สังคม

จีนหลอกจีน! 'ซิงซิง' เปิดใจถูกหลอกไปเมียนมา เผยถูกโกนหัว ขอบคุณคนไทย ยันไทยไม่อันตราย

โดย passamon_a

8 ม.ค. 2568

1.7K views

ซิงซิง ถึงกรุงเทพแล้ว ไหว้ขอบคุณทางการไทยที่ให้ความช่วยเหลือ เผยรู้ตัวถูกหลอกไม่ใช่มาแคสงาน หลังจากข้ามไปฝั่งเพื่อนบ้านแล้ว แต่ไม่กล้าขัดขืน เบื้องต้นยังไม่พบไทยเกี่ยวข้อง แต่เป็นคนจีนหลอกคนจีนด้วยกัน เปิดใจยืนยันประเทศไทยไม่อันตราย


ภายหลังที่กองกำลังกะเหรี่ยง BGF ช่วยเหลือ นายหวังซิง หรือ ซิงซิง นักแสดงชาวจีน ที่หายตัวไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน ส่งตัวมายังทางการไทย เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 7 ม.ค.68 มายังห้องประชุม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.ตาก อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อสอบสวนเรื่องราว ก่อนที่เวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวซิงซิง ขึ้นเครื่องบินเดินทางเข้ากรุงเทพฯ


เวลา 19.00 น. ซิงซิง เดินทางมาถึงกองบินตำรวจ โดย พลตำรวจเอกธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่บินด่วนไปเจรจารับตัวกลับมา ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น โดยมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางมาด้วย เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของผู้เสียหาย


โดย ซิงซิง สวมเสื้อสีขาว ใส่กางเกงขายาวสีดำ ถูกโกนผม สภาพอิดโรย เบื้องต้นจากที่ดูแววตาค่อนข้างสบายใจ ซึ่งเจ้าตัวได้ใส่หมวกปิดคลุมใบหน้าเอาไว้ ก่อนเจ้าตัวจะยกมือไหว้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ขอบคุณที่ได้รับการช่วยเหลือ พร้อมย้ำว่าตัวเองปลอดภัยดี พร้อมขอบคุณคนไทย


ด้าน พลตำรวจเอกธัชชัย เปิดเผยว่า หลังถึงกรุงเทพฯ จะพาผู้เสียหายไปยังศูนย์คัดแยกและส่งต่อผู้เสียหายระดับชาติ ดอนเมือง เพื่อทำการสอบสวนในฐานะผู้เสียหายได้นำข้อมูลไปขยายผลว่ามีคนไทยเกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าวด้วยหรือไม่ ก่อนส่งต่อสถานทูตจีน ไปพบญาติจะรับตัวกลับประเทศจีน ซึ่งทางครอบครัวดีใจมากหลังจากที่เราช่วยเหลือเขากลับมา


ขณะที่เคสนี้เป็นเรื่องระหว่างคนจีนหลอกคนจีน ซึ่งทางผู้เสียหายได้ไปพูดคุยผ่านแอปพลิเคชั่น WeChat กับบุคคลหนึ่งเป็นชาวจีน หลอกลวงว่าจะให้มาทำงานแคสติ้ง จึงเดินทางที่ประเทศไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษติดกับอำเภอแม่สอด ซึ่งเป็นความสมัครใจเดินทางมาผ่าน ตม. ผ่านเส้นทางด่านต่าง ๆ ของประเทศไทย ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการสมัครใจไป แต่เมื่อข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านพบว่าเป็นการหลอกลวงให้มาทำงาน ซึ่งเป็นกระบวนการเกี่ยวกับหลอกค้ามนุษย์ เมื่อทางการไทยได้รับการประสานจึงช่วยเหลือออกมา โดยประสานชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ ให้การช่วยเหลือออกมาได้สำเร็จ


ส่วนกรณีที่ผู้ก่อเหตุกล่าวอ้างบริษัทในประเทศไทย คือ GMM GRAMMY นั้น ทางผู้เสียหายไม่รู้จัก GMM GRAMMY คืออะไร เพราะใน WeChat เป็นการตั้งชื่อขึ้นมาเองเขียนว่า GMM GRAMMY ตามด้วยชื่อของคนจีนที่ติดต่อมา โดยอ้างตัวเป็นผู้กำกับหนัง ซึ่งตัวผู้เสียหายไม่ทราบเลยว่าคืออะไร แต่มองว่าเป็นการกล่าวอ้างจากผู้ก่อเหตุผ่าน WeChat


สำหรับตัวผู้เสียหายไม่ได้มีการถูกทำร้าย ส่วนที่เห็นมีรอยสีแดงที่ขาข้างซ้ายนั้น เป็นปานหรือตำหนิรอยปาน มีมาตั้งแต่เกิด ยันไม่ใช่บาดแผลที่ถูกทำร้ายแต่อย่างใด


ส่วนข้อครหาจากสังคมว่าเป็นการสองมาตรฐานหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนไทยถูกหลอกในลักษณะแบบนี้แต่การช่วยเหลือล่าช้า พลตำรวจเอกธัชชัย ยืนยันปกติตำรวจทำงานอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดีคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ทางการไทยให้ความสำคัญอยู่แล้ว


นอกจากนี้ พลตำรวจเอกธัชชัย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังไม่มีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง มีแค่ซิงซิง ใช้เส้นทางการเดินทางโดยใช้แท็กซี่คนไทยไปส่งยัง จ.ตาก เท่านั้น ซึ่งแนวทางการสืบสวนเชื่อว่า ตอนมาจากเมืองจีน น่าเชื่อว่าสมัครใจมา เพื่อเดินทางไปแคสงานที่ประเทศที่ 3 และมาลงที่ไทย ก่อนเดินทางต่อไปประเทศที่ 3 แล้วพอไปถึง ผ่านด่าน 3 ด่าน คือด่าน ตม.1 ด่าน และด่านตรวจของตำรวจร่วมกับทหาร ซึ่งเป็นด่านความมั่นคงอีก 2 ด่าน โดยไม่พบความผิดปกติ และผู้เสียหายก็แสดงตนด้วยพลาสปอร์ตกับเจ้าหน้าที่ และเดินทางมาคนเดียว


จากนั้นเมื่อข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน กลับแตกต่างกัน เพราะผู้เสียหายถูกให้ไปฝึกเป็นสแกมเมอร์ โดยการฝึกพิมพ์ข้อความเพื่อให้หลอกคนจีน โดยฝึกอยู่ประมาณ 2-3 วัน แต่ยังไม่ได้เป็นการฝึกให้สนทนาหรือพูดโทรศัพท์ โดยผู้เสียหายอยู่ในสภาพที่หวาดกลัว แต่ไม่มีการถูกทำร้ายร่างกาย ตอนที่เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือเป็นการประสานกับชนกลุ่มน้อยเพื่อให้นำตัวผู้เสียหายออกมา และตอนเจ้าหน้าที่เข้าไปจะมี 2 จุด จุดแรกมีคนจีน 10 คน ส่วนอีกจุดที่ช่วยเหลือซิงซิงออกมา มีคนจีนอยู่จำนวน 50 คน


ทั้งนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่นำตัวซิงซิง มาที่ศูนย์คัดแยกและส่งต่อผู้เสียหายระดับชาติ ดอนเมือง เพื่อเข้าสู่กระบวนการกลไกลการส่งต่อระดับชาติ หรือ MRM ซึ่งเป็นกลไกที่นำมาใช้ในการดูแลผู้เสียหายกระบวนการค้ามนุษย์ ก็ได้นำตัวขึ้นชั้น 3 เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนตามกระบวนการทันที มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโดย พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท. ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.สตม. เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในกระบวนการคัดกรอง คัดแยกเหยื่อด้วย ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ได้เดินทางกลับ และซิงซิง ผู้เสียหายได้พักผ่อน หลังจากมีสภาพอิดโรย โดยด้านบนของศูนย์คัดแยกและส่งต่อผู้เสียหายระดับชาติ มีห้องพักรองรับไว้ และจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น


ทั้งนี้เจ้าหน้าที่บอกเบื้องต้นว่า ตามขั้นตอนของ NRM ( National Referral Mechanism ) มี 4 ขั้นตอน คือ รับแจ้ง คัดกรอง คัดแยก คุ้มครอง โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการคัดแยกคัดกรอง ซึ่งจะมีสหวิชาขีพ กระทรวง พม. กระทรวงแรงงาน และพนักงานสอบสวน ร่วมในกระบวนการ จะต้องรอให้กระบวนการคัดแยกคัดกรองเสร็จสิ้นก่อน จึงจะเข้าสู่กระบวนการคุ้มครอง ช้าสุดไม่เกิน 15 วัน หรือเร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมของเหยื่อในการคัดกรอง คัดแยก และเมื่อเจ้าหน้าที่ประเมินแล้วว่าเป็นผู้เสียหาย ก็จะเข้าสู่ความคุ้มครอง จากนั้นก็จะส่งให้กับญาติเพื่อให้กลับประเทศ


ส่วนในวันนี้ (8 ม.ค.) จะมีเจ้าหน้าที่ พม. กระทรวงแรงงาน พนักงานสอบสวน เข้ามาร่วมกระบวนการคัดแยก คัดกรองต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้เสียหายด้วย แต่เมื่อไรที่เข้าสู่การคุ้มครองแล้วจะไม่อนุญาตให้บันทึกภาพใด ๆ ทั้งสิ้น และหลังจากที่ถูกนำตัวมาที่ศูนย์คัดแยกและส่งต่อผู้เสียหายระดับชาติ ดอนเมือง ก็ยังไม่ได้มีญาติเดินทางมาเยี่ยม ซึ่งหากญาติจะเดินทางมาเยี่ยมระหว่างรอกระบวนการเสร็จสิ้น ก็สามารถมาได้


นอกจากนี้ ซิงซิง ยังเปิดใจระหว่างการอยู่บนเครื่องบิน ขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง และเขามีความสุขมากที่ได้กลับมาอย่างปลอดภัย ยืนยันว่าไม่รู้ว่าถูกพามาที่แม่สอด และถูกนำตัวไปฝั่งเมียนมา หลังจากนี้เขาต้องการกลับไปประเทศจีน เพื่อขอบคุณประเทศไทย และบอกว่าประเทศไทยปลอดภัย แต่ต้องระวังการถูกหลอกลวงจากขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งระหว่างที่เขาอยู่ที่นั่น เขานอนไม่หลับ และหวาดกลัว


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/V9hMt1h8kuo

คุณอาจสนใจ

Related News