'บิ๊กโจ๊ก' แถลงจับ ตร.191-DSI รีดเงินแลกปล่อยตัวแก๊งจีน - ออกหมายเรียก 80 ตม.เอื้อจีนเทา

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จับ 16 เจ้าหน้าที่รัฐ รีดเงินจีนเทา 9 ล้าน 5 แสนบาท แลกปล่อยตัวในบ้านพักอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู ขณะต้นสังกัดตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง



พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล​ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย นาย วัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม แถลงผลการจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐและล่ามภาษาจีน รวม 16 คน ที่เข้าตรวจค้นบ้านอดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย แต่มีการเรียกรับผลประโยชน์ 9 ล้าน 5 แสนบาท แลกกับการปล่อยตัวคนจีน 11 คน เบื้องต้นออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 16 คน แล้ว ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และทำลายวัตถุหรือหลักฐาน



ทั้ง 16 คน ประกอบด้วย นาย ตฤณ พิชิตกุญชร ผู้อำนวยการส่วนกลั่นกรองและการข่าวคดีพิเศษภาค นาย อนัน สีลาโคตร นาย อดิศร สนธิวรชัย นาย ศุภชัย ลิ้มพิพัฒนโสภณ และ นาย อำนาจ คำแสนเดช เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ



ส่วนตำรจสังกัด 191 มีทั้งหมด 9 นาย ยศตั้งแต่ร้อยตำรวจเอก ถึง สิบตำรวจเอก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ 1 คน และ ชายชาวจีนซึ่งเป็นล่ามแปลภาษาจีนของดีเอสไอ อีก 1 คน



คดีนี้ต้องย้อนไปวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ทั้งหมดเข้าตรวจค้นบ้านพักของอดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ พบคนจีน 2 คน และชาวเมียร์มา 6 คน และคนงานที่เป็นคนไทย และจีนอีกจำนวนหนึ่ง รวม 11 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชาวจีนที่มีหมายจับสากล พร้อมของกลางเงินสด 8 ล้านบาท แต่ปรากฎว่าตอนทำบันทุกจับกุมเหลือผู้ต้องหาคนเดียว คือนางสาว เซี่ยง หยาง ซึ่งเป็นผู้ดูแลบ้าน และเงินสด 2 ล้าน 5 แสนบาท และยังเรียกรับผลประโยชน์เพิ่มอีก 4 ล้านบาท



ต่อมาจับล่ามชาวจีนขณะกำลังหลบหนีไปยังประเทศมาเลเซีย ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าตัวรับสารภาพว่าเป็นคนไปรับเงิน 4 ล้านบาท จากกลุ่มผู้ต้องหามาให้เจ้าหน้าที่ ที่เรียกรับผลประโยชน์ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก15 คน ให้การปฏิเสธทั้งหมด



นอกจากนี้วันที่เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว มีกล้องวงจรปิด แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้นำมาเป็นของกลาง แต่กลับพบว่ามีทหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้กระทำความผิด พยายามนำเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดไปทำลายที่บ้าน แต่ตอนนี้ตำรวจตามหลักฐานและกู้ภาพมาได้แล้ว



ล่าสุด พลตำรวจตรี ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ เปิดเผยว่า ตำรวจ 191 ทั้ง 9 นาย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พร้อมให้ทั้ง 9 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที



ด้านพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ บอกว่า อธิบดีดีเอสไอ ได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีนี้แล้ว โดยอยู่ระหว่างเรียกเจ้าตัวเข้ามาชี้แจงต่อคณะกรรมการ ก่อนจะพิจารณาการลงโทษทางวินัย ซึ่งเป็นการตั้งสอบแบบคู่ขนานกับคดีความอาญา จึงไม่ต้องรอผลทางอาญา



ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกลุ่มคนจีนเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในไทย โดยการอนุมัติวีซ่าประเภทนักเรียน และวีซ่าผู้ที่อยู่ในมูลนิธิต่างๆ จนทำให้มีคนจีนพักอาศัยอยู่ในไทยได้นานมากขึ้น ล่าสุดพบมีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 80 นาย มีส่วนเกี่ยวข้อง ในจำนวนนี้มี 3 นาย เป็นตำรวจระดับนายพล ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ซึ่งได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติโดยมิชอบ และมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ ภายในสัปดาห์หน้า



ตามข้อมูลพบมีคนจีนที่ลักลอบเข้าเมืองโดยวิธีการนี้ประมาณ 5,000 คน โดยปี 2563-2564 พื้นที่ความรับผิดชอบของตม.4 ในภาคอีสาน ออกวีซ่าผิดกฎหมาย กว่า 3,000 คน และ พื้นที่ตม. 5 รับผิดชอบภาคเหนือ มีออกวีซ่าผิดกฎหมายกว่า 1,000 คน



โดยในกลุ่มนี้มีนายโก เอี่ยว เจ้าของคลับวัน พัทยา จังหวัดชลบุรี ใช้วิธีการนี้ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เพิกถอนวีซ่า และเตรียมผลักดันกลับประเทศต้นทาง

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/5pWPha8jR5M