สังคม

2 โจรแสบ ใช้เคลียริ่งเช็คหลอกซื้อทอง 100 บาทที่หนองคาย พบแก๊งเดียวกันโผล่บุรีรัมย์ หวิดสูญ 5 ล้าน

โดย pattraporn_a

11 ก.พ. 2565

170 views

ตำรวจหนองคาย เร่งล่าตัว 2 โจรแสบ ซื้อทองหนัก 100 บาท มูลค่าเกือบ 3 ล้าน แต่จ่ายเป็นเช็คเคลียริ่ง เจ้าของร้านหลงกลขายไป เช็คยอดบัญชี มีแต่ตัวเลขไม่มีเงินเข้า /ขณะที่ร้านทองบุรีรัมย์ เจอด้วย แต่ไหวตัวทันเกือบสูญเงิน 5 ล้าน


ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นคนร้ายเป็นชายแต่งตัวภูมิฐาน สวมหน้ากากอนามัย เข้ามาในร้านทองศรีรุ่งเรือง ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย ทำทีมาซื้อทองอ้างว่าจะซื้อไปฝากญาติ ส่วนฝ่ายหญิงแยกไปธนาคารเพื่อนำเช็คเข้าบัญชีให้ร้านทอง


โดยคนร้ายชายแจ้งกับทางร้านว่าจะมีคนเงินเงินเข้าบัญชี ระหว่างนั้นก็ทำทีคุยโทรศัพท์แล้วสักพักก็แจ้งว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว จากนั้นทางเจ้าของร้านทองได้โทรศัพท์ติดต่อกับธนาคารขอให้ตรวจสอบเงิน ทางธนาคารก็แจ้งว่ามียอดเงิน 2 ล้าน 9 แสนบาทจริง ทางร้านก็หลงเชื่อจึงได้นำทองรูปพรรณจำนวน 100 บาท ให้กับคนร้ายไป


จากนั้นประมาณ 15 นาที เจ้าของร้านได้ตรวจสอบเงินพบว่า เป็นการนำเงินเข้าบัญชีโดยเคลียริ่งเช็ค ทำให้รู้ตัวว่าน่าจะถูกหลอก จึงได้เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย


เจ้าของร้านทองศรีรุ่งเรือง บอกเพียงสั้นๆ ว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับทางร้านเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี คนร้ายเป็นชายเข้ามาในร้านทำทีขอซื้อทองเหมือนลูกค้าปกติทั่วไป โดยเลือกทองรูปพรรณ เป็นสร้อยคอทองคำ เส้นละ 5 บาท และ 10 บาท น้ำหนักรวม 100 บาท มูลค่า 2.9 ล้านบาท ซึ่งทางร้านไม่ได้ขอให้เปิดหน้ากากอนามัยเพราะกลัวโควิด


หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบภายในร้านทอง เช็กภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายมีการปกปิดใบหน้าเพราะทางร้านกลัวโควิด และทางร้านเองก็ไม่ได้ขอดูบัตรประชาชนของคนร้าย ไม่ได้ขอให้เปิดหน้ากาก และไม่ขอเบอร์โทรศัพท์คนร้ายไว้ด้วย แต่คนร้ายได้เขียนชื่อ ซึ่งคาดว่าจะเป็นชื่อปลอมให้กับทางร้าน


ซึ่งการแกะรอยคนร้ายเจ้าหน้าที่ได้ไปขอตรวจสอบกับธนาคาร ทราบชื่อเจ้าของบัญชีที่ไปดำเนินการเคลียริ่งแล้ว ชื่อ น.ส.พิชชาภา ครณรงค์ พร้อมกับตรวจสอบกล้องวงจรปิดของธนาคาร พบภาพคนร้ายเป็นหญิงผมสั้น ใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า เมื่อตรวจสอบชื่อในระบบพบว่าเคยมีพฤติกรรมก่อเหตุในลักษณะนี้ที่ จ.ระยอง เมื่อปี 2563 ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า เป็นคนคนเดียวกัน


ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกระบวนการเคลียริ่งเช็คกับธนาคาร เบื้องต้นธนาคารพบว่ามียอดเงินเข้ามาในบัญชีจริง แต่เป็นเช็คเคลียริ่ง โดยเป็นเช็คของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาในกรุงเทพ เข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาห้างอัศวรรณ ซึ่งเป็นเช็คต่างธนาคาร และต่างพื้นที่กัน ทำให้ใช้เวลาเคลียริ่งนาน ทำให้เป็นช่องว่าง เนื่องจากธนาคารจะเป็นตัวเลขอยู่ ซึ่งคดีนี้คาดว่าเป็นเช็คเด้ง


ด้าน พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.หนองคาย กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังไล่กล้องวงจรปิดติดตามตัว คาดว่าจะทำกันเป็นขบวนการ คนร้ายน่าจะมีมากกว่า 2 คน อาจมีคนขับรถพาคนร้ายไปก่อเหตุทั้งที่ร้านทองและธนาคาร โดยทำพฤติกรรมหลอกลวงร้านทอง ตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ


นอกจากนี้ จากการสอบถามร้านทองข้างเคียง มีการให้ข้อมูลว่า เมื่อวานนี้หลังเกิดเหตุ ทางร้านได้ย้อนกลับไปดูกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายได้เข้ามาในร้าน และสอบถามกับพนักงานของร้าน บอกว่าต้องการซื้อทองแท่ง พอทางร้านบอกว่าไม่มี คนร้ายจึงรีบออกจากร้านไป


หลังข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ปรากฎว่าคนร้ายแก๊งนี้ได้ไปก่อเหตุที่ร้านทอง ในอ.นางรอง จ.บุรีรัมย์มาก่อน โดย น.ส.เปรมยุดา กำเพ็ชรภักจิรวานิช เจ้าของร้านทอง เล่าว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10 โมง มีชายอายุประมาณ 20-25 ปี มาขอซื้อทองแท่งและทองรูปพรรณน้ำหนักรวมกว่า 200 บาท คิดเป็นเงิน 5.8 ล้านบาท อ้างว่าเถ้าแก่จะซื้อไปแจกลูกน้อง โดยจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร จากนั้นประมาณ 10 นาที ได้มีข้อความแจ้งเตือนมาในโทรศัพท์ว่า มีเงินเข้ามาในบัญชี 5.8 ล้านบาท


ตนก็ยังไม่มั่นใจ จึงได้โทรสอบถามพนักงานธนาคารพบว่า เป็นการเขียนเช็คเข้าบัญชี ซึ่งต้องใช้เวลาในการเคลียริ่ง จึงแจ้งคนร้ายไปว่าทางร้านต้องการเงินสด คาดว่าคนร้ายน่าจะไหวตัวทัน รีบออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว จึงให้ลูกน้องตามไปดูพบว่าได้จอดรถอยู่หลังร้าน เป็นรถยนต์ สีขาว เลขทะเบียน ฌย 391 จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.นางรอง เพื่อให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี



ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/F_cv7IEB33o 

คุณอาจสนใจ