สังคม

'นอท กองสลากพลัส' แจงปม 50 ล้าน คือเงินลูกค้าที่ถูกรางวัล ยันไม่เกี่ยวฟอกเงิน

โดย panwilai_c

13 ม.ค. 2566

167 views

นอท กองสลากพลัส ให้ปากคำดีเอสไอ ชี้แจงกรณีกลุ่มรับจ้างเปิดบัญชีม้าและเงินจากขบวนการค้ายาเสพติด โอนเข้าบัญชีของนอท



นาย พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส เข้าพบนาย พงษธร อินอำนวย ผู้อำนวยการศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อให้การในฐานะพยาน กรณีที่ดีเอสไอได้สืบสวนขยายผลจับขบวนการพนันออนไลน์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา และพบว่าหนึ่งในผู้ต้องหาคนสำคัญ ซึ่งอยู่ในขบวนการฟอกเงินและรับจ้างเปิดบัญชีม้า ได้โอนเงินที่ได้มาจากการทำผิดกฎหมายเข้าบัญชีของนอทโดยตรง



นาย ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า เรียก นอท เข้ามาสอบถามถึงความสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นคนโอนเงิน 42 ล้านบาท เข้ามาที่กองสลากพลัส เพราะพบว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มค้ายาเสพติด ว่ารู้จักกันอย่างไร รู้จักกันมานานแค่ไหน และเหตุผลในการโอนเงิน ซึ่ง "นอท" ชี้แจงว่า ไม่ได้มีการรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่รู้จักกันผ่านนายหน้ามาอีกทอด และเคยเจอกันเพียงครั้งเดียว ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวได้นำไปดำเนินการทางธุรกิจ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้



นอกจากนี้ยังมีเส้นเงินอีก 39 เส้นเงิน จำนวนเงินรวมกว่า 1,100 ล้านบาท ที่พนักงานสอบสวนยังมีข้อสงสัยถึงที่มา ซึ่งทั้ง 39 เส้นทางการเงิน มีการหมุนเวียนเข้ามาตั้งแต่นาย นอท เริ่มประกอบธุรกิจขายสลากออนไลน์ ซึ่งพนักงานสอบสวน ให้เวลา 2 อาทิตย์ ให้นาย นอท รวบรวมเอกสารมาชี้แจ้ง พร้อมยืนยันว่า ตอนนี้นายนอท ยังไม่ใช่ผู้ต้องหา หรือเป็นผู้กระทำความผิด



และในวันจันทร์ที่ 16 มกราคมนี้ ดีเอสไอจะเดินทางไปกองสลากพลัส เพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของ นาย นอท ทั้งที่โกดังจัดเก็บสลากกินแบ่งรัฐบาล ประมาณ 170 ล้านใบ ที่ได้มีการขายสลากกินแบ่งเหลือแล้วเก็บไว้



นอท กองสลากพลัส ย้ำ ไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงิน แจง เงินหลายสิบล้านที่ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน โอนเข้าบัญชีส่วนตัว 2 ครั้งนั้น เพราะเขาได้มอบอำนาจให้นำล็อตเตอรี่ไปขึ้นเงิน และผู้ต้องหาต้องการร่วมทุนด้วย แต่นอทต้องการนายทุน เมื่อตกลงกันไม่ได้ จึงแยกย้าย



หลังจากเข้าชี้แจงกับดีเอสไอ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ได้ไปแถลงชี้แจง ที่บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ ว่า เงินที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัว ที่ดีเอสไอเรียกไปสอบถาม นั้น เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาขบวนการฟอกเงิน มีด้วยกัน 2 ยอด



ยอดแรกคือ 42,381,030 บาท และยอดที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 11,207,680 บาท โดยเงินเข้าบัญชีในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ซึ่งเงินทั้ง 2 ก้อน มูลค่ากว่า 50 ล้าน คือเงินของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เนื่องจากตนเอง ได้มอบอำนาจให้นาย อ (นามสมมติ) ไปขึ้นเงินรางวัล เมื่อนาย อ นำสลากฯประมาณหมื่นใบ ที่ถูกรางวัลต่างๆ ไปขึ้นเงินรางวัลแล้ว ก็ได้เช็คจากสำนักงานสลากฯมา เป็นชื่อนาย อ แล้วนาย อ ก็โอนเงินให้กับตนเอง ซึ่งสามารถไปตรวจสอบถึง จำนวนเงินเข้าบัญชี และจำนวนเงินที่ออกจาก สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่ากันเป๊ะ



นอท ชี้แจงว่า ได้พบกับนาย อ. ครั้งหนึ่งเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2565 (ช่วงโอนเงินเข้าบัญชี) ช่วงนั้นนอท บอกว่า ต้องการหาทุนมาทำธุรกิจ ซึ่งมีนายหน้าพาไปหาทีมนาย อ เพื่อนำเสนอแผนธุรกิจ ก่อนส่งมาดูงาน เพราะอยากรู้ขั้นตอนการชึ้นเงิน การทำธุรกิจ นอท จึงให้เลขาฯพาไปขึ้นทะเบียนกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นผู้รับซื้อเงินรางวัล



ส่วนสาเหตุที่ไว้ใจให้นาย อ ให้นำเช็คไปขึ้นเงิน เพราะต้องการเงินทุนจากนาย อ มาลงทุน จึงต้องพิสูจน์ธุรกิจให้นายทุนเห็น และให้เลขาฯประกบตลอด สุดท้ายหลังจากขึ้นเงิน และได้เงินแล้ว นอท และนาย อ ได้มาคุยธุรกิจกันอีกครั้ง แต่ไม่สามารถไปด้วยกันได้ เนื่องจากเป้าหมายต่างกัน จึงแยกย้ายกันไป (เพราะสิ่งที่นอท ต้องการ คือเงินกู้ เพื่อมาลงทุนธุรกิจ แต่นาย อ ต้องการเป็นหุ้นส่วนร่วมทำธุรกิจด้วย ) โดยไม่ได้เงินของนาย อ มาแม้แต่บาทเดียว และไม่ได้เจอกันอีกเลย จนมีข่าว เมื่อดีเอสไอเรียกไปเป็นพยานสอบปากคำ ยอมรับว่าตกใจ และยืนยันว่า การหานายทุนกู้เงินเขาไม่มีความสามารถ ไปตรวจสอบข้อมูลของใครได้ ว่า ค้ายาหรือมีการฟอกเงิน มาหรือไม่



นอท บอกด้วยว่า ทางดีเอสไอของตรวจสอบการโอนเงินในบัญชีของตนเองอีก 39 รายการ มูลค่า 1,030 กว่าล้านบาท ซึ่งเจ้าตัวจะนำไปให้สิ้นเดือนนี้ และวันที่ 16 มกราคม นี้ อธิบดีดีเอสไอ จะไปดูคลังสินค้า ที่เก็บล็อตเตอรี่ 170 ล้านใบ และจะมาดูการทำงานทั้งหมดที่สำนักงานกองสลากพลัส ซึ่งตนเองก็ยินดี


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/ST26QCph3sA

คุณอาจสนใจ

Related News