สังคม

ทลายเครือข่ายบอสจีน แก๊งคอลฯหลอกเศรษฐีนีระยอง ลงทุนผ่าน TikTok ทิพย์ สูญเฉียด 60 ล้าน

29 ม.ค. 2568

381 views

เมื่อวันที่ 28 ม.ค.68 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 2 (บก.สส.ภ.2) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 แถลงผลการจับกุมทลายเครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์ โดยคดีนี้เป็นการขยายผลจากการหลอกลวงออนไลน์ จนพบองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติขนาดใหญ่ ที่มีบอสชาวจีน สั่งการและรับผลประโยชน์ โดยออกหมายจับเครือข่าย 33 ราย จับได้แล้ว 20 ราย เหลืออีก 13 ราย ที่กำลังหลบหนี


พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุว่า พฤติการณ์ของแก๊งนี้ จะหลอกลวงให้เหยื่อลงทุนทางออนไลน์ โดยจะทักแชตไลน์ไปขอซื้อที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งที่เจ้าของไม่ได้ประกาศขาย หรือไม่มีที่ดินดังกล่าวอยู่จริง แล้วตีสนิทล่อลวงให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันผ่านลิงก์ ชวนให้ลงทุนเปิดร้านค้าในแอปติ๊กต็อก ซึ่งทำแพลตฟอร์มติ๊กต็อกปลอมขึ้นมาหลอกเหยื่อ จนเหยื่อสูญเงินเกือบ 60 ล้านบาท


สำหรับผู้เสียหายรายนี้ เป็นเศรษฐีนีในจังหวัดระยอง ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ปลวกแดง จ.ระยอง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 โดยให้การว่า ช่วงปลายเดือนกันยายน มีคนทักแชตเข้ามาทางไลน์ บอกว่าจะขอซื้อที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งที่ตนไม่มีที่ดินดังกล่าว เมื่อปฏิเสธไปว่าไม่มีที่ดิน คนร้ายก็พูดคุยตีสนิท ก่อนจะชักชวนให้ลงทุนเปิดร้านค้าในติ๊กต็อก พร้อมกับส่งลิงก์ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Testflight ผู้เสียหายกดลิงก์เข้าไป พบว่าเป็นแอปพลิเคชันอยู่ใน App Store จึงหลงเชื่อ และดาวน์โหลดแอปที่คนร้ายส่งมาให้ แล้วลงทะเบียนกรอกข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเปิดร้านค้าออนไลน์  


คนร้ายอ้างว่า การเปิดร้านขายของในติ๊กต็อก ไม่จำเป็นต้องมีสต๊อกสินค้า แค่โพสต์ขายก็ได้เงิน เมื่อมียอดที่ลูกค้าสั่งซื้อ ก็จะโอนเงินลงทุนคืนมาให้ 90% ของยอดสั่งซื้อ เมื่อสินค้าถึงมือลูกค้า ก็จะได้กำไรจากส่วนต่าง 10% โดยคนร้ายจะสร้างร้านค้าปลอมในแอปติ๊กต็อกปลอม สร้างยอดสั่งซื้อปลอม ให้ผู้เสียหายเห็นว่ามีการสั่งซื้อเข้ามาตลอด โดยในระยะแรกผู้เสียหายจะได้ผลตอบแทนคืนมา แต่ยอดเงินรวมไม่ถึง 1 ล้านบาท จกานั้นคนร้ายหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินลงทุนเข้าไปเรื่อย ๆ เพื่อรับโบนัสเพิ่ม ผู้เสียหายจึงโอนเงินไป รวม 42 ครั้ง ผ่าน 36 บัญชีม้า รวมเป็นเงินกว่า 59,860,000 บาท  


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แอป Testflight นั้น พบว่ามีอยู่จริงใน App Store โดยเป็นเครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้นักพัฒนา เผยแพร่แอปเบต้า (ทดลอง) ของตนไปยังผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นผู้ที่นักพัฒนาเชิญให้มาทดสอบแอป ก่อนที่จะเผยแพร่หรือจำหน่ายใน App Store ให้กับผู้ใช้งานทั่วไป แต่ก็เป็นช่องว่างที่ทำให้แก๊งมิจฉาชีพ ใช้แพลตฟอร์มนี้หลอกให้เหยื่อกดดาวน์โหลดแอปอันตราย โดยที่ระบบป้องกันของ IOS ไม่รู้ เช่น แอปที่ควบคุมโทรศัพท์ของเหยื่อ หรือแอปปลอมที่สร้างขึ้นเพื่อหลอกเหยื่อ


พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า พบเหยื่อแจ้งความแล้ว 1,009 ราย อายัดเงินคืนได้ เบื้องต้นมากกว่า 3 ล้านบาท เมื่อสอบสวนขยายผล พบว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมรายใหญ่ มีบอสชาวจีนสั่งการ มีบัญชีม้า 2 แถว บัญชีม้าแถวแรกโอนต่อให้บัญชีม้าแถวที่ 2 แล้วโอนไปยังแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Orbix, Gulf Binance, BitKub ซื้อเหรียญประเภท USDT แล้วโอนต่อไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลของเครือข่ายจนหมด โดยตำรวจออกหมายจับบัญชีม้าแถวแรก 31 ราย จับกุมได้แล้ว 20 คน และออกหมายจับ ม้ากดเงิน หรือคนที่ทำหน้าที่กดเอทีเอ็ม 2 คน จับได้แล้ว 1 คน และสืบสวนพบบัญชีม้าแถวที่ 2 จำนวน 51 บัญชี อยู่ระหว่างการตรวจสอบวิเคราะห์


จากการสืบสวนเกาะติดเส้นเงินของเครือข่ายนี้ ตำรวจภูธรภาค 2 สามารถจับกุม นางสาวพร อายุ 23 ปี เป็นบุคคลบนพื้นที่สูง ทำหน้าที่เป็นม้ากดเงิน โดยจับกุมได้ขณะข้ามแดนจากเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา มากดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม บริเวณตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว


สอบสวนทราบว่า ได้รับคำสั่งให้มากดเงินนำไปให้บอสชาวจีน เนื่องจากมีเงินค้างในบัญชีม้า เนื่องจากธนาคารจำกัดวงเงินโอน ทำให้โอนเงินออกได้ไม่เกินวันละ 5 ล้านบาท แต่มีเหยื่อโอนเงินเข้ามาเกิน จึงต้องข้ามแดนมากดเงินสดออกไปให้หมด


พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวด้วยว่า จากการสอบสวนบัญชีม้าที่จับได้ ทำให้ได้หลักฐานขององค์กรอาชญากรรมกลุ่มนี้ พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้ แบ่งออฟฟิศเป็น 2 ส่วน คือ 1.ออฟฟิศสำหรับหลอกลวงเหยื่อ และ 2.ออฟฟิศสำหรับสแกนหน้าบัญชีม้า  


สำหรับออฟฟิศหลอกลวง ตั้งอยู่ฝั่งปอยเปตเป็นตึกปิดตาย อาทิ ตึก 25 ชั้น, ตึก 18 ชั้น และตึก Hiso ส่วนออฟฟิศสแกนหน้าจะอยู่ด้านในตึกดังกล่าวเช่นกัน จะทำหน้าที่บริหารบัญชีม้า จัดหาบัญชีม้า เปิดบัญชี คริปโทเคอร์เรนซี รับโอนเงินจากการหลอกลวง โอนเงินจากบัญชีม้าแปลงเป็นเหรียญดิจิทัล นอกจากนี้ยังพบออฟฟิศหลอกลวงและออฟฟิศบัญชีม้าอีกแห่ง อยู่ที่คิงส์โรมัน สปป.ลาว ตรงข้ามสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย


“ออฟฟิศสแกนใบหน้าแบ่งออกเป็นสัดส่วน เช่น บริเวณพักคอย, ที่พักรอเรียกสแกนหน้า และบริเวณที่นอน ซึ่งบัญชีม้าจะต้องมานอนรวมกันเพื่อรอเรียกไปสแกนหน้า บัญชีม้าเหล่านี้จะถูกขบวนการพาข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติไปอยู่ในความควบคุมในออฟฟิศสแกนหน้า ซึ่งหากไม่มีบัญชีม้าข้ามไปสแกนหน้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะไม่สามารถดำเนินกิจการได้ และจากการที่ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกดดัน สกัดการลักลอบข้ามแดนชายแดนจังหวัดสระแก้วอย่างหนักในช่วงนี้ ทำให้เครือข่ายนี้หลบเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น” ผบช.ภ.2 กล่าว


ผบช.ภ.2 กล่าวว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบบัญชีม้าในกรณีนี้ เชื่อมโยงกับคดีอื่น ๆ จำนวน 1,009 เคสไอดี โดยรูปแบบคล้ายคลึงกัน คือ สุดท้ายโอนไปซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งขณะนี้สามารถอายัดเงินมาคืนผู้เสียหายได้แล้ว 3,184,223.91 บาท ซึ่งจะประสานงานกับ ปปง. เพื่อดำเนินการคืนเงินให้กับผู้เสียหายต่อไป


ส่วนเครือข่ายที่เหลือที่ยังหลบหนี เจ้าหน้าที่จะเร่งไล่ล่าตัวมาดำเนินคดีและยึดทรัพย์ พร้อมเตือนคนไทยที่คิดจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะมีความผิดตามกฎหมาย นอกจากความผิดเรื่องคอลเซ็นเตอร์แล้วยังมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ด้วยการหลอกประชาชนทั่วไปโดยแสดงข้อความเท็จหรือปกปิดความจริงเพื่อเอาทรัพย์สินคนอื่น ซึ่งอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดฐานฟอกเงิน อัตราโทษ จําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และอาจเป็นความผิดฐานมีส่วนร่วมองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 80,000 บาทถึง 300,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ


https://youtu.be/Eh47pjokiAc

คุณอาจสนใจ

Related News