สังคม

พ่อเหยื่อยัน 24 ล้านมีที่มา แต่พร้อมลดตัวเลข เผยวันที่เจรจา “ติ๊ก ชิโร่” ให้ได้แค่ 4-5 ล้านสำหรับ 2 คน

โดย chutikan_o

23 ม.ค. 2568

5.8K views

พ่อ “เมจิ-จูเนียร์” ยันตัวเลข 24 ล้านบาทมีที่มาที่ไป ไม่สูงเกินอย่างที่ “ติ๊ก ชิโร่” แถลง แต่วันนี้พร้อมลดตัวเลข เพราะไม่มีภาระที่ต้องรักษาน้องจูเนียร์อีกแล้ว เผยวันที่เจรจา ฝั่งติ๊กยืนยันให้ได้แค่ 4-5 ล้านสำหรับ 2 คน ไม่ได้พูดว่าอนาคตจะให้เพิ่มอย่างที่แถลงข่าว ถามทนาย ถ้าค่าของชีวิตคนไม่เท่ากัน แล้วเอาอะไรวัดว่าลูก 2 คนมีค่า 4-5 ล้าน?

นายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ พ่อของน้องเมจิและน้องจูเนียร์ เหยื่อถูกติ๊ก ชิโร่ ขับรถชน เปิดเผยกับทีมข่าวผ่านทางโทรศัพท์ ภายหลัง ติ๊ก ชีโร่ แถลงข่าวเกี่ยวกับการเจรจาค่าเยียวยาการเสียชีวิตของน้องเมจิและน้องจูเนียร์

พ่อของเมจิและจูเนียร์ กล่าวว่า ได้ฟังการแถลงข่าวบางส่วนแล้ว มองว่าสิ่งที่ติ๊กแถลงนั้น เป็นไปตามที่ตนเองเคยพูดไปหมดแล้ว เรื่องการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพน้องเมจิ และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลน้องจูเนียร์

ส่วนประเด็นเรื่องค่าเยียวยา 24 ล้านบาทนั้น เป็นตัวเลขที่ตนเองคิดคำนวณขึ้นมา ในห้องเจรจาครั้งล่าสุดที่ สน.คันนายาว เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากทางติ๊กเสนอว่าจะเยียวยาด้วยการขายที่ดิน มูลค่า 4-5 ล้านบาท หากขายได้จะนำเงินมาเป็นค่าเยียวยาสำหรับลูกทั้ง 2 คน ตนเองจึงบอกว่ารับเงื่อนไขนี้ไม่ได้ เพราะเดิมทีที่เคยเรียกไป เฉพาะส่วนของน้องเมจิคนเดียว คือ 9 ล้านบาทแล้ว ส่วนน้องจูเนียร์ที่ยังรักษาตัวอยู่ เลยยังไม่เคยพูดถึงเรื่องการเยียวยาส่วนนี้

ตนเองเลยนั่งคำนวณ ณ ตอนนั้น ว่าในส่วนของน้องจูเนียร์ ต้องเรียกค่าเยียวยาเท่าไหร่ โดยคิดจากค่าใช้จ่ายที่ต้องรักษาน้องในสภาพผู้ป่วยติดเตียงต่อเดือน ประมาณเดือนละ 6 หมื่นบาท โดยคิดว่าอาจจะต้องดูแลน้องไปอีก 25 ปี ซึ่งได้ตัวเลขออกมาที่ 18 ล้านบาท ส่วนของน้องเมจิ ที่เคยเรียกไป 9 ล้านบาทนั้น ก็คิดจากพื้นฐานทั่วไปคือรายได้ที่น้องจะหาเลี้ยงครอบครัวได้ไปจนถึงอายุ 60 ปี ซึ่งในวันนั้น ก็ตัดสินใจลดตัวเลขของน้องเมจิลงมาเหลือ 6 ล้านบาทแล้วด้วย เพราะขนาด 2 คน เขายังเสนอที่ 4-5 ล้านบาทเลย เลยมองว่าอาจจะหนักเกินไปสำหรับเขา เลยปรับลงมา

สำหรับรายละเอียดที่มาที่ไปของตัวเลข 24 ล้านบาท ตนเองก็ได้ชี้แจงกับฝั่งของติ๊กทั้งหมดแล้ว และวันนั้นฝั่งของติ๊กพูดเพียงว่า สามารถเยียวยาได้แค่เพียง 4-5 ล้านบาทเท่านั้น แต่ตอนที่แถลงวันนี้กลับพูดว่า สามารถเยียวยาได้เท่านี้ในวันนี้ หากในอนาคตมีกำลังเพิ่มขึ้นก็จะเยียวยาเพิ่ม ดังนั้น เมื่อวันนั้นไม่ได้พูดแบบวันนี้ จึงยังไม่สามารถตกลงกันได้ ส่วนเรื่องขายที่ดิน ก็บอกแค่ว่าไม่รู้ว่าจะขายได้เมื่อไหร่ หากขายได้จะเอาเงินมาให้ ตนเองก็ไม่รู้ว่า แล้วต้องรอถึงเมื่อไหร่ แล้วค่ำวันนั้น ก็ยังทักไปหาคุณเอ๋ว่าขอรายละเอียดโฉนดที่ดินได้ไหม เผื่อจะไปช่วยขายอีกทาง แต่อีกฝ่ายก็ไม่อ่านข้อความ

ทั้งนี้ มองว่า ตัวเลข 24 ล้านที่เรียก ณ วันนั้น ที่น้องจูเนียร์ยังรักษาตัวอยู่ ก็ไม่ได้เป็นตัวเลขที่สูงเกินไป เพราะไม่มีใครรู้ว่าน้องจะมีชีวิตอยู่ไปอีกกี่ปี ซึ่งตนเองก็คิดกลางๆ ที่ 25 ปี ถ้าลูกมีชีวิตอยู่มากกว่านั้น ตนเองจะเอาเงินที่ไหนมารักษาเขา อีกทั้งก็บอกแล้วว่า ไม่ได้ให้จ่ายเป็นเงินก้อน สามารถแบ่งจ่ายได้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ส่วนตัวคิดว่าจะปรับตัวเลขลง จากการที่ไม่ต้องรักษาน้องจูเนียร์ไปอีก 25 ปีแล้ว เพราะน้องเสียชีวิต แต่ตัวเลขจะเป็นเท่าไหร่ ยังไม่ได้สรุป ซึ่งถ้าปรับแล้ว ยังไม่สามารถเจรจากันได้ อีกฝ่ายยังยืนยันที่ 4-5 ล้านบาท ก็คงทำอะไรเขาไม่ได้ หากไม่พอใจ ก็ต้องไปว่ากันตามกระบวนการในชั้นศาล อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้คงต้องเจรจากันอีกครั้ง ซึ่งส่วนตัวก็อยากให้ทางฝ่ายเขา เป็นคนเสนอให้ก่อนบ้าง

พ่อยังฝากถามไปถึงทนายความที่ร่วมแถลงข่าว ที่พูดว่า “ต้องเข้าใจกฎหมายของประเทศไทยก่อนว่าต้องยอมรับความเป็นจริง บางทีค่าของคนมันไม่เท่ากัน เรารู้ว่าชีวิตเดียวเท่ากัน” นั้นว่า ถ้าค่าของแต่ละคนไม่เท่ากัน แล้วการที่เสนอค่าเยียวยาชีวิตลูก 2 คนของตนที่ 4-5 ล้านบาทนั้น เอามาตรฐานอะไรมาวัดว่ามีค่าเท่านี้

สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ ในมุมมองของตน มองว่า สิ่งที่เขาพูดมา เรื่องเงินจำนวนต่างๆ ที่เคยให้ครอบครัวมา ตั้งแต่ตอนจัดงานศพน้องเมจิ และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลน้องจูเนียร์นั้น ทางติ๊กก็พร้อมที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ จริง แต่มันเป็นค่าใช้จ่ายตามใบเสร็จที่เกิดขึ้น ซึ่งในส่วนของการเยียวยาทางจิตใจนั้น ไม่เคยได้รับ ซึ่งก็ทำให้คิดไปเองว่า การที่มารับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ นั้น จะเอาไปให้ตำรวจบันทึกหรือไม่ว่ามีการเยียวยาไปแล้ว

พ่อยังพูดถึงกรณีที่ติ๊กกล่าวว่าได้แต่งเพลงให้กับน้องทั้ง 2 คนและจะนำไปเผยแพร่ หากมีรายได้ ก็จะนำมามอบให้ครอบครัวตนเอง โดยพ่อบอกว่า ติ๊กเคยมาขออนุญาตและทำเพลงมาให้ฟัง ตอนแรกมองว่าอะไรที่ทำแล้วจะมีรายได้มารักษาลูก ก็เป็นเรื่องดี จึงอนุญาตไป แต่เมื่อฟังเนื้อหาเพลง ก็ไม่สบายใจบางจุด ที่บอกว่า เด็กๆ กลับจากไปงานเลี้ยงสังสรรค์แล้วเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งไม่ตรงกับความจริง เพราะเด็กๆ แค่ออกไปซื้อของให้แม่ทำกับข้าว จึงบอกติ๊กไปว่าให้แก้ไขได้ไหม แต่ติ๊กบอกว่า เพลงทำไปแล้ว แก้ไขยาก เลยบอกว่าแก้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ก็ตัดสินใจไม่อนุญาตให้เผยแพร่ดีกว่า และอีกเหตุผลก็รู้สึกว่า จะเป็นการนำลูกไปหากินหรือไม่ แม้จะนำรายได้มาให้ แต่จะนำส่วนนี้มาอ้างว่าเป็นการเยียวยาด้วยหรือไม่





คุณอาจสนใจ

Related News