สังคม

ที่แท้ 'ตำรวจทองหล่อ' เมากร่างยิงปืนหน้าผับ ผกก.ไหว้ขอโทษ ให้ออกราชการ จ่อฟันวินัยร้ายแรง

โดย passamon_a

17 ธ.ค. 2567

480 views

หนุ่มติดลมเมาหนักอยากดื่มต่อ แต่การ์ดผับย่านทองหล่อไม่ให้เข้าร้าน ชักปืนขู่-ยิงขึ้นฟ้า ล่าสุดตรวจสอบพบ เป็นตำรวจ สน.ทองหล่อ ผู้กำกับโร่ขอโทษ สั่งขังและดำเนินคดีทุกข้อหา พร้อมลงโทษวินัยร้ายแรง


เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ return part 6 โพสต์คลิปพร้อมข้อความระบุว่า ทองหล่อซอย 10 มีเหตุอะไร สน. อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้นใช่ไหม โดยในคลิปจะเห็นเป็นชายเสื้อสีดำกางเกงดำยืนโต้เถียงกับชายอีกคนที่คาดว่าน่าจะเป็นการ์ดของร้านอาหารละแวกนั้น ก่อนที่ชายเสื้อดำคนแรกจะมีการชักปืนจอไปที่ชายเสื้อดำคนที่ 2 ระยะประชิดตัวและโต้เถียงกันอีกพักใหญ่ สุดท้ายชายเสื้อดำคนแรกควักปืนออกมาอีกรอบและยิงขึ้นฟ้า ก่อนขู่ว่าจะยิงใส่ชายเสื้อดำคนที่ 2


ทีมข่าวลงพื้นที่ร้านที่เกิดเหตุภายในซอยทองหล่อ 10 พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ดูแลร้าน บอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกลางดึกของคืนวันเสาร์ต่อเนื่องวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พวกตนเข้าเวรกะกลางวัน ส่วนกะกลางคืนที่อยู่ในเหตุการณ์ส่วนใหญ่จะเป็นการ์ดของร้าน ซึ่งชายเสื้อดำที่เผชิญหน้ากับชายคนก่อเหตุ ก็คือการ์ดของร้าน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร มีความรู้ด้านยุทธวิธี


โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกตนไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด ทราบเพียงว่าชายเสื้อดำที่ก่อเหตุน่าจะมีอาการทางด้านจิตเวช มาดื่มเหล้าที่ร้านจนมึนเมา เสียงดังโวยวายและอยากดื่มต่อ แต่การ์ดห้ามไม่ให้เข้า ทำให้ชายที่ก่อเหตุยิ่งเกิดอารมณ์โมโหและชักปืนขึ้นตามคลิป ซึ่งในเหตุการณ์ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จึงยังไม่มีการแจ้งความหรือลงทุกบันทึกประจำวัน


ด้าน พันตำรวจเอก พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุในทันทีหลังจากรับแจ้ง ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อ นามสกุล ผู้ก่อเหตุ ต่อมาจากการตรวจสอบทราบชื่อ คือ จ่าสิบตำรวจ มนตรี มีเดช สายตรวจงานป้องกันและปราบปราม สน.ทองหล่อ ซึ่งเจ้าตัวยังอยู่ในอาการมึนเมาให้การยังไม่รู้เรื่อง อ้างว่าเมาจนจำอะไรไม่ได้ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวปลดอาวุธและยึดของกลาง ปืนพกประจำตัว ซิกเซาเออร์ p 320 ของทางราชการ กระสุนขนาด 9 มม 13 นัดพร้อมปลอกกระสุน 1 นัด ที่มีการยิงออกไป


ส่วนสาเหตุ จ่าสิบตำรวจมนตรี ไปดื่มเหล้าคนเดียวจนมีอาการมึนเมามากและอยากดื่มต่อ แต่ทางการ์ดของร้านห้ามไม่ให้เข้า จนทำให้เจ้าตัวมีอารมณ์โมโหและก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวขึ้น ตรวจแอลกอฮอล์ พบ 136 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น จึงนำตัวเข้าห้องขังไว้ก่อน พร้อมดำเนินคดีข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร, ยิงปืนในที่สาธารณะ และอาจจะเข้าข่ายข้อหาพยายามฆ่า ซึ่งทุกข้อหาจะได้รับโทษหนักกว่าประชาชนทั่วไปเนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ


ขณะเดียวกัน ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ผู้กำกับ สน.ทองหล่อ ยกมือไหว้ขอโทษ พร้อมบอกว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชาและเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนต้องขอกราบขอโทษสังคม พ่อแม่พี่น้องประชาชน ตนได้เห็นภาพคลิปดังกล่าว รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยิ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งตำรวจเราจะพูด สอนกันอยู่เสมอว่า ปากกระบอกปืนต้องหันเข้าหาคนร้ายไม่ใช่หันเข้าประชาชนและถ้าไม่มีเหตุอันควร ชักเป็นขัง ลั่นเป็นออก


นอกจากนี้ ผู้กำกับ สน.ทองหล่อ บอกว่า ตอนนี้ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ลงโทษถึงขั้นปลดออกและไล่ออกจากราชการ ส่วนเรื่องการประกันตัวพนักงานสอบสวนจะตั้งวงเงินประกันสูงที่สุด และอาจให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่อย่างไรก็ตามโทษทางวินัยของตำรวจท่านนี้ต้องลงโทษทางวินัยขั้นร้ายแรง


ล่าสุด พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 มีหนังสือคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ที่ 384/2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน


ระบุว่า ด้วย จ่าสิบตำรวจมนตรี มีเดช ผู้บังคับหมู่ งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาล ทองหล่อ มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน ตามคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ที่ 383 /2567 ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2567 กรณีกระทำผิดอาญา ประกอบกับผู้บังคับบัญชาชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า หากจ่าสิบตำรวจ มนตรี มีเดช ยังคงอยู่ในหน้าที่จะเกิดความเสียหาย แก่ทางราชการ และอาจก่อความไม่สงบสุขแก่ประชาชน จึงมีเหตุผลให้พักราชการได้ ตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการ และการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 3(1) คือ ถูกตั้งกรรมการสอบสวนหรือต้องหาว่ากระทำผิดอาญาในเรื่องเกี่ยวกับความประพฤติหรือพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ


โดยผู้กระทำความผิดเป็นข้าราชการตำรวจ มีหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา แต่กลับต้องหาว่ากระทำผิดอาญาเสียเอง ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนและภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าให้คงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการได้ ประกอบกับได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนพิจารณาทางวินัยนั้นจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว


ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 105 มาตรา 131 และมาตรา 179 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 8 จึงให้ จ่าสิบตำรวจ มนตรี ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย


ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปอนึ่ง ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามคำสั่งนี้ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. ได้ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 141 ภายใน 30 วันนับแต่วันรับทราบคำสั่ง และประสงค์โต้แย้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ให้ทำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือภายใน 90 วันนับแต่วันพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอทราบผลการวินิจฉัยอุทธรณ์ สั่ง ณ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2567 ลงนามโดย พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/HKbteL-Snyw

คุณอาจสนใจ

Related News