีเอกรักษ์ทำกับเขายังมีอีกเยอะ



จากนั้นนายอัจฉริยะ ได้เดินทางไปที่ ปปง. เพื่อยื่นเรื่องขอให้มีการตั้งกรรมการสอบวินัย พลตำรวจตรีเอกรักษ์ ใน 3 กรณี คือ



1.ตรวจสอบเรื่องการฟอกเงิน ร่วมกับภรรยา โดยมีการไปเกี่ยวพันกับเว็บพนันออนไลน์คิงพิน 88 //

2.เรื่องการไปมีส่วนร่วมกับขยวนการลักรถยนต์ของอดีตผู้กำกับโจ้ไปขาย รวมถึงปลอมแปลงเอกสาร 3.เรื่องที่ไปเกี่ยวพันกับถุงเงิน 6 ล้านที่นำไปมอบให้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งแม้จะยังไม่ชัดเจนว่าได้นำไปให้เองหรือไม่ แต่การที่พลตำรวจตรีเอกรักษ์ ไปพัวพันรู้จักกับ สัก พระราม 3 ซึ่งเป็นเจ้าของบ่อนและเว็บพนันออนไลน์ ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม



ทั้งนี้นายอัจฉริยะย้ำว่า ต้องการให้พลตำรวจตรีเอกรักษ์ ลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการ ปปง. เพื่อความสุจริต แล้วมาสู้คดีตามกฎหมาย อีกทั้งระเบียบข้าราชการพลเรือน ก็ระบุว่า หากเจ้าพนักงานต้องคดีอาญา หรือถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบ ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งหากต่อสู้คดีแล้วพบว่าบริสุทธิ์ ก็สามารถกลับมาปฏิบัติงาน และใช้สิทธิฟ้องร้องผู้ที่ร้องเรียนได้



ขณะที่นางสาวสุปราณี สถิตชัยเจริญ รองโฆษกสำนักงาน ปปง. บอกว่า ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ ส่วนจะใช้เวลาเท่าไหร่ต้องตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง ส่วนพลตำรวจตรีเอกรักษ์ ยังมาปฏิบัติราชการตามปกติ



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/rSBA7puploE

คุณอาจสนใจ

Related News