สังคม

ชายคลั่ง บุกบ้านหญิงวัย 78 ใช้หนังสติ๊กยิงหัว-ไม้ทุบกะโหลกร้าว อ้างถูกทำคุณไสยใส่

โดย chutikan_o

20 มี.ค. 2568

155 views

ชายคลั่ง บุกบ้านหญิงวัย 78 ใช้หนังสติ๊กยิงหัว ก่อนใช้ไม้ทุบกะโหลกร้าว อ้างถูกทำคุณไสยใส่จนชีวิตย่ำแย่ ญาติยันไม่ได้เป็นร่างทรง เป็นแค่คนธรรมดา

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่” ได้โพสต์เหตุการณ์ร้องทุกข์จากชาวบ้านว่า มีชาย อายุ 50 ปี มีอาการคลุ้มคลั่ง บุกเข้าไปทำร้ายหญิงสูงวัย อายุ 78 ปี ที่อยู่บ้านข้างเคียง โดยได้ทุบสังกะสีดันตนเองเข้ามาและใช้หนังสติ๊กยิงเข้าที่ศีรษะหลายครั้ง จากนั้นผู้บาดเจ็บได้วิ่งหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน แต่ชายคนดังกล่าวได้วิ่งไล่ตามมาทำร้ายต่อที่บ้านฝั่งตรงข้าม โดยได้คร่อมร่างหญิงสูงวัย 78 ปี และใช้หนังสติ๊กจ่อยิงซ้ำที่ศีรษะหลายครั้ง ชกต่อยไปที่ใบหน้าและใช้ไม้ทุบตีที่ศีรษะจนเลือดอาบไปทั่วใบหน้า โดยชายผู้ก่อเหตุ พูดตลอดเวลาว่าผู้บาดเจ็บได้ทำคุณไสยใส่ตนเอง จนบ้านแตกสาแหรกขาด ก่อนจะมีเพื่อนบ้านรอบข้างออกมาให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลา 12.30 น. วันที่ 19 มี.ค.2568 ในพื้นที่ ม.1 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร โดยหลังจากเกิดเหตุผู้ก่อเหตุยังไม่ถูกดำเนินคดี ซึ่งก็มีพฤติกรรมด่าทอเพื่อนบ้านรอบข้างต่อเนื่อง โดยชาวบ้านหวั่นว่าอาจจะเกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นอีก จึงนำเรื่องดังกล่าวร้องทุกข์กับเพจฯ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ

นายอำพล อายุ 31 ปี หลานชายของผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 สัปดาห์ ย่าเคยถูกนายทรง ผู้เสียหาย ด่าทอข้ามรั้วมาเป็นระยะๆ จากนั้นย่าจึงมาบอกกล่าวกับลูกหลานว่า ถูกนายทรงด่าทอหยาบคายอยู่เป็นประจำ อ้างว่าทำคุณไสยใส่ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรกันมาก่อน สงสัยว่าเขาอาจมีอาการหลอนด้วยสาเหตุอะไรหรือเปล่า ซึ่งย่าไม่ได้เป็นร่างทรงแต่อย่างใด เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น

สำหรับตอนนี้คุณย่า เบื้องต้นทราบว่ามีภาวะกะโหลกร้าว มีเลือดไหลในสมอง ตอนนี้ใบหน้าบวมไปหมด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวนแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เนื่องจากว่าต้องรอใบรับรองผลการตรวจของแพทย์เสียก่อน ซึ่งตอนนี้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงรู้สึกหวั่นใจมากเกรงว่าผู้ก่อเหตุจะก่อเหตุซ้ำอีก เนื่องจากตำรวจไม่ได้ควบคุมตัวไว้แต่อย่างใด

นางสุนันต์ อายุ 52 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ในขณะที่นั่งอยู่ในบ้าน ก็ได้ยินเสียงนางบัวเผื่อนวิ่งเข้ามาในบ้านตนเองและร้องขอความช่วยเหลือ จากนั้นเธอก็เห็นนางบัวเผื่อนวิ่งมาล้มอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ จากนั้นผู้ก่อเหตุใช้หนังสติ๊กจ่อยิงซ้ำๆ หลายครั้ง ในลักษณะท่ายืนคร่อมยิง จากนั้นผู้ก่อเหตุใช้ไม้ทุบตีไปยังบริเวณศีรษะอยู่หลายครั้ง ปากก็ร้องขอความช่วยเหลือจากตนอยู่หลายครั้ง เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปห้ามแต่ก็เกรงว่าจะถูกผทำร้าย ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เธอจึงตะโกนให้เพื่อนบ้านเข้ามาช่วยเหลือ จากนั้นเพื่อนบ้านเข้ามาช่วยเหลือและห้ามปราม สำหรับอาวุธนั้น เธอเห็นมีเพียงหนังสติ๊กและท่อนไม้ 1 อัน ส่วนนายทรงมักจะพูดมาโดยตลอดว่า นางบัวเผื่อนทำคุณไสยใส่ ทำให้ชีวิตครอบครัวพัง ซึ่งเท่าที่ทราบนางบัวเผื่อนก็เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้เป็นร่างทรงเจ้าหรือทำคุณไสยแต่อย่างใด และก็ได้ทราบว่าผู้ก่อเหตุ ก่อนหน้านี้ได้ผ่าตัดสมองมา อาจจะมีอาการหลอน เธอจึงอยากฝากให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล เพราะเกรงว่าเมื่อผู้บาดเจ็บกลับมาอยู่ที่บ้านแล้วจะอยู่ยาก เนื่องจากเกรงว่าจะถูกก่อเหตุอาละวาดซ้ำอีก เพราะเห็นว่าทุบสังกะสีตลอดทั้งวัน

นายทรง อายุ 62 ปี ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า เขาแกล้งผมร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเลย เล่นจิตวิทยาอะไรก็ไม่รู้ ตนเองทำงานอะไรก็บ้านแตกสาแหรกขาดไปหมด มีเมียอยู่ก็ทิ้งกันไป ก็เลยคิดว่านางบัวเผื่อนทำคุณไสยใส่ ทำให้ชีวิตของตนเอง และครอบครัวพัง ซึ่งคิดว่ามันบ่อยเกินไป อยู่ๆ ก็บอกให้ญาติไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น ซึ่งบ้านตนเองก็อยู่ที่นี่ ยอมรับว่า มีอาการเบลอๆ แต่ตอนนี้รู้สึกว่า ดีขึ้นมาบ้างแล้ว บางครั้งมันเครียด วันเกิดเหตุก็ไม่ได้กินเหล้าอะไร ยืนยันว่านางบัวเผื่อนทำคุณไสยใส่แน่นอน วันเกิดเหตุได้ใช้หนังสติ๊กยิงนางบัวเผื่อน ตนเองก็ยังบอกไปว่าให้เอาตำรวจมา ต่อมาตำรวจมาควบคุมตัวตนเองไปโรงพัก จากนั้นเขาก็ปล่อยและแจ้งให้ทราบว่า อย่าเพิ่งไปไหน ให้รออีกประมาณ 7 วัน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้อาการของนางบัวเผื่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง และยืนยันว่าเมื่อนางบัวเผื่อนรักษาตัวกลับมาบ้านแล้ว จะไม่พูดคุยด้วย เพราะว่าทำของใส่กันถึงขนาดนี้ตั้งแต่ตนเองมีเมียคนแรกมาแล้ว

ขณะที่ความคืบหน้าทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนายทรง เข้าไปสอบปากคำแล้วเมื่อวานนี้ (19 มี.ค. 2568) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอใบรับรองแพทย์ของนางบัวเผื่อนจากโรงพยาบาลกำแพงเพชร เพื่อเตรียมจะออกหมายจับมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนเรื่องของอาการป่วยทางจิตเวชของผู้ก่อเหตุว่าป่วยหรือไม่นั้น จะต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป



คุณอาจสนใจ

Related News