“ทรัมป์” จ่อยกเลิกวีซ่า-เนรเทศนักศึกษา ที่เข้าร่วมการประท้วงสนับสนุน “ปาเลสไตน์”

ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ของสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งแก้ปัญหาการต่อต้านชาวยิว จ่อเนรเทศนักศึกษาต่างชาติ ยกเลิกวีซา ผู้ที่เข้าร่วมประท้วงสนับสนุนชาว “ปาเลสไตน์”

เมื่อวานนี้ (29 ม.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อจัดการกับปัญหาการต่อต้านชาวยิว พร้อมให้คำมั่นว่าจะเนรเทศนักศึกษาต่างชาติที่เข้าร่วมการประท้วงสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ ในเอกสารคำสั่งระบุว่ากระทรวงยุติธรรมจะดำเนินคดีทันทีกับผู้ที่ข่มขู่ก่อการร้าย วางเพลิง ทำลายทรัพย์สิน และใช้ความรุนแรงต่อชาวยิวอเมริกัน โดยจะทุ่มทรัพยากรทั้งหมดของรัฐบาลกลางเพื่อรับมือกับกระแสต่อต้านชาวยิวที่ปะทุขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัยและตามท้องถนน นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสเริ่มโจมตีอิสราเอลนับตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2566

ทรัมป์ระบุในเอกสารว่า ในปี 2568 นี้ ชาวต่างชาติทุกคนที่เข้าร่วมประท้วงสนับสนุนกลุ่มญิฮาด จะถูกตามล่า และเนรเทศออกนอกประเทศ

โดยเขาจะสั่งยกเลิกวีซ่านักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่เห็นด้วยกับกลุ่มฮามาส เพราะตอนนี้มหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยพวกหัวรุนแรงมากกว่าที่เคยเป็นมา สอดคล้องกับนโยบายที่หาเสียงไว้เมื่อปี 2567

ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักวิชาการด้านกฎหมายออกมาตำหนิว่าคำสั่งใหม่นี้เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ และอาจก่อให้เกิดการต่อต้านทางกฎหมาย

โดยรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขที่ 1 ได้คุ้มครองทุกคนในสหรัฐฯ รวมถึงนักศึกษาต่างชาติที่เรียนในมหาวิทยาลัยของอเมริกาด้วย การเนรเทศชาวต่างชาติเพียงเพราะแสดงความเห็นทางการเมืองถือเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ

คำสั่งนี้ของประธานาธิบดีทรัมป์ยังกำหนดให้ผู้นำทุกหน่วยงานและกระทรวงต้องส่งข้อเสนอให้ทำเนียบขาวภายใน 60 วัน เกี่ยวกับมาตรการทางกฎหมายทั้งทางอาญาและแพ่งที่จะนำมาใช้ต่อต้านการเหยียดชาวยิว

อย่างไรก็ดี ผู้ชุมนุมที่สนับสนุนปาเลสไตน์จำนวนมากออกมาปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้สนับสนุนกลุ่มฮามาสหรือต่อต้านชาวยิว แต่พวกเขาประท้วงเพื่อต่อต้านการโจมตีทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 47,000 คน ตามการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขของกลุ่มฮามาส