สังคม

โวย มรภ.สุรินทร์ หลอกทำงานแต่ไม่จ่ายค่าจ้าง อธิการบดีแจงเกิดปัญหาเพราะผู้รับเหมาทะเลาะกันเอง

โดย chutikan_o

4 ก.พ. 2568

5.6K views

ผู้รับเหมาโวย มรภ.สุรินทร์ หลอกทำงานแต่ไม่จ่ายค่าจ้าง หลายรายติดหนี้หมดตัว เตรียมเริ่มรื้อถอนอุปกรณ์ที่ติดตั้งเสร็จแล้วกลับคืน จี้ตรวจสอบงานยังไม่เสร็จแต่เบิกเงินไปหมดแล้ว อธิการบดีแจงเกิดปัญหาเพราะผู้รับเหมาทะเลาะกันเอง

จากการที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ได้ตกลงจ้างกิจการร่วมค้า บริษัท สยามธรรมมานนท์ จำกัด และ บริษัท เบสท์ เวิร์ค (ไทยแลนด์) จำกัด ให้เข้าทำงานก่อสร้างศูนย์กีฬามหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์เป็นเงินค่าจ้างเหมารวมจำนวน 165 ล้านบาท และงานดังกล่าวได้แบ่งงวดงานออกเป็น 18 งวดงาน และบริษัท เบสท์ เวิร์ค (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นตัวหลักในการเข้าดำเนินการรับเหมางานก่อสร้างดังกล่าว และงานก่อสร้างศูนย์กีฬาก็ได้มีก่อสร้างแล้วเสร็จไปแล้วจำนวน 16 งวดงาน และเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 กิจการร่วมค้าหลัก คือ บริษัท สยามธรรมมานนท์ จำกัด และบริษัท เบสท์ เวิร์ค (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ว่าจ้าง บริษัท บี.ไอ.จี.ทรัพย์เจริญ จำกัด ให้เข้าดำเนินกำรก่อสร้างศูนย์กีฬาในงวดงานที่ 17 โดยตกลงให้บริษัท บี.ไอ.จี.ทรัพย์เจริญ จำกัด ดำเนินการก่อสร้างงานในงวดงานที่ 17 นี้ เป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกเป็นระบบไฟฟ้า ประปา สุขาภิบาลและระบบปรับอากาศ และส่วนที่ 2 เป็นงานก่อสร้างในส่วนของ DEFECT สถาปัตย์ ซึ่งทั้งสองส่วนบริษัท เบสท์ เวิร์ค (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ตกลงจ้างเหมางานก่อสร้างให้ บริษัท บี.ไอ.จี.ทรัพย์เจริญ จำกัด ทำสัญญากันที่ 20 ล้าน แบ่งจ่ายเป็น 3 งวดงาน

ต่อมาบริษัทเบสท์ เวิร์ค (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ปรับงวดงานที่ 17 กับทางมหาวิทยาลัยฯ จาก 14.4 ล้าน เป็น 11.5 ล้านบาท ซึ่งบริษัท บี.ไอ.จีทรัพย์เจริญ จำกัด ไม่ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว ส่งผลให้เกิดผลกระทบกับบริษัทในการส่งงานงวดที่ 17 โดยที่ผู้รับจ้างเหมาก่อสร้างได้ดำเนินการแล้วเสร็จตามใบสั่งซื้อสั่งจ้างเรียบร้อยและส่งมอบงานให้กับทางมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์แล้ว และเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ทางคณะกรรมการตรวจรับงานของทางมหาวิทยาลัยได้ตรวจรับงานเรียบร้อยแล้ว

และก่อนนี้ในระหว่างการก่อสร้างงวดงานที่ 17 และก่อนมีการส่งมอบงานงวดที่ 17 ทางกิจการร่วมค้าได้ทำหนังสือโอนสิทธิการรับเงินในงวดงานที่ 17 ให้กับ บริษัท บี.ไอ.จี.ทรัพย์เจริญ จำกัด ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ที่มีสิทธิรับเงินด้วยตนเองโดยตรงจากทางมหาวิทยาลัย แต่หลังจากที่ คณะกรรมการตรวจรับงานของมหาวิทยาลัยได้ตรวจรับงานเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 จนบัดนี้ บริษัท บี.ไอ.จี.ทรัพย์เจริญ จำกัด ยังไม่ได้รับเงินในงวดงานที่ 17 จำนวน 11.5 ล้านบาทเลย

ล่าสุดวันนี้ (4 ก.พ. 68) ที่โครงการก่อสร้างศูนย์กีฬาเอนกประสงค์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ มูลค่ารวมกว่า 165 ล้านบาท นายสำราญ พิณจรัสรุ่งเรือง ผู้แทน/ผู้รับมอบอำนาจจาก หจก.ไม้ทองคอนสตรัคชั่น และนายปิยะพงษ์ โวสุนทรยุทธ ผู้จัดการบริษัท บี.ไอ.จี.ทรัพย์เจริญจำกัด ได้นำเอกสารหลักฐานการก่อสร้างร้องต่อสื่อมวลชน จ.สุรินทร์ ว่าถูกมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ หลอกให้ทำงานจนแล้วเสร็จแต่ยังไม่ยอมจ่ายค่าจ้างตามงวดงาน จนเวลาล่วงเลยมาเนินนานก็ยังไม่ได้เงิน ทวงถามก็อ้างโน่นนั้นนี้จนถึงปัจจุบัน หลายบริษัทหมดทุนติดหนี้สินจนบริษัทล้มสะลายเดินต่อไม่ได้ และมีการตั้งข้อสังเกตอีกว่า งานที่ยังทำไม่เสร็จร้อยเปอร์เซนต์แต่เบิกจ่ายเงินไปหมดแล้ว แล้วตรวจรับงานจ้างได้ยังไง เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือและตรวจสอบการตรวจรับการงานในโครงการก่อสร้างศูนย์กีฬาแห่งนี้ด้วย นอกจากนั้นวันนี้ผู้ร้องยังได้รื้อถอนอุปกรณ์ที่ติดตั้งแล้วเสร็จและใช้งานได้ออกคืนและจะเตรียมการรื้อถอดในส่วนอื่นๆ ที่ไม่กระทบต่อโครงสร้างต่อไป เพราะคิดว่ายังไงก็คงไม่ได้เงินแน่นอน

นายสำราญ พิณจรัสรุ่งเรือง ผู้แทน/ผู้รับมอบอำนาจจาก หจก.ไม้ทองคอนสตรัคชั่น ที่ยังไม่ได้รับค่าจ้าง เป็นเวลาร่วม 2 ปี ให้ข้อมูลว่า หลักๆ ทำงานก่อสร้างในงวดที่ 15 ของโครงการ โดยหลักงวดที่ 15 ทำงานไปแล้วประมาณ 70% ของงวดงานทั้งหมด แต่ปรากฏว่าทางมหาวิทยาลัยไปทำเอกสารเบิกจ่ายตามเอกสารที่ตนถืออยู่เรียบร้อยแล้ว พอเบิกจ่ายแล้วก็ไม่จ่ายเงินผู้รับจ้างที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทำให้เราไม่มีทุนทำต่อ ติดหนี้ติดสินร้านพัสดุมากมาย เพราะเรามาลงทุนให้ก่อน สาเหตุที่เราไม่ได้เงิน ถามว่า ทำไมงานเราส่งเบิกงวดไปบางส่วนนานแล้ว ก็ได้รับแจ้งจากผู้รับจ้างหลักคือ เบสเวิร์ค บอกว่าทางมหาลัยยังไม่ได้เบิกจ่ายให้ ให้ทำไปก่อน จนผู้รับเหมาทั้งหมดที่ยืนอยู่ตรงนี้หมดทุนก็เลยไปติดตามที่การเงินของมหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ ปรากฏว่ามีการเบิกเงินไปหมดแล้ว

แล้วคำถามจึงย้อนกลับมาว่า ตนเองเป็นคนทำงาน 60-70% แล้วมีการตรวจรับงานไป 100 % หมายความว่าอย่างไร ตนเองมีเอกสารหลักฐานของมหาวิทยาลัยให้ดู ฝากสื่อมวลชนและผู้ที่มีอำนาจวาสนาช่วยพวกตนด้วย ดังป้ายที่ปรากฏ แห่ไปไม่รู้กี่รอบแล้ว ทั้ง ปปช.ศาลากลางจังหวัด ยุติธรรม ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ตนตามเรื่องนี้มา 2 ปีแล้ว แล้วถ้าจะบอกว่า ตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เก็บรายละเลียด แต่ก็ยังมาจ้างบริษัทอีกบริษัทมาทำเมื่อปีกลายนี้ โดยตนจะมาเก็บรูปถ่ายทุก 3 เดือน ครบ 2 ปี ในเดือนมกราคมนี้ เพราะฉะนั้นตนจะมีรูปถ่ายทุกวันว่าคุณทำวันไหน กล้องตนติดจีพีเอส ติดเวลา ตนได้ติดต่อที่คอมประสิทธิ ที่ทำโครงหลังก็ยังไม่ได้ตังค์ ซึ่งเขาอยู่ที่จังหวัดอยุธยา วันนี้เขามาไม่ได้ ตนเป็นตัวแทน เพราะ 3 รายนี้หลักๆ มาจากต่างจังหวัด แล้วก็มีรายใหญ่ที่สุดถูกยกเลิกไป 10 กว่าล้าน ตอนนี้ก็ล้มละลายไปอยู่ที่ลำพูน โดยตนเองทำงานยังไม่เสร็จ แต่ทางมหาวิทยาลัยบอกว่าทำงานเสร็จแล้วแล้วเบิกเงินไป แล้วไม่จ่ายพวกเรา ความแตกเพราะพวกเราไม่ได้เงิน ก็ไปตามเรื่องจึงรู้ จริงๆ ต้องจ่ายตามงวดงาน ในหนังสือที่ตนนำมายืนยัน งานยังไม่เสร็จแต่กลับเบิกเงินไปหมดแล้ว ตนทำหลายงาน แต่สัญญานี้มีปัญหา เราไม่รู้ว่าเขาทำแบบไหนเป็นเรื่องของมหาวิทยาลัยกับคู่สัญญาหลัก จนเราไม่มีเงินเลยไปตามที่คลังจึงรู้ความจริงมีการเบิกจ่ายเงินไปหมดแล้ว

เคยคุยกับคู่สัญญาหลักแล้วคุยแล้ว แม้กระทั้งประธานตรวจงานจ้างทุกอย่างเก็บดีเฟค ที่ติดดีเฟคลิสไว้ จะเก็บไว้นานยังไงถึง 2 ปี ทีนี้การติดดีเฟคต้อง 3 วัน 7 วัน เช่นมีรอยร้าว มีรอยอะไรนิดหน่อยเก็บแล้วก็เบิกได้ แต่ปรากฏว่าหลักฐานที่มัดแน่นว่าดีเฟคลิสได้ว่าจ้างบริษัทที่ทำกันอยู่ตรงนี้มาทำมาอีก ซึ่งเขาก็มีสัญญา นั้นก็แสดงว่าอย่างไร ก็คิดเอา ย้ำอีกที่หลักฐานที่มีเป็นของมหาวิทยาลัย

สัญญาของเราทำสัญญาย่อยกับคู่สัญญาหลัก ทุกคนที่อยู่ด้วยกันนี้สัญญาย่อยกับคู่สัญญาหลักทั้งนั้น สรุปของกลุ่มพวกตนเสียหายไป 10 กว่าล้าน เกือบ 20 ล้าน เบ็ดเสร็จหลายเจ้าที่ติดต่อกันไม่ได้ ก็ส่งทนายมาเจรจาครั้งเดียวก็ได้เศษตังค์มานิดหน่อยคนละ 1-2 แสน แต่ที่เหลือเป็นล้าน ตอนนี้ก็คงให้เป็นไปตามขบวนการยุติธรรม ก็คือรวบรวมกันทั้งหมดว่าเสียหายเท่าไหร่ แล้วจะไปยื่นฟ้องต่อศาล ขั้นตอนก็คงเป็นไปตามนั้น

ด้านนายปิยะพงษ์ โวสุนทรยุทธ ผู้จัดการบริษัท บี.ไอ.จี.ทรัพย์เจริญจำกัด ให้ข้อมูลว่า บริษัทบี อี จี ทรัพย์เจริญจำกัด เป็นผู้รับจ้างรับเหมาช่วง จากช่วงที่ 17 18 และ 19 ในมูลค่ากับคู่สัญญาหลักก็คือกิจการร่วมค้า คือ บริษัทสยามธรรมนนท์ร่วมกับเบสท์เวิร์ค เป็นกิจการร่วมค้ากัน เป็นคู่สัญญาหลักกับมหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ ตนมารับจ้างช่วงในงานระบบไฟฟ้า งานระบบสุขาภิบาลและแอร์ปรับอากาศทั้งโครงการ มูลค่าทำสัญญากันเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยทำสัญญากันที่ 20 ล้าน แบ่งจ่ายเป็น 3 งวดงาน ครั้ง 1 เป็นของงวดที่ 17 จำนวน 11 ล้านงานในระบบ แต่เงื่อนไขของมหาวิทยาลัยราชภัฎถ้าคุณทำงานเก็บเงินแต่ละงวด คุณต้องเก็บงานดีเฟค ก็มากล่าวอ้างถึงงานของชุดก่อนที่ทำ ที่เคยทำไว้ตั้งแต่งวดที่ 15 เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเป็นการทำเสร็จไปแล้วเบิกเงินไปแล้วมาให้ตนทำอีก เหมือนกับมาหลอกให้ตนทำอีก เขาทำไว้ 70% เหลือ 30% มาให้ตนทำต่อในงานก่อสร้างเขา ที่ว่า 30% ก็มีรายละเอียดให้เห็นตามเอกสารที่ตนนำมา โดยเปิดราคามาให้ตนที่ 3 ล้านบาท ในการเก็บดีเฟคลิสตัวนี้ ซึ่งเขาทำมาแล้ว 70% โดยตนทำอะไรบ้างก็จะเป็นจอแสดงผล แล้วก็ระเบียงโคต โดยตนมีเอกสารการทำงานก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งในสัญญาไม่มี แต่ว่ามาเพิ่มเติม เป็นเงื่อนไขของทางมหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ว่าจะต้องเสร็จงานก่อสร้างด้วย จึงสามารถเก็บเงินในยอด 14 ล้านบาทได้ในงวดแรก ในงวดแรกสั่งจ่ายมา 14.4 ล้านบาท ตามหลักฐานที่ตนเก็บไว้ พอทำเสร็จก็โยกงานที่ทำไปไว้ที่งวด 18 ไม่ยอมจ่ายเงินให้ เหตุผลว่าตนทำงานไม่แล้วเสร็จ แล้วมีการทำหนังสือยกเลิกสัญญาตนฝ่ายเดียว จาก 14 ล้าน ปรับตนไป 3 ล้านเอาไปไว้งวดที่ 18 แล้วมาตั้งเบิกจ่ายตนที่ 11.5 ล้านบาท มีการตั้งฎีกาเบิกจ่ายแล้ว โดยเงื่อนไขทุกอย่างผ่านหมดแล้วเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 แต่พอมาถึงกำหนดวันที่จะรับเงิน บ.เบสท์เวิร์ค คู่สัญญาเบอร์ 2 ไปยกเลิกสัญญาโอนสิทธิ์เงินของตน ซึ่งตนมีหนังสือโอนสิทธิ์รับเงิน มหาวิทยาลัยก็รับทราบว่ามีการรับจ้างช่วง แต่เงื่อนไขของมหาวิทยาลัยว่า ห้ามรับจ้างช่วง แต่เราก็รู้กันอยู่มีการจ้างช่วงกันตลอด ยิ่งของตนตามมาตราที่ทนายบอกคือสามารถจ้างช่วงได้ ถ้าคู่สัญญาหลักไม่ถนัด ซึ่งเขาถนัดทำงานก่อสร้าง แต่ตนทำงานระบบ ก็คือแอร์ สุขาภิบาล โดยแอร์จะมีทั้งหมด 3 อาคาร เป็นแอร์น้ำยา งบทั้งหมดประมาณ 4 ล้านบาท งานระบบแต่ทั้งโครงการตนทำสัญญาไว้ที่ 20 ล้านบาท แบ่งจ่ายงวดแรกงวดที่ 17 จำนวน 11 ล้าน เฉพาะงานระบบ แต่ว่าพอตั้งเบิกไปตั้งแต่สิงหาคมที่ผ่านมา เข้าใจว่ามีการตรวจรับงานแล้ว เพราะว่ามีคณะกรรมการมาตรวจรับ แล้วยังมาปลูกหญ้าในสนามร่วมด้วย ซึ่งงานปลูกหญ้าอยู่ในงวดงานที่ 15 มีการเก็บเงินไปแล้ว พอปลูกหญ้าเสร็จและดูแลไปประมาณ 1 เดือน บ.สยามธรรมานนท์ คู่สัญญาอีกเจ้าหนึ่ง มายกเลิกการจ้างกับ บ.เบทร์เวิร์ค ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้ากัน ว่าเบทร์เวิคร์ผิดเงื่อนไขเขา ซึ่งตรงนี้ก็เป็นเรื่องภายในของเขาระหว่างเบอร์1และเบอร์ 2ไป แต่ตนเดือดร้อน เพราะเขาว่าทำสัญญากับเบอร์ 2 เขาไม่รับรู้ไม่รับทราบ แต่อย่าลืมว่าเขาเป็นกิจการร่วมค้ากัน การที่ธุรกรรมเบอร์ 2 ทำอะไรก็ตามมันก็สมบูรณ์แบบ เพราะ 1 ถึง 16 งวดงานที่ผ่านมา เบทร์เวิร์คเบิกเงินแต่เพียงผู้เดียว สยามธรรมานนท์ ไม่เคยมาเบิกเงินเลย จนมาถึงเงื่อนไขงวดที่ 17 ตนจะตั้งเบิกเขาบอกไม่รับรู้เบทร์เวิร์คทิ้งงาน ซึ่งตนก็ยังทำงานอยู่ ไม่ไปไหนก็ยังทำงานอยู่ แล้วก็ทำจนเสร็จหมดแล้ว เช่นจอแสดงผล ระเบียงโคตและอื่นๆ ตามเงื่อนไขที่แสดงให้เห็น จนปานนี้ก็ยังเบิกเงินไม่ได้ ทั้งที่กรมบัญชีกลางได้สั่งจ่ายมาแล้ว โดยเขาอ้างว่าไม่สามารถจ่ายได้เนื่องจากงานยังไม่มีการตรวจรับงานในงวดที่ 17 ซึ่งหากดูด้วยสายตามันมีการเปิดใช้งานในการแข่งขันกีฬาไปแล้ว จนถึงปัจจุบันเขาก็ยังยืนยันว่ายังไม่มีการตรวจงาน จนมีการไกล่เกลี่ยกันมา 3 รอบ จนรอบที่ 4 ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ตัวแทนของมหาวิทยาลัยและทางสยามธรรมานนท์คู่สัญญาหลัก บอกว่าจะจ่ายเงินหาวิธีเยี่ยวยาให้ ไม่เกินสิ้นเดือนมกราคมนี้ พอวันที่ 31 มกราคม ตนได้เข้าไปสอบถาม ก็เลื่อนมาเป็นวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้อีก จะให้คำตอบตน ตนคิดว่าน่าจะไม่มีจ่าย เพราะทราบว่าเขาเก็บเงินและเขาจ่ายไปหมดแล้ว

โดยหลังจากวันที่ 5 นี้ หากยังไม่ได้เงิน ตนก็คงจะรื้อในส่วนงานที่ตนทำ เพราะได้มีการปรึกษาทางอัยการ ท่านประธานที่หารือกันเมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา โดยปรึกษาท่านทางกฎหมาย ถ้าผมไม่ได้รับเงินส่วนนี้ ก็ขอรื้อในส่วนที่ตนทำได้ไหม ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่อย่าให้ไปกระทบกับโครงสร้าง เช่นจอแสดงผลซึ่งก็จะรื้อในวันนี้

แต่หากรื้อไปจะมีปัญหาหรือไม่ ยืนยันตนได้ปรึกษากับท่านอัยการแล้วว่าไม่ผิด เพราะเขายังไม่ตรวจรับ หากเขาตรวจรับก็ต้องจ่ายเงินตน แต่ตอนนี้เขาอ้างว่าไม่มีการตรวจรับและมีการใช้งานไปแล้ว ทั้งระบบแอร์ไฟฟ้า ในวันที่ 5 นี้จะต้องจ่ายยอดที่ 11.5 ล้านบาท อย่างที่บอกเงื่อนไขทางมหาวิทยาลัยจะไม่จ่ายเฉพาะงานระบบ จริงๆตนถนัดงานระบบแต่เขาบังคับให้เก็บก่อสร้างด้วย ซึ่งๆจริงๆแล้วก็มีเจ้าที่เขาทำไปแล้วเมื่องวดที่ 15 ทำไปแล้ว 70% แต่ไม่ได้เงิน แล้วก็แตะมาเรื่อย มางวดที่ 16 คนที่ทำงวดที่ 15 ก็ไม่เกี่ยวแล้ว งวดที่ 16 ก็ไปจ้างอีกเจ้าหนึ่งอีก เจ้านั้นถึงกับล้มละลายหนีไปไม่เงินจ่ายเขา ก็ไม่กล้าออกมาเพราะไม่มีเอกสารเหมือนพวกตน ในเรื่องของการรื้อนั้นได้ทำหนังสือแจ้งไปยังอธิการบดีแล้วและที่ประชุมเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผผ่านมาแล้วและมีการบันทึกเสียงไว้ด้วย หากไม่ได้รับเงินภายในสิ้นเดือนมกราคม สามารถรื้อได้ โดยจะรื้อบางส่วนเท่านั้น ในขณะที่ทางมหาวิทยาลัยราชภัฎตนแจ้งหนังสือไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตอนนี้ก็มีคนมาสังเกตการณ์ ตนได้ร้องมาทางสื่อมวลชน เพื่อที่จะหาทางในการเจรจารอบสุดท้าย โดยตนไม่รอถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ เพราะบริษัทคู่สัญญานัดเจรจามา 2 ครั้งแล้ว แต่ไม่เคยมา

จากนั้นทั้ง 2 ได้พาผู้สื่อข่าวเดินดูหน้างานที่ได้ทำไปแล้วพร้อมทั้งได้ทำการรื้อป้ายจอแสดงผลข้างสนามกีฬาและระเบียงโคตที่ติดรอบอาคารศูนย์กีฬาออกด้วย

ขณะที่ รศ.ดร.ฉลอง สุขทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) สุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นที่เกี่ยวกับการว่าจ้างให้ก่อสร้างโครงการก่อสร้างศูนย์กีฬาอเนกประสงค์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ เป็นปัญหาของผู้ค้าร่วมของบริษัทสยามธรรมนนท์จำกัดกับบริษัท บี.ไอ.จี.ทรัพย์เจริญจำกัด ซึ่งเป็นผู้ร่วมกิจการในการก่อสร้างศูนย์กีฬาอเนกประสงค์ดังกล่าว แล้วมีการซับงานให้ผู้อื่นมาลงมือทำงาน ทำไปทำมาเมื่องานแล้วเสร็จบริษัทแม่ที่เป็นผู้ประมูลงานได้กลับไม่ยอมจ่ายเงินให้ผู้ที่ซับงานได้ จึงทำให้มีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายเงิน ยืนยันว่าทางมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ มีเงินพร้อมจ่ายได้ทุกเมื่อ แต่ผู้รับเหมาทะเลาะกันเองจึงทำให้เกิดปัญหามาจนถึงปัจจุบัน ตนเห็นใจบริษัท บี.ไอ.จี.ทรัพย์เจริญจำกัด ซึ่งเป็นผู้ทำงานจนแล้วเสร็จในแต่ละงวดงานกลับเบิกเงินไม่ได้ทั้งที่มีหนังสือโอนสิทธิการเบิกจ่ายเงินกันแล้ว แต่บริษัทแม่มีการแจ้งยกเลิกสิทธิดังกล่าวในภายหลัง จึงทำให้การเบิกจ่ายเงินทำไม่ได้ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ได้นัดคู่กรณีทุกฝ่ายมาคุยกัน 2-3 ครั้งแล้ว แต่บริษัทผู้ค้าร่วมรายหนึ่งไม่ยอมเข้าร่วมประชุม ดังนั้นมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์จึงได้นัดคู่กรณีทุกฝ่ายมาร่วมประชุมกันครั้งสุดท้ายในวันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ ช่วงเวลาบ่ายโมงเพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้ โดยให้แล้วเสร็จและเป็นที่เด็ดขาด



คุณอาจสนใจ

Related News