'ทรัมป์' พักคำสั่งเก็บภาษีเม็กซิโก 1 เดือน ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่ง ผวาสงครามการค้า

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่งพักแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโก เป็นเวลา 1 เดือน ในวันจันทร์ หลังผู้นำเม็กซิโกตกลงที่จะเสริมกองกำลังสำรองตามแนวชายแดนทางเหนือของตนอีก 10,000 นาย เพื่อสกัดการหลั่งไหลของยาเสพติดเข้าไปในสหรัฐฯ ขณะที่ ทรัมป์ยกหูโทรศัพท์พุดคุยกับนายกรัฐมนตรีแคนาดา เกี่ยวกับนโยบายกำแพงภาษีที่จะมีผลหลังเที่ยงคืนวันจันทร์แล้ว


ประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย ไชน์บาม โพสต์ข้อความทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ว่า ได้ยืนยันกับทรัมป์ว่า จะส่งกำลังทหารไปดูแลชายแดนระหว่างสองประเทศเพิ่มเพื่อหยุดยั้งการลักลอบนำยาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิล เข้าไปในสหรัฐฯ และสหรัฐฯจะเดินหน้าทำการป้องการการลักลอบการขนอาวุธร้ายแรงเข้าไปในเม็กซิโก หลังได้พูดคุยกันในวันจันทร์


ต่อมา ทรัมป์ ระบุในโพสต์ทางสื่อสังคมออนไลน์ ทรูธ โซเชียล (Truth Social) ว่า สหรัฐฯและเม็กซิโกจะใช้เวลาที่ยังไม่เริ่มนโยบายเก็บภาษีนำเข้าใหม่ในการเจรจาหารือเพิ่มเติม พร้อมระบุว่า “ผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเข้าร่วมการเจรจาเหล่านี้ กับ ปธน.ไชน์บาม และเราจะพยายามหาทางบรรลุข้อตกลง ระหว่างสองประเทศของเรา”


ทั้งนี้ การตกลงพักแผนงานรัฐบาลสหรัฐฯ ในการเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกเกิดขึ้นหลังทรัมป์ประกาศแผนงานนี้ออกมาได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมง ในการตั้งกำแพงภาษีจากเม็กซิโกและแคนาดา ในอัตรา 25% และจากจีนในอัตรา 10% โดยมูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ 3 ประเทศคู่ค้านี้ อยู่ที่ราว 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี


ขณะเดียวกัน ทรัมป์เปิดเผยว่า ได้ยกหูโทรศัพท์คุยกับนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ในวันจันทร์เช่นกัน โดยระบุในโพสต์ทางทรูธ โซเชียล ว่า “แคนาดาไม่ยอมแม้แต่จะอนุญาตให้ธนาคารสหรัฐฯ เปิดทำธุรกิจที่นั่น ... มีหลายเรื่องแบบนี้ แต่ก็มีเรื่องของสงครามยาเสพติดด้วย และคนหลายแสนคนในสหรัฐฯ ต้องตายเพราะยาที่หลั่งไหลเข้ามาจากชายแดนเม็กซิโกและแคนาดา”


รายงานข่าวระบุว่า ไม่มีความชัดเจนว่าสิ่งที่ทรัมป์พูดถึงธุรกิจธนาคารอเมริกันนั้นเป็นเรื่องใดกันแน่ เพราะในความเป็นจริงธนาคารต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ได้ดำเนินธุรกิจในแคนาดามาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว


ขณะเดียวกันทางด้าน ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง กล่าวว่า หากยุโรปถูกโจมตีทางการค้าจากสหรัฐฯ ยุโรปจะต้องทำให้ตัวเองได้รับการเคารพ พร้อมกับเสริมว่า คำประกาศล่าสุดของสหรัฐฯ กำลังผลักดันให้ยุโรปแข็งแกร่งขึ้นและสามัคคีกันมากขึ้น และคาดว่าผู้นำสหภาพยุโรปจะหารือเกี่ยวกับภาษีศุลกากรหลังจากคำกล่าวของทรัมป์


ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ขู่ว่า “สหรัฐฯขาดดุลสหภาพยุโรป 350,000 ล้านดอลลาร์ ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น” และว่า ยังไม่มีกรอบเวลาที่จะขึ้นภาษีนำเข้าต่อยุโรปที่แน่ชัดในขณะนี้ แต่คงจะเร็ว ๆ นี้ และว่า สหรัฐฯอาจจะเจ็บปวดในระยะสั้น บ้างก็เจ็บปวดเล็กน้อย และผู้คนก็เข้าใจเรื่องนี้ แต่ในระยะยาวที่ผ่านมานั้น สหรัฐฯถูกหลอกลวงโดยแทบทุกประเทศในโลก


ทรัมป์ ย้ำว่า “เรามีการขาดดุลกับเกือบทุกประเทศ ไม่ใช่ทุกประเทศ แต่เกือบทุกประเทศ และเราจะเปลี่ยนแปลงมัน มันไม่ยุติธรรม นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงเป็นหนี้ 36 ล้านล้านดอลลาร์” ทรัมป์ กล่าว


ทั้งนี้ การขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์ต่อประเทศคู่ค้าสำคัญต่าง ๆ ได้ทำให้โลกเกิดความปั่นป่วนจากสงครามการค้า และทำให้ราคาหุ้นทั่วโลกเมื่อวานนี้ดิ่งเหวกันอย่างหนัก


อย่างที่เอเชีย เมื่อวานนี้ก็ปิดตลาดตัวแดงกันหนักหน่วง เช่น ดัชนีนิคเคอิ ของญี่ปุ่น -2.66% ดัชนีกอสปี ของเกาหลีใต้ -2.52% ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกง -0.04% และที่ยุโรป ดัชนีฟุตซี -100 ของอังกฤษก็ -1.04% ดัชนีแดกซ์ ของเยอรมนี -1.4% และดัชนีซีเอซี ของฝรั่งเศส -1.2%


ส่วนตลาดสหรัฐฯ ล่าสุดก็ลบกันทั้งหมด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ -0.28% ดัชนีแนสแดก -1.2% และเอสแอนด์พี 500 -0.76%

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/ldP3QWKuu0g