สังคม

สิ้นสุดคดีเสือดำ! ศาลฎีกาตัดสิน 'เปรมชัย' จำคุก 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา ชดใช้เงินอุทยานฯ 2 ล.บาท

โดย pattraporn_a

8 ธ.ค. 2564

57 views

บทสรุปคดีฆ่าเสือดำ ศาลฎีกา จังหวัดทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี อ่านคำพิพากษา คดีร่วมกันฆ่าเสือดำ ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2561 สิ้นสุดที่จำเลยสามคนที่ยื่นอุทธรณ์ต้องนอนคุกกันถ้วนหน้า


คดีที่พิพากษาในวันนี้เป็นคดีร่วมกันฆ่าเสือดำ ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2561 ซึ่งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา พิพากษาจำคุกมาตลอดทั้ง 3 ศาล และทุกครั้ง นาย เปรมชัยก็เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง


เช่นเดียวกับวันนี้ นาย เปรมชัย กรรณสูต กรรมการ บ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เดินทางมาถึงศาลจังหวัดทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ตอนประมาณ 9 โมงเช้า ด้วยรถยนต์ แลนด์ โรเวอร์ สีดำ โดยนายเปรมชัยนั่งทางด้านหน้าฝั่งซ้าย


ทันทีที่ก้าวลงรถมา จะเห็นได้ชัดเลยว่า นาย เปรมชัย มีอาการบาดเจ็บ เพราะมีผ้าก๊อตปิดที่ดวงตาด้านซ้าย จากนั้นทีมทนายความ และผู้ติดตามไปรอรับ พร้อมกับนำสูท และไม้เท้าไปช่วยพยุงนาย เปรมชัย เพื่อเดินไปยังจุดคัดกรองโควิด 19 ก่อนที่จะพาเดินขึ้นไปยังห้องพิจารณาคดี เพื่อรอฟังคำพิพากษาของศาลในเวลา 9 โมงครึ่ง ซึ่งนายเปรมชัย มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้หันมาทักทาย หรือพูดคุยกับสื่อมวลชน


ขณะที่สื่อมวลชนบันทึกภาพได้เพียงบริเวณด้านนอกประตูศาลเท่านั้น


ส่วนจำเลยอีก 2 คน คือ นายธานี ทุมมาศ นายพราน จำเลยที่ 4 และ นายยงค์ โดดเครือ คนขับรถ จำเลยที่ 2 ก็เดินทางมาที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ตั้งแต่เวลา 08.40 น. โดยพบว่า จำเลยทั้งหมดยังสวมใส่กำไลข้อเท้าตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ที่อนุญาตให้ประกันตัว


ขณะที่ทางฝ่ายโจทก์มีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นตัวแทนร่วมฟังคำพิพากษา 


ในคดีนี้มีจำเลย 4 คน แต่จำเลยขอยื่นฎีกา 3 คน เว้นนางนที เรียมแสน แม่ครัว ซึ่งเป็นจำเลยที่ 3 ไม่ยื่นฎีกาต่อ เนื่องจากในชั้นอุทธรณ์โทษจำคุกรอการลงอาญาไว้ 2 ปี


โดยศาลจังหวัดทองผาภูมิ ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง อ่านคำพิพากษา ซึ่งศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้ง 3 คนในคดีนี้ฟังไม่ขึ้น และไม่มีเหตุต่อการรอการลงโทษ


คำสั่งศาลฎีกาต่อจำเลยทั้งสามมีดังนี้

จำเลยที่ 1 นายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน 

จำเลยที่ 2 นายยงค์ โดดเครือ คนขับรถ จำคุก 2 ปี 17 เดือน

จำเลยที่ 4 นายธานี ทุมมาศ นายพราน จำคุก 2 ปี 21 เดือน


พร้อมให้ช่วยกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 2 ล้านบาท แก่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นและศาลอุทธรณ์


และยกฟ้องจำเลยเฉพาะข้อหาร่วมกันรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่า ตามพรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2535 มาตรา 55 เนื่องจากมีการแก้ไขกฎหมายเมื่อปี 2562


โดยหลังจากที่ศาลได้อ่านคำพิพากษาฎีกา แม่บ้านนายเปรมชัยก็นำรองเท้าแตะ จากรถยนต์ส่วนตัวไปให้นายเปรมชัย แต่ไม่มีใครให้สัมภาษณ์ หรือ ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน


ขณะที่นายเปรมชัย และจำเลยอีก 2 ก็ได้ถูกเจ้าหน้าราชทัณฑ์ เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ คุมตัวมาตรวจคัดกรองโควิด 19 ทางเชื่อมระหว่างอาคารหลังใหม่กับหลังเก่า ก่อนจะถูกคุมตัวขึ้นรถของเรือนจำ ออกไปจากศาลจังหวัดทองผาภูมิ ซึ่งในขั้นตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนำผ้าใบมาขึงปิดไว้เพื่อให้สื่อมวลชนบันทึกภาพได้


หลังนายเปรมชัย ถูกคุมตัวออกจากศาลไปที่เรือนจำ ได้มีทีมทนายความ พร้อมกับนางนที เรียมแสน แม่บ้าน ตามไปที่เรือนจำด้วย


โดยทีมทนายความ ระบุว่า นายเปรมชัย ไม่ได้พูดหรือบอกอะไร พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล ส่วนที่เห็นว่า วันนี้นายเปรมชัย มีการปิดตาข้างซ้าย ก็เป็นอาการป่วยจากโรคประจำตัว ซึ่งนายเปรมชัย จะต้องกินยาทุกวัน ทันทีที่นาย เปรมชัย เข้าเรือนจำแล้ว ทั้งหมดก็ได้เดินทางกลับทันที


คดีนี้ต้องย้อนกลับไปวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 มีภาพนิ่งของเจ้าหน้าที่ทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก จับ นาย เปรมชัย พร้อมพวก นั่งอยู่หน้าเต๊นท์ พร้อมปืนไรเฟิลติดลำกล้อง และซากสัตว์ป่า ทั้งไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง และซากเสือดำ โดยมี นาย วิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกเป็นหัวหน้าชุดจับ พร้อมเปิดเผยว่า จับมาตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์แล้ว และคุมตัวสอบสวนที่ สภ.ทองผาภูมิ เป็นเวลา 48 ชั่วโมง เบื้องต้นถูกแจ้งดำเนินคดี 6 ข้อหา ก่อนจะประกันตัวชั่วคราวออกมา ต่อมา วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ขอหมายศาลเข้าค้นบ้านนาย เปรมชัย ในซอยเพชรบุรี 47 ใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง พบปืน 43 กระบอก ในจำนวนนี้เป็นไรเฟิล 28 กระบอก กระสุนกว่า 1,000 นัด และยังพบงาช้าง 4 กิ่ง หรือ 2 คู่ ความยาวราว 1 เมตร ด้วย ซึ่งมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีกันเพิ่มเติม


ส่วนคดีร่วมกันฆ่าเสือดำ ใช้เวลาประมาณ 1 ปี ศาลจังหวัดทองผาภูมิอ่านตำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 จําคุกนายเปรมชัยคุก 16 เดือน  นายยงค์ คุก 13 เดือน  นางนที 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท รอการลงโทษ 2 ปี และนายธานี คุก 2 ปี 17 เดือน โดยยกฟ้องจำเลยบางข้อหา โดยเฉพาะนายเปรมชัย ยกฟ้องในข้อหาร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แต่ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนในข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แทน ต่อมาวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์ทุกข้อหา


ทำให้ วันที่ 12 ธันวาคม 2562 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาลงโทษ จำคุกนายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน นาย ยงค์ 2 ปี 17 เดือน  นาง นที เรียมแสน 1 ปี 8 เดือน รอการลงโทษให้ตามศาลชั้นต้น เป็นเวลา 2 ปี และจำคุกนาย ธานี 2 ปี 21 เดือน แต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 จำเลย 3 คน ได้แก่ นายเปรมชัย  นายยงค์ และนายธานี ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา จนศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดลงโทษจำคุกจำเลยในวันนี้ (8 ธ.ค.64)


จากเหตุการณ์นี้ ทำให้เกิดกระแสในสังคม จนเป็นแอชแทค เซฟเสือดำ มีกลุ่มคนอกมาแสดงออกทางสัญลักษณ์จำนวนมาก ทั้งการพ่นสีกำแพง การจัดกิจกรรมเรื่อนการอนุรักษ์สัตว์ป่า การเพนท์ภาพรูปเสือดำที่ป้ายตามไซต์งานก่อสร้างของบริษัทอิตาเลี่ยนไทยเป็นต้น 


1 ในบุคคลที่ทำให้คดีนี้มีพยานหลักฐาน แน่นหนา ครบถ้วนสมฐุรณ์ จนสามารถฟ้องเอาผิด นาย เปรมชัย ได้ นั่น คือ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าทำคดีช่วย นาย เปรมชัยหรือเปล่า


สาเหตุที่ถูกสังคมกระหน่ำต่อว่าอย่างรุนแรง เพราะภาพนิ่งที่รับไหว้ นาย เปรมชัย เพียงภาพเดียว เมื่อวันที่เดินทางไปสอบปากคำ ที่สภ.ทองผาภูมิ ทั้งที่ในวันนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ นายเปรมชัย ไหว้ รองศรีวราห์ก่อน จากนั้นรองศรีวราห์จึงรับไหว้ แต่ภาพนิ่งที่ออกมา 1 ภาพ ทำให้คนเข้าใจผิด


ล่าสุดวันนี้ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ อดีต รอง ผบ.ตร. ออกมาเปิดใจในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีล่าเสือดำ สัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี เป็นครั้งแรก หลังจากทำคดีนี้มา ตั้งแต่ปี 2561 จนกระทั่งเกษียณราชการ โดยบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือจน ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ในเมื่อกระทำความผิด การจะไหว้หรือไม่ไหว้ก็ไม่ส่งผลทำให้กฎหมายเปลี่ยนแปลง


ที่ผ่านมาตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน และพยานแวดล้อม อย่างชัดเจน เพื่ออุดช่องโหว่ไม่ให้มีการฟ้องการร้องกลับ แต่ก็ยอมรับว่ามีความกดดันในการทำคดี เพราะช่วงแรกมีพยานหลักฐานน้อย อีกทั้งผู้ใต้บังคับบัญและครอบครัวมีความกดดันสูง แต่เมื่อตำรวจทำสำนวนส่งฟ้องอัยการและอัยการสั่งฟ้องตามที่ตำรวจดำเนินการมา ก็ถือประสพผลสำเร็จในคดีนี้


ยังบอกด้วยว่า คดีดังกล่าว ถือว่าสามารถนำมาเป็นแบบอย่างให้กับตำรวจรุ่นน้องในการวางแนวทาง กับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้ พร้อมฝากถึงเจ้าหน้าที่ทุกนาย อย่าทำงานตามกระแส ให้มีความเข้มแข็งและรักกันมากๆ


นอกจากคดีเสือดำแล้ว ยังมีคดีเรื่องอาวุธปืนและงาช้าง ที่ พลตำรวจเอกศรีวราห์ เข้าไปเปนหัวหน้าชุดตรวจสอบและสั่งฟ้องด้วย ซึ่งคดีอาวุธปืนยังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ผู้สื่อข่าวจึงถาม พลตำรวจเอก ศรีวราห์ว่า กลัวนายเปรมชัยจะโกรธเคืองหรือไม่ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ กล่าวว่า คดีนี้ทำไปตามพยานหลักฐานและทำตามหน้าที่ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่า นายเปรมชัยจะโกธเคืองตนหรือไม่


สำหรับความคืบหน้าคดีการครอบครองงาช้าง คดีนี้ศาลชั้นต้น ยกฟ้องไป เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เพราะถือว่าเป็นมรดกตกทอดมาจากรุ่นแม่


ส่วนคดีอาวุธปืนไรเฟิล 3 กระบอก และปืนแก๊ป 1 กระบอก อยู่ระหว่างต่อสู้ในชั้นฎีกา หลังศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 6 เดือน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563


และอีก 1 คดี ที่เกี่ยวเนื่องคดีเสือดำ คดีคดีการติดสินบนเจ้าพนักงาน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 พิพากษาจำคุก 1 ปี เมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์


ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/R3nAyK428S0

คุณอาจสนใจ

Related News