สังคม

ปธ.กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ เผย ปี 67 มีบริษัททุนจีนตั้งใหม่กว่า 300 บริษัท ชี้ไชน่า เรลเวย์ เพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง

โดย nutda_t

24 เม.ย. 2568

91 views

24 เม.ย. 2568 ที่รัฐสภา นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับนอมินีบริษัทก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับตึก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ว่า พบว่าบริษัทรับเหมาก่อสร้างถือหุ้นโดยนอมินีคนไทย ซึ่งดีเอสไอสามารถจับกุมตัวบางคนได้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดีเอสไอ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สถาบันเหล็กฯ สภาวิศวกร เข้ามาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการฯ

ทางดีเอสไอ ได้ให้ข้อมูลว่า เชื่อว่าบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ใช้นอมินีในการถือหุ้น ซึ่งคณะกรรมาธิการได้เสนอแนะรัฐบาลมาโดยตลอด ว่าธุรกิจนอมินี เมื่อมีการตั้งบริษัทและพยายามหลบเลี่ยงกฎหมาย โดยการหาผู้สวมสิทธิ์ถือหุ้นมีแนวโน้มที่จะทำผิดกฎหมาย โดยหยิบยกว่าในกรณีตึก สตง. มีวิศวกรหลายคนแจ้งว่าถูกปลอมลายเซ็น จนนำไปสู่ข้อสงสัยว่าการควบคุมงานเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้กรรมาธิการฯ ได้มีข้อเสนอแนะไปถึงรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ตรวจสอบต่อ เพราะไม่ต้องการให้ตึก สตง. เป็นเพียงตึกเดียวที่ถูกตรวจสอบ เนื่องจากมีอาคารจำนวนมากที่อาจมีผู้รับเหมาก่อสร้างที่เข้าข่ายนอมินีเข้ามาก่อสร้างในประเทศไทย

"พบว่าฐานข้อมูลกลุ่มธุรกิจการค้า มีบริษัทลักษณะนี้จำนวนมาก หากย้อนไป 5 ปีก่อน พบว่ามีบริษัทตั้งใหม่ที่เป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีทุนจีนถือหุ้นมีเพียง 40 ถึง 50 บริษัท/ปี แต่ปีที่แล้วพบว่ามีการจัดตั้งขึ้นใหม่กว่า 300 บริษัท ย้อนรวม 5 ปี มีการจัดตั้งบริษัทใหม่กว่า 500 - 600 บริษัท และอยู่ในกรณีเงื่อนไขเดียวกันคือคนไทยถือหุ้น 51% เป็นใครก็ไม่รู้ จะต้องไปตรวจสอบ และอีก 49% ถือโดยบริษัทต่างชาติของจีน ทั้งหมดนี้เป็นตัวชี้เป้าว่าบริษัทไชน่าฯ เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง รัฐบาลควรลงไปตรวจสอบอย่างจริงจังกับผู้รับเหมารายอื่น ว่ามีพฤติกรรมเดียวกันหรือไม่" นายสิทธิพล กล่าว




นายสิทธิพล กล่าวถึง การเพิ่มขึ้นของจำนวนบริษัทตั้งใหม่ที่ร่วมทุนกับจีน ว่าที่ผ่านมากรมธุรกิจการค้าอาจไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เพราะทำหน้าที่เพียงจดจัดแจงตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่วันนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น โดยเฉพาะปัญหานอมินีไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งเกิด แต่เป็นปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนมาโดยตลอด หลายธุรกิจที่มีลักษณะเดียวกัน เช่น ภาคการเกษตร ภาคการศึกษา ที่มีการขายวุฒิให้วิศวกร เพื่อนำไปประกอบอาชีพ ใช้วีซ่านักเรียน วีซ่านักศึกษาเพื่อไปทำงานในธุรกิจนอมินีด้วย ดังนั้นรัฐบาลต้องจริงจังในการบังคับใช้กฎหมายแก้ไขปัญหานี้อย่างเข้มงวด โดยเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากการเพิกเฉยและละเลยมาอย่างยาวนาน

นายสิทธิพล เชื่อว่ากฎหมายที่มีอยู่มีความครอบคลุม ในการบังคับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาแต่ขาดการประสานงาน เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าทำหน้าที่รับจดแจ้งจัดตั้งบริษัท แต่บอกว่าตัวเองไม่ได้มีอำนาจในการสืบสาวเส้นสายทางการเงินของนักลงทุนมาจากที่ไหน โดยอ้างว่าเป็นอำนาจของดีเอสไอ แต่ดีเอสไอแจ้งว่าจะเป็นคดีได้ก็ต่อเมื่อเป็นคดีอาชญากรรมที่ต้องโยงกับความผิดอื่น ซึ่งวันนี้ธุรกิจนอมินีที่ถูกจับ เป็นเพราะผู้ถือหุ้นไปทำธุรกิจอื่น เช่น การทำเว็บพนันหรือคอลเซ็นเตอร์ เมื่อถูกจับได้ก็ถูกสืบสาวเส้นทางการเงิน จนพบว่ามีการลงทุนในบริษัทนอมินี

คุณอาจสนใจ

Related News