สังคม

ไทยตรึงไม่ทัน! ‘นายหวัง’ มือฆ่า 4 ศพยัดรถที่ไต้หวัน หนีข้ามชายแดนแล้ว

โดย pattraporn_a

13 มิ.ย. 2565

566 views

คดีฆาตกรรมคู่สามี-ภรรยา ชาวไทย ที่ไต้หวัน โดยผู้ต้องหาที่เป็นคนไทยด้วยกัน ได้นำศพของผู้เสียชีวิตทั้งสอง พร้อมลูกฝาแฝดในครรภ์ ยัดใส่รถยนต์แล้วนำไปจอดทิ้งไว้ใกล้กับสถานีรถไฟแห่งหนึ่ง ก่อนบินหนีกลับมาไทย ล่าสุดพบหนีออกนอกชายแดนไทยแล้ว


วันนี้  (13 มิ.ย.) ที่บ้านของ นายหวัง ที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร์ เจ้าหน้าที่เดินทางไปที่บ้าน แต่ไม่พบตัว พบเพียงเบาะแสว่า นายหวัง เข้ามาเอารถหรู ก่อนจะขับไปโผล่ที่บ้านเกิด อ.ชัยปราการ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งไล่ล่าตัว


ทั้งนี้ เมื่อทีมข่าวตรวจสอบภาพของผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุ ในภาพ พบว่าคือ นายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน หรือ นายหวัง อายุ 35 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นคนที่นางสาวลี่ ผู้ตายไว้ใจ และะได้รับสัญชาติไต้หวันแล้วเช่นกัน และทำงานเป็นล่ามอยู่ที่ไซต์งานก่อสร้างแห่งหนึ่ง ที่เขตถู่เฉิง นครนิวไทเป


ล่าสุด ทีมข่าว ร่วมกับ ปลัดอำเภอสันทราย นายบุญฤทธิ์ นิปวณิย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางไปที่บ้านของ นายหวัง ตามที่อยู่ทะเบียนราษฎร์ ที่นายหวังมีชื่ออยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ไม่พบตัว


และเมื่อตรวจสอบพบว่า บ้านหลังนี้ เมื่อ 10 ปีก่อน พ่อของนายหวังได้มาซื้อเอาไว้ เป็นบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรร อยู่ที่ อ.สันทราย จำนวน 2 หลัง หลังละประมาณ 5 ล้านบาท โดยมีชื่อ พ่อ เป็นผู้ครอบครอง และนายหวัง มีชื่อเป็นผู้พักอาศัย


จากนั้นทีมข่าวได้ประสานไปยังผู้ดูแลโครงการหมู่บ้านจัดสรร เพื่อเข้าพบพ่อของนายหวัง และสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พ่อนายหวัง ปฎิเสธที่จะให้ข้อมูล และบันทึกภาพบ้านที่อาศัยอยู่ โดยอ้างขอความเป็นส่วนตัว


ส่วน บ้านเกิดนายหวัง ตรวจสอบพบอยู่ที่ อ.ชัยปราการ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่มาซื้อใหม่ ที่ อ.สันทราย ประมาณ 100 กิโลเมตร โดยมีรายงานล่าสุดมีคนเห็น นายหวัง กลับมาเอารถหรู จากบ้านพ่อที่ อ.สันทราย ก่อนจะเห็นขับมาโผล่ที่บริเวณ อ.ชัยปราการ ใกล้กับบ้านของนางสาวลี่ ผู้ตาย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังเร่งหาเบาะแส เพื่อนำตัวนายหวังมาดำเนินคดีตามกฎหมาย


ทางด้าน พี่ชายของผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นหญิงตั้งครรภ์ เข้าร้องทุกข์กับ พลตำรวจรี วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ขอให้เร่งติดตามจับนาย สันติ ศุภอภิรดีไพลิน หลังก่อเหตุฆ่าน้องสาวของตนขณะกำลังท้องลูกแฝดและสามี ที่ไต้หวัน แล้วหลบหนีมาไทย โดยมีข้อมูลว่า เห็นคนร้าย ปรากฎตัวในพื้นที่ บ้านใหม่หนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่


พี่ชายผู้เสียชีวิต เล่าว่า นายสันติ เป็นญาติห่างๆกับครอบครัวตน มีความสนิทสนมกับคนในครอบครัวทุกคน เพราะเติบโตและเรียนหนังสือมาด้วยกัน สามารถเข้านอกออกบ้านในอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ได้ตลอด ซึ่งต่อมาน้องสาวของตนได้ไปเรียนต่อที่ไต้หวัน ตั้งแต่อายุ 17 ปี จนเรียนจบและทำงาน ต่อมาครอบครัวตนได้ย้ายไปอยู่ที่ไต้หวัน จนน้องสาวไปเจอกับสามีและแต่งงานจดทะเบียนกันที่ไต้หวัน


ต่อมาน้องสาวของตนก็ได้ชักชวนนายสันติไปทำงานที่ไต้หวันด้วย ซึ่งนายสันติได้เดินทางไปทำงานที่ไต้หวันเมื่อ 2 ปีก่อน โดยขณะนั้นอยู่ในสถานการณ์ระบาดโควิดพอดี ซึ่งตอนนายสันติไปถึง ยังไปกักตัวที่บ้านน้องสาวตนด้วย จากนั้นก็ไปเช่าหอพักส่วนตัว และทำงานเป็นล่ามอยู่ที่ไซต์งานก่อสร้างแห่งหนึ่ง ที่เขตถู่เฉิง นครนิวไทเป


ตลอดระยะเวลา นายสันติ อยุ่ไต้หวัน ยังไปมาหาสู่น้องสาวและสามีเป็นปกติ ทั้งไปมาหาสู่ ไปกินข้าวด้วยกัน โดยสนิทกันถึงขั้นรู้รหัสเข้าออกบ้านที่ไต้หวันได้ ก่อนเกิดเหตุฆาตกรรม 4-5 วัน น้องสาวได้โทรศัพท์มาหา บอกว่า นายสันติมาพูดคุยเล่าให้น้องสาวฟังว่า มีแรงงานไทยที่ได้พาไปทำงานที่ไต้หวัน ขโมยเงินนายสันติไป 800,000 บาท และทองคำหนัก 15 บาท ซึ่งตนยังทักกลับไปว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยตนไม่แน่ใจว่า เป็นปัญหาเกี่ยวกับการนำเงินไปปล่อยเงินกู้ให้กับคนไทยที่ทำงานในไต้หวันหรือไม่


ขณะที่ น้องสาวของฝ่ายหญิง(ภรรยาที่ท้อง) เล่าว่า ปกติตนจะอยู่ที่ไต้หวัน ซึ่งคนไทยในไต้หวันรู้จักพี่สาวและพี่เขยตนเป็นอย่างดี เพราะพี่สาวทำงานเป็นล่าม ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายอาหาร ทำอาหารกล่องส่งให้คนไทยที่อยู่ในโรงงานที่ไต้หวัน โดยตนกลับมาจากไต้หวัน เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม และมาทราบข่าวเหตุฆาตกรรม เมื่อช่วง 4 ทุ่ม ของคืนวันที่ 9 มิถุนายน ทำให้ทุกคนช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คาดคิดว่า จะเกิดเหตุนี้กับครอบครัวตน


ล่าสุดผู้สื่อข่าว เดินทางยังบ้านหลังหนึ่งในอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีชื่อพ่อของนายสันติเป็นเจ้าของบ้าน โดยบ้านหลังนี้จะมีพ่อ พี่สาว พี่เขย และลูกของนายสันติ 2 คนพักอาศัยอยู่ โดยผู้สื่อข่าวพบกับพี่เขยนายสันติ ให้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 มิถุนายน เวลาประมาณ 18 นาฬิกา นายสันติ เดินทางมาถึงสนามบินเชียงใหม่ และนั่งรถตู้จากสนามบินเข้ามาที่บ้านหลังนี้


เมื่อมาถึงบ้านก็ทักทายสวัสดีตามปกติ และบอกว่า คิดถึงลูก แต่ไม่ได้เล่าเหตุการณ์ใดๆให้ฟัง ซึ่งนายสันติใช้เวลาอยู่บ้านเพียงครู่เดียว ก่อนจะขอยืมรถเอนกประสงค์ยี่ห้อวอลโว่ ของพ่อออกไป จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อนายสันติได้อีกเลย


จนทุกคนมาทราบภายหลังว่า นายสันติไปก่อเหตุฆ่าสามีภรรยา ซึ่งเป็นเพื่อนกันที่ไต้หวัน ก่อนหลบหนีมาไทย ทำให้คนในบ้านตกใจอย่างมาก ซี่งปกติ ตนไม่ได้สนิทกับนายสันติ และไม่ค่อยได้เจอกับนายสันติเท่าไรนัก พร้อมยืนยัน บ้านหลังนี้เป็นชื่อของพ่อนายสันติ ที่ซื้อไว้และอาศัยมานานเกือบ 20 ปีแล้ว


ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวไปพบกับ นายธีรศักดิ์ โนราษ พ่อของนายประเสริฐ โนราษ หรือ มาส ผู้เสียชีวิตที่ฆ่าพร้อมภรรยาและลูกแฝดในท้อง เล่าว่า ลูกชายไปทำงานที่ไต้หวันหลายปีแล้ว จนได้ภรรยาสาวชาวไทย สัญชาติไต้หวัน และจดทะเบียนอยู่กินด้วยกันที่ไต้หวัน ต่อมาทั้งคู่ทำธุรกิจข้าวกล่องส่งแรงงานไทยตามโรงงาน รวมทั้งสั่งผลไม้กับลอตเตอรี่จากประเทศไทย ไปขายให้แรงงานไทยในไต้หวัน จนพอมีฐานะ สามารถส่งเงินมาเลี้ยงดูพ่อและพี่น้อง


ก่อนที่จะเสียชีวิต ได้คุยกับกับลูกชายวันที่ 8 มิถุนายน ซึ่งลูกชาย เล่าว่า เตรียมจะพาภรรยากลับมาเที่ยวเมืองไทย ในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ และยังนัดแนะด้วยว่า จะพาตนและครอบครัวไปเที่ยวทะเลด้วยกัน และตั้งใจจะพักที่ไทยถึง 3 เดือนก่อนกับไต้หวัน แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้ทราบข่าวร้าย และอยากให้ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้ เพราะพฤติกรรมโหดเหี้ยมมาก


ส่วนเรื่องจัดการศพ ได้พูดคุยกันกับพี่สาวของลูกสะใภ้ ขอให้ช่วยจัดการฌาปนกิจที่ไต้หวัน แล้วส่งกระดูกกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด เพราะครอบครัวทางนี้ไม่สามารถเดินทางไปได้ เพราะติดปัญหาการระบาดของโควิด-19 จึงได้แต่ส่งเอกสารต่างๆ ให้ฝ่ายญาติของลูกสะใภ้ช่วยดำเนินการแทน


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/9_ULVuKixDs

คุณอาจสนใจ

Related News