สังคม
อุกอาจ! จีนปล้นจีน วันเดียว 2 เคสซ้อน หลอกแลกคริปโต เสียหายรวม 13 ล้าน ยังไม่ชัดแก๊งเดียวกันหรือไม่
โดย petchpawee_k
13 ชั่วโมงที่แล้ว
98 views
จีนปล้นจีน 2 เคสซ้อน! เคสแรก 3 คนจีน บุกปล้นเงินสด 5 ล้านเพื่อนร่วมชาติกลางกรุง ก่อนซิ่งอัลพาร์ดหนี หลังผู้เสียหายนัดแลกเงินเปลี่ยนเป็นเหรียญคริปโต เจ้าของเงินวิ่งตามแต่ไม่ทัน สุดท้ายตำรวจพบพิกัดได้ถุงเงินคืนแล้ว แต่ไร้เงากลุ่มผู้ก่อเหตุ พบเพียงรถจอดทิ้ง ขณะที่อีกเคส นัดแลกเงิน 8 ล้านส่อเค้าโอ้ละพ่อ อาจเป็นเหตุเข้าใจผิด ผู้เสียหาย-คู่กรณีอยู่ระหว่างการเจรจา
วานนี้ (9 ม.ค.67) เวลาประมาณ 15.00 น. เกิดเหตุระทึก 2 เคสในท้องที่ สน.ห้วยขวาง เคสแรก ชาวจีน วิ่งราวทรัพย์ ชาวจีน 5 ล้านบาทกั บเคสชาวจีนฉ้อโกงชาวจีน แลกเปลี่ยนคริปโต
โดยเคสแรก เป็นเหตุการณ์ที่มีผู้เสียหายชาวจีน 2 คน ถูกชาย 3 คน วิ่งราวทรัพย์เป็นเงิน 5 ล้านบาท หลังผู้เสียหายนัดหมายกันแลกเงินเปลี่ยนเป็นเหรียญคริปโต โดยผู้เสียหายได้นำเงินสด 5 ล้านบาท ใส่กระเป๋ามาให้ผู้ก่อเหตุที่บ้านหลังหนึ่ง ภายในซอยประชาราษฏร์บำเพ็ญ 12 เขตห้วยขวาง ก่อนถูกวิ่งราวไป ผู้เสียหายเลยนั่งรถจักรยานยนต์ไล่ตาม แต่คนร้ายหลบหนีไปได้
ส่วนอีกเคส เกิดขึ้นที่อาคารแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 9 เจ้าของเหรียญคริปโตชาวจีน 4 คน นำมาขาย ให้กับผู้เสียหายชาวจีน 2 คน แลกกับเงิน 8 ล้านบาท ก่อนมีการโอนเข้าบัญชีคนกลาง แต่ผู้เสียหายเจ้าของเงินสด บอกว่ายังไม่ได้เงิน ในขณะที่เจ้าของเหรียญคริปโตก็บอกว่าโอนเงินไปแล้ว สุดท้ายจึงเอาเงิน 8 ล้านบาทหนีไป
ทีมข่าวลงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์เคสแรก 5 ล้านบาท ภายในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 12 จุดเกิดเหตุ พบบ้านหลังหนึ่ง ชาวบ้านบอกว่าทำเป็นบริษัทส่งสินค้าได้คลิปวงจรปิดช่วงนาทีเกิดเหตุ
คลิปแรก เวลา 15.31 น. จะเห็นว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุขึ้นรถอัลพาร์ดสีขาวป้ายทะเบียน กรุงเทพมหานคร ขับหนีไป ส่วนผู้เสียหายวิ่งออกมาจากบ้านและวิ่งตาม
คลิปต่อมาเป็นคลิปต่อเนื่องอีกมุม ผู้เสียหายวิ่งตามรถอย่างเร็วไปทางปากซอย สังเกตบนมือผู้เสียหาย เหมือนมีเชือกหรืออะไรบางอย่างผูกไว้อยู่ที่มือซ้ายด้วย
ขณะที่วงจรปิดอีกมุม หน้าปากซอยประชาราษฏร์บำเพ็ญ 12 ผู้เสียหายวิ่งมาเรียกวินมอเตอร์ไซค์ ให้ขับตามรถอัลพาร์ดที่เจ้าตัวบอกว่าขโมยเงินไป
สำหรับเคส 5 ล้านบาทนี้ ทีมข่าวลงพื้นที่ได้คุยกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. ตนได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเสียงดังมากๆ จากในบ้าน ซึ่งเสียงดังกล่าว บางช่วงเสียงเหมือนร้องไห้ บางช่วงเสียงเหมือนคนถูกทุบตี ตอนนั้นตนก็กำลังทำผมอยู่ในร้าน เห็นผู้ชายคนหนึ่งวิ่งตามรถยนต์อัลพาร์ดไปที่หน้าปากซอย วิ่งเร็วมากๆ ซึ่งจากการสังเกตเห็นว่า คล้ายกับมีเชือกผูกไว้ที่บริเวณข้อมือด้านซ้ายของชายคนนี้ด้วย ซึ่งตนไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน อีกทั้งคนจีนแถวนี้เยอะมาก ส่วนสาเหตุตนก็ไม่ทราบแน่ชัด เพิ่งจะมาทราบภายหลังว่าเป็นเหตุปล้นเงิน
ขณะที่นายทวี หัวดอน อายุ 40 ปี วินจักรยานยนต์หน้าปากซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 12 ซึ่งเป็นวิน มอเตอร์ไซค์ที่คนจีนผู้เสียหายซ้อนท้ายขี่รถตามอัลพาร์ดไป เล่าว่า ตอนนั้นตนจอดอยู่ที่วินหน้าปากซอย และเป็นวินคิวแรก เห็นว่าผู้เสียหายเป็นชายชาวจีน วิ่งเข้ามาหา พูดภาษาไทยค่อนข้างชัด บอกกับตนว่า ตัวเองถูกปล้น ให้ตนรีบขับตามรถอัลพาร์ดไป ตนจึงบอกว่าให้เขาพยายามโทรแจ้ง 191 หลังจากนั้น ตนก็ขับรถตามรถต้องสงสัย ซึ่งติดฟิล์มค่อนข้างมืด และตนก็ไม่รู้ว่าภายในรถมีคนอยู่ทั้งหมดกี่คนหรือมีอาวุธหรือไม่
พอขับตามถึงบริเวณแยกห้วยขวาง ช่วงนี้เป็นครั้งแรกที่ขับรถไล่ทัน แต่ตนไม่กล้าไปจอดขวาง เพราะกลัวว่าจะถูกชน เนื่องจากระหว่างที่ขับไล่ตาม ก็ถูกรถอัลพาร์ดเฉี่ยวมาแล้ว โชคดีที่รถไม่ล้มและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เมื่อขับตามมาทัน เห็นรถอัลพาร์ดจอดติดไฟแดง ผู้เสียหายก็ลงไปเคาะกระจกเรียก แต่คนที่อยู่ในรถไม่ยอมลงมาคุย หลังจากนั้นก็เลี้ยวรถขึ้นทางด่วนไปเลย ทำให้ตนไม่สามารถตามไปได้ ผู้เสียหายขอร้องให้ตนวนกลับมาดูที่บริเวณด้านหน้าห้างเซ็นทรัล พระราม 9 อีกประมาณสองครั้ง แต่เมื่อหาผู้ก่อเหตุไม่เจอ จึงได้พาผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สน. ห้วยขวาง
นายทวี ยืนยันอีกเสียงว่า ผู้เสียหายมีเชือกมัดมือข้างหนึ่ง คาดว่าน่าจะถูกมัดมือมา จากการสังเกตไม่เห็นบาดแผลตามร่างกาย เห็นแผลเล็กน้อยบนใบหน้า ซึ่งผู้เสียหายบอกว่าวิ่งล้ม
ผู้เสียหายเคส 5 ล้าน ทราบชื่อในเวลาต่อมา คือ MR.HUANG GANG เดินทางมาให้ปากคำตำรว ที่ สน.ห้วยขวาง ระหว่างที่เจ้าตัวกำลังรอให้ปากคำอยู่นั้น นักข่าวพยายามสอบถาม แต่เจ้าตัวพูดสั้นๆ ว่า ยังไม่พร้อมให้ข้อมูล เมื่อทีมข่าวสอบถามว่า ผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายหรือไม่ ทางผู้เสียหายพูดผ่านล่ามว่า ยังไม่ให้ข้อมูล แต่จากการสังเกต ข้อมือและแขนของผู้เสียหายมีรอยแดง
พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายผ่านล่ามภาษาจีน จากการสอบสวน เบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียหายชายชาวจีนคนนี้ ได้ติดต่อขอซื้อเหรียญ Digital ผ่านคนกลาง เป็นชาวจีนซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ย่านห้วยขวาง โดยนัดเจอเพื่อซื้อขายกัน ผู้เสียหายพร้อมเพื่อนชายอีก 1 คน จึงนำเงินสด 5 ล้านบาทใส่กระเป๋า เตรียมมาจ่ายค่าเหรียญดิจิตอล เมื่อมาถึงจุดนัดพบ กลุ่มคนร้ายมากัน 3 คน เป็นชายชาวจีน 2 คนและคนไทยอีก 1 คน
โดย 1 ในคนร้ายทำทีเป็นโอนเงินดิจิตอล แต่เมื่อผู้เสียหายตรวจสอบ กลับไม่ได้รับเหรียญดังกล่าวตามที่ตกลงซื้อขายกัน แต่กลุ่มคนร้ายยืนยันว่าได้โอนเหรียญไปแล้ว และพยายามแย่งชิงเงิน 5 ล้าน แต่ผู้เสียหายไม่ยอม จึงถูกจับมัดมือด้วยเข็มขัด และขังไว้ภายในตัวอาคาร ก่อนที่คนร้ายจะนำเงินดังกล่าว ขึ้นรถตู้ Alphard สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 ขล 2233 กรุงเทพมหานคร หลบหนีไป ขณะที่ผู้เสียหายได้พยายามตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ และพยายามแก้มัดจนสามารถแก้มัดได้ และวิ่งออกมาจากตัวอาคาร ขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้างในบริเวณดังกล่าวตามรถคนร้ายไป แต่ตามไม่ทัน พลาดกันบริเวณย่านแยกมักกะสัน
ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ข้อมูลว่า ภายในกระเป๋าเงินสดที่ผู้ก่อเหตุนำไปนั้น ผู้เสียหายใส่โทรศัพท์มือถือไว้ โดยระบุจีพีเอส พิกัดอยู่ที่ สวนสุขภาพแต้จิ๋ว เขตยานนาวา เจริญราษฎร 3 จากนั้นตำรวจไล่กล้องวงจรปิด และตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถดังกล่าว จนพบว่ารถเป็นของชายไทยคนหนึ่ง ซึ่งเป็น 1 ในกลุ่มคนร้าย อาศัยอยู่ย่านยานนาวา ตำรวจจึงเข้าตรวจค้นและยึดรถคันดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในบ้านยังพบเงินจำนวน 5 ล้านบาทอยู่ในห้องพัก จึงยึดเงินทั้งหมด พร้อมรถมาตรวจสอบที่ สน. ห้วยขวาง โดยเบื้องต้นพบว่า รถยังไม่สามารถเปิดประตูได้ ส่วนผู้ก่อเหตุทั้ง 3 รายยังไม่พบตัว
ขณะที่อีกเคสเกิดขึ้นที่อาคารแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 9 เจ้าของเหรียญคริปโตชาวจีน 4 คน นำมาขาย ให้กับผู้เสียหายชาวจีน 2 คน แลกกับเงิน 8 ล้านบาท
เรื่องนี้ พันตำรวจเอกประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง ให้สัมภาษณ์ช่วงเย็นวานนี้ (9 ม.ค.68) ว่า เคสนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับเหตุแรก เหตุเกิดที่อาคารจีทาวเวอร์ ย่านพระราม 9 ผู้เสียหาย 2 คนนำเงินสด 8 ล้านบาท มาแลกเหรียญคริปโตกับชาวจีน 4 คน ระหว่างพูดคุยเจรจา ผู้ก่อเหตุได้โอนเหรียญคริปโตไปยังบัญชีหนึ่ง ที่มีเจ้าของบัญชีเป็นคนจีน และทำหน้าที่เป็นคนกลางนัดให้ทั้งสองฝ่ายมาเจอกัน แต่ปรากฎว่าขณะเจรจา ฝ่ายผู้เสียหายเจ้าของเงิน บอกว่ายังไม่ได้รับโอนเหรียญคริปโต แต่ฝั่งผู้ก่อเหตุก็ยืนยันว่าได้โอนเหรียญคริปโตไปแล้ว จึงนำเงินสด 8 ล้านบาทหนีไป ต่อมาผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความที่ สน. ห้วยขวาง
เมื่อสอบถามว่า เคสนี้คนที่เอาเงินไป 8 ล้านบาทไป ร่วมมือกับเจ้าของบัญชีที่เป็นคนกลางหรือไม่ และทั้ง 2 เคสเป็นเครือข่ายเดียวกันหรือไม่ ทางผู้กำกับ ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่มีความเชื่อมโยง แต่ในพื้นที่ห้วยขวางมีคนจีนที่พักอาศัยเยอะ ทั้งเป็นแหล่งที่พักและแหล่งที่เที่ยว ที่กิน เหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้น มีทั้งคู่กรณีฝั่งใดฝั่งหนึ่งร่วมมือกับคนกลางที่เป็นคนร้าย หรือคู่กรณีทั้งสองฝั่งถูกคนกลางที่เป็นคนร้ายหลอกทั้งคู่ก็มี ซึ่งจะต้องสอบสวนขยายผลต่อไป โดยกรณีนี้ต้องตรวจสอบว่า ผู้ก่อเหตุที่แท้จริง คือ เจ้าของบัญชีคนกลางที่นัดหมาย ทั้งสองฝ่ายให้มาเจอกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าอาศัยอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ เบื้องต้น พอที่จะพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้แล้ว และได้ประสาน ตม.สกัดกั้นไม่ให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีออกนอกประเทศ
ต่อมาเวลา 20.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เคสคนจีนชิงเงิน 8 ล้านบาทจากคนจีนนั้น อาจจะส่อเค้าโอละพ่อ โดยอาจจะเป็นเหตุเข้าใจผิด ผู้เสียหายกับคู่กรณีอยู่ระหว่างการเจรจา
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/n-pCfvfbaUc
แท็กที่เกี่ยวข้อง จีนปล้นจีน ,เงินคริปโต ,จีนปล้นจีน ,เงินคริปโต