สาวเตือนภัย เดินกลับบ้านลำพังตอนกลางคืน เจอชายแปลกหน้าจอมตื้อ พยายามฉุดแขนขึ้นรถ

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปวิดีโอ จำนวน 2 คลิป เป็นภาพชายขี่รถจักรยานยนต์มาพูดคุกคามหญิงสาว ซึ่งกำลังเดินทางกลับบ้านในช่วงหัวค่ำ ซึ่งหญิงสาวไม่รู้จักกับชายคนดังกล่าว และขี่รถจักรยานยนต์ติดตามพยายามที่จะไปส่งหญิงสาว เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 เมษายน 2568 เวลา 20.00 น. บริเวณซอยผูกมิตร ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ

เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 26 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นางสาววนิดา อายุ 19 ปี พนักงานบริษัทสาว ผู้เสียหาย เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า วันนั้นช่วงประมาณ 20.00 น. ตนเลิกงานและเดินเพื่อมาขึ้นวินกลับบ้าน ปกติตนจะมากับรุ่นน้อง แต่วันนี้ตนเดินมาคนเดียว พอมาถึงจุดเกิดเหตุ มีชายขี่รถจักรยานยนต์มาจอดตัดหน้าตน ตอนแรกตนคิดว่าเขาจะจอดเพื่อคุยโทรศัพท์ ตนจึงเดินเลยไป แต่เขาเรียกตน คิดว่าแค่แซว จึงไม่ได้สนใจอะไรแล้วเดินต่อ

หลังจากนั้นเขาก็ขี่รถมาดักหน้าตนอีกรอบ และพยายามขอช่องทางการติดต่อต่างๆ ตนบอกไปว่าไม่มีและไม่ได้เล่น เขาก็ยังคะยั้นคะยอที่จะขอ แล้วดึงตน ตนจึงสะบัดมือและรีบเดินไปตรงที่ไฟ แต่เขาก็ยังขี่รถมาจอดตัดหน้าตนอีกรอบ และพยายามดึงตนขึ้นรถ บอกว่าจะไปส่งตน ตนจึงพยายามเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่แถวนั้น แต่ลุงวินคิดว่าตนรู้จักกับผู้ชาย ตนจึงพยายามอัดคลิป พูดบ่ายเบี่ยง และให้ช่องทางติดต่อมั่วๆไป เพราะกลัวว่าเขาจะทำร้าย เพื่อที่เขาจะได้ไปเสียที เพราะตอนนั้นเขาพยายามจะขับรถดักหน้าตนตลอด ไม่ยอมให้ตนไป

พอตนขึ้นวิน เขาก็ยังพยายามขับรถตาม ตนจึงโทรหาคุณป้าให้ออกมารอรับ แล้วบอกกับลุงวินว่า ผู้ชายคนนี้ขับรถตามตนมา พยายามที่จะฉุดตนขึ้นรถ แต่ตนไม่ได้รู้จักกับเขาเลย ลุงวินจึงจอดรถ แล้วตะโกนถามผู้ชายคนนั้นว่า เป็นใคร ขับตามมาทำไม แล้วผู้ชายคนนั้นก็บอกว่า ตนเป็นฝ่ายบอกให้เขาขับรถตามมา ทั้งๆที่ตนไม่ได้พูด ตอนนั้นตนตกใจมาก ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน ไม่เคยรู้จัก

นางสาววนิดา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตอนเอาคลิปลงในโซเชียล มีคอมเมนต์บอกว่า ผู้ชายคนนี้เคยทำแบบนี้กับคนอื่น และยังมีคนโดนทำร้ายร่างกายด้วย ในตอนที่เกิดเหตุ ตนคิดอย่างเดียวว่าต้องอัดคลิปเอาไว้ก่อน เพราะตนจำป้ายทะเบียนรถเขาไม่ได้ ตนได้ไปแจ้งความเอาไว้แล้วในวันเดียวกันกับที่เกิดเหตุ และในวันนั้น รุ่นพี่ของตน ได้เจอกับผู้ชายคนนี้อีกครั้ง แถวแบริ่ง จึงขอบัตรประชาชนแล้วถ่ายไว้ เราทำได้แค่นั้น จึงส่งหลักฐานและบัตรประชาชนที่ถ่ายมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว แต่คดียังไม่คืบหน้า

ตนอยากจะฝากเตือนบุคคลที่เดินทางกลับบ้านคนเดียว ในเวลากลางคืนหรือที่เปลี่ยว ถ้ามีเพื่อนก็พยายามกลับกับเพื่อน อย่ากลับคนเดียว และพยายามตั้งสติทุกครั้งที่เกิดเรื่องอะไรขึ้น บางคนบอกว่าทำไมตนมัวแต่คุยกับเขา มันเป็นเพราะว่าตนกลัวว่าเขาจะมีอาวุธ แล้วทำร้ายขึ้นมา เพราะฉะนั้นเราจึงต้องตั้งสติให้มาก