"แม่น้องเมย" เตรียมร้อง "ผบ.ตร." เอาผิดวินัยรุ่นพี่ยังรับราชการตำรวจ หลังศาลตัดสินจำคุกให้รอลงอาญา

มารดาของ นักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ“น้องเมย” ซึ่งเสียชีวิตเมื่อปี 2560 หลังเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร ได้เพียง 5 เดือน โดยวานนี้ (22 ก.ค. 68) ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นศาลทหารชั้นฎีกา ได้มีคำพิพากษาตัดสินจำคุกนักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่ 2 ราย เป็นเวลา 4 เดือน 16 วัน ปรับเงิน 15,000 บาท และให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี

มารดาของน้องเมย เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 3 ทางโทรศัพท์ ว่าตนเองทราบคำพิพากษาดังกล่าวแล้ว ซึ่งศาลตีความว่าเป็นคดีความประมาท ทั้งที่ครอบครัวได้ยื่นฟ้องในฐานความผิด “เจตนาทำร้ายร่างกายและจิตใจ” ซึ่งมีโทษหนักกว่า ศาลมองว่าเป็นคดีประมาท โทษจึงเบา ขณะที่ครอบครัวฟ้องในข้อหาเจตนาทำร้าย ทั้งร่างกายและจิตใจ ตรงนี้ส่วนตัวเห็นต่าง แต่ก็เคารพในคำพิพากษาของศาล

มารดาของน้องเมย ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ครอบครัวจะเดินหน้าตามกระบวนการ โดยได้หารือกับทีมทนาย เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนไปยัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบทางวินัยกับรุ่นพี่ที่ยังคงรับราชการเป็นตำรวจอยู่ในปัจจุบัน แต่ส่วนตัวไม่รู้ว่ายศอะไร ทำงานที่ไหน เพราะไม่ได้ตาม ไม่ได้สนใจ แต่แค่อยากรู้ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีมาตรการวินัยอะไรหรือไม่ คนที่ศาลตัดสินว่าผิด แม้จะรอลงอาญา แต่ก็มีความผิดอยู่ ควรจะมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน ครอบครัวกำลังเตรียมดำเนินคดีทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย จากบุคคลที่กระทำผิด ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดีอาญา โดยอยู่ระหว่างหารือกับทีมทนายความ เพื่อกำหนดวงเงินค่าเสียหายให้เหมาะสมกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น พร้อมระบุส่วนตัวยังไม่รู้ตัวเลขชัดเจนว่าจะเรียกเท่าไหร่ ทนายกำลังประเมิน แต่มองว่าไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่คือความสูญเสียของลูกชายซึ่งไม่มีอะไรมาทดแทนได้

มารดาน้องเมย กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2560 โดย น้องเมย อายุ 18 ปี เพิ่งเข้าศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 60 ได้เพียง 5 เดือน ปัจจุบันผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้คือ รุ่นพี่นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 59 จำนวน 2 ราย ถูกศาลตัดสินจำคุกแต่รอลงอาญา และยังคงอยู่ในระบบราชการตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ครอบครัวต้องการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า มีแนวทางดำเนินการกับข้าราชการที่ศาลชี้ว่ากระทำความผิดหรือไม่ หรือจะมองเป็นเรื่องประมาทไป สามารถรับราชการได้ปกติ จึงต้องการทราบความชัดเจนจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ