สังคม

‘ผู้การแจ้’ จี้จับพิรุธสายปริศนาโทรหา ‘ชาล็อต’ กลางวงสื่อ สอบสวนกลางโร่แจง ยันเป็น จนท.จริง ไม่ใช่มิจฉาชีพ

โดย petchpawee_k

6 ชั่วโมงที่แล้ว

372 views

"ชาล็อต ออสติน" โต้กลุ่ม "เบลมเหยื่อ" ระบุหนูไม่ได้โง่ หนูแค่ไม่รู้ว่าเขาคือ "มิจฉาชีพ" เพราะถ้าหนูรู้คงไม่โอนให้  ยกเรื่องตัวเองเป็นอุทาหรณ์ ยังหวังได้เงินคืน จี้ธนาคารมีมาตรการป้องกัน ‘แก๊งคอลฯ’ ขณะที่ ตร.ไซเบอร์ ยันเหยื่อที่โดนหลอกส่วนใหญ่จบสูง มีความรู้ ระดับดอกเตอร์ มือโปรเล่นหุ้น ตร. จ่อออกหมายจับบัญชีม้าแถวแรก  สอบสวนกลาง แจงปม สายปริศนาโทรหา ชาล็อต กลางวงสัมภาษณ์ ยันเป็นเจ้าหน้าที่ AOC จริง


จากกรณี “ชาล็อต ออสติน” ถูกขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ตีเนียนอ้างเป็น ตร.ไซเบอร์-ดีเอสไอ ข่มขู่เอี่ยวคดีฟอกเงินหุ้นสตาร์ค โดยเจ้าตัวระบุเป็นแพนิก ทำให้ตกเป็นเหยื่อถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน 4 ล้านบาท ยอมรับเสียใจตามกลโกงไม่ทัน ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรงรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท.สั่ง ตร.ไซเบอร์ เร่งสอบปากคำชาล็อต ระดมทีมแกะรอยล่า มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. เป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี เตรียมจ่อโอนคดีจาก สน.สุทธิสาร มายัง บช.สอท.เพื่อดำเนินการตั้งเป้า 1 สัปดาห์ มีความชัดเจน     


วานนี้ (11 ธ.ค.) “ชาล็อต ออสติน” นางงามจากเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์  มาออกรายการ “โหนกระแส” โดยช่วงกลางรายการ “ชาล็อต” เล่าถึงความหวาดกลัวที่โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่ว่า เขาบอกเป็นความลับทางราชการ ซึ่งคดีนี้เขาบอกแบ๊กหลังใหญ่มาก ไม่อยากให้หลุดรั่วออกไป ขนาดคุยกับธนาคาร เขายังให้หนูเปิดสปีกเกอร์โฟนเพื่อให้เขาได้ยินด้วย พอธนาคารเริ่มถามเยอะ ๆ เขาก็เริ่มขู่บังคับให้ตัดสายเลย ไม่งั้นจะทำการส่งคนไป ณ ที่อยู่ตอนนี้ แล้วเขาบอกว่าสามารถเช็กได้นะ เพราะเจาะจีพีเอสโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราตัวคนเดียว พูดตรง ๆ หนูก็กลัว แล้วเกิดจากความไม่รู้จริง ๆ


“ชาล็อต” ยังกล่าวอีกว่า “ไม่อยากเช็กคอมเมนต์ในโซเชียลเลยค่ะ เพราะหนูรู้ว่าเขาต้องว่าอะไร หนูอยากบอกว่าหนูไม่ได้โง่นะคะ หนูแค่ไม่รู้ เพราะถ้าหนูรู้ หนูคงไม่โดนหลอกค่ะ หนูไม่ได้โง่ หนูแค่ไม่รู้ว่าเขาคือมิจฉาชีพ เพราะถ้าหนูรู้คงไม่โง่โอนให้ ถ้าหนูรู้ว่าเป็นมิจฉาชีพแล้วหนูโอนให้ อันนี้หนูยอมรับก็ได้ว่าหนูโง่จริงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่นี่หนูไม่รู้”


พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ซึ่งมานั่งในรายการด้วย กล่าวว่า ตนอยู่ ศท.1 มีทุกระดับ มีจบสูงทั้งนั้นที่โดน ทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะสตรี โดนไปถึง 63 เปอร์เซ็นต์ ใน 2 ปี 7 เดือน ในคดีออนไลน์ทั้งหมด ผู้หญิงโดนมากกว่า อาจเป็นเรื่องจิตใจต่างๆ ผู้ชายโดนน้อยกว่า อายุถ้าดูที่โดนมาก อยู่ในช่วง 31-40 ปี รวมแล้ว 28.80 เปอร์เซ็นต์ น้องชาล็อตพูดถูกต้อง อย่าไปว่าโง่ เวลาอยู่ในตร.ไซเบอร์ มาทะเลาะกันพี่น้องแล้วบอกว่าโง่ อย่าใช้คำนั้นเพราะมีทุกระดับครับ จบดอกเตอร์ ปริญญาตรี ปริญญาโท โดนหมด ดอกเตอร์ก็โดนเยอะ ทุกอาชีพด้วย ดอกเตอร์โดนบ่อย นักเล่นหุ้นที่เก่งๆ เป็นอาจารย์เล่นหุ้นระดับมือโปร เล่นหุ้นมาเป็นสิบๆ ปี ดารานักร้องที่เล่นหุ้นเก่งๆ ก็โดน และโดนเยอะ ความเสียหายเยอะ ต้องพยายามฉีดวัคซีนป้องกันมากกว่าปราบปราม แต่ขณะนี้ในเดือน ส.ค. ก.ย. แต่ทำไม ต.ค.มันขึ้นมาก็อย่าตกใจ เพราะดิไอคอน ประชาชนเริ่มตระหนักรู้มากขึ้น

ในรายการ โดยช่วงท้ายรายการ ชาล็อต กล่าวว่า “อยากบอกว่าเหยื่อไม่ใช่คนผิดนะคะ ที่มานั่งในวันนี้ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อกระบอกเสียงและเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆ ท่านที่อาจโดนหรือกำลังโดนอยู่หรือโดนไปแล้ว ตอนนี้ตร.กำลังเร่งอย่างเต็มที่ อยากให้ทุกคนส่งเป็นกำลังใจมากกว่าซ้ำเติม คอยเช็ก คอยตรวจสอบข้อมูลตัวเอง หรืออย่างที่พี่แจ้บอกไป ถ้ามีการโทรฯ เข้ามาให้วางก่อนเลย แล้วให้โทรฯ กลับอีกรอบหนึ่งเพื่อเช็กว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ จริงๆ มิจฉาชีพมีทุกวัน เยอะมาก เชื่อว่าหลายๆ คนก็ได้มีการร้องเรียน ทำการเก็บดาต้าสถิติไวเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวมาดำเนินการเรื่องนี้กันต่อ”


“ชาล็อต” ยังกล่าวอีกว่า “ธนาคาร” เขาจะมีมาตรการที่ปลอดภัยกว่านี้มั้ยคะ ของหนูเป็นบัตร พอโอนไป ส่วนมากจะมีธนาคารโทรฯ มายืนยันว่าใช้จำนวนเงินเยอะขนาดนี้ที่ออกไปถี่ๆ หรือเปล่า แต่อันนี้หนูไม่ได้รับสาย ไม่แน่ใจว่าธนาคารจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องตรงจุดนี้มั้ย ตามกฎหมาย


“ชาล็อต” กล่าวทิ้งท้าย “หวังว่าเรื่องของหนูจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลาย ๆ คนด้วย ตอนนี้หนูดีขึ้น แต่ก็มีเหม่อๆ บ้าง เหมือนช็อกเฉยๆ ที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ด้วย ก็ดีใจที่ได้ออกมาพูดเพื่อเป็นบทเรียน อุทาหรณ์ให้ประชาชนที่อาจเดือดร้อนในภายภาคหน้า หรือที่โดนมาแล้วก็จะได้อุ่นใจว่าต่อไปนี้ตร.รับเรื่องแล้ว และดำเนินการให้ เงินที่เสียไปอาจได้คืนมา ก็รอค่ะ”  

หลังจบรายการโหนกระแส ชาล็อต ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ช่วงหนึ่งในการสัมภาษณ์มีสายปริศนาโทรหา ชาล็อต กลางวงสัมภาษณ์ โดย พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง หรือ “ผู้การแจ้” ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ได้รับสาย และสันนิษฐานว่าสายที่โทรมาหาครั้งนี้ เป็น “มิจฉาชีพ” โดยอ้างว่า ชื่อ กาญจนา เป็นเจ้าหน้าที่ OUTSOURCE จาก ศูนย์ AOC สอบสวนกลาง นั่งอยู่ชั้น 4 ตึกสอบสวนกลาง


ซึ่งทาง พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ พูดคุยกับปลายสายว่า AOC มีเบอร์เดียวคือ 1441 และผู้เสียหายจะต้องโทรเข้าอย่างเดียว การโทรออกในลักษณ์นี้ “ไม่มี” ทั้งนี้ AOC ตั้งอยู่ที่เดียวตั้งอยู่ที่ NT ไม่ใช่สอบสวนกลาง อย่างไรก็ตาม ปลายสายอ้างว่าได้รับคำสั่งมาจาก พันตำรวจเอก เนติ รองผู้กำกับการ บก.ปอท. ให้ติดต่อกลับหาผู้เสียหายที่แจ้งความจากศูนย์ AOC คือ 1441 โดยรายละเอียดจะมีเคส และข้อมูลที่ถูกหลอก


ต่อมา พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ตอบกลับว่า ให้นายตำรวจผู้นั้น โทรกลับหาท่านผู้การ หรือผู้การแจ้ สอท.1 ส่วนคำถามว่า AOC  มีเจ้าหน้าที่หลายคนหรือไม่ ปลายสายตอบกลับว่า มีตนคนเดียวที่โทรกลับหาผู้เสียหายและมีแอดมิน 1 คน คอยตอบผู้เสียหาย พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ตอบกลับว่าคดีนี้ขึ้นกับ สอท. ไปอยู่ที่ CIB ได้อย่างไร ปลายสาย ตอบกลับว่า ตนได้รับข้อมูลมาอีกทีส่วนได้ข้อมูลจากไหนนั้น ได้มาจาก สน.ที่รวบรวมข้อมูลส่งมาให้


หลังจากวางสายแล้ว พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า มิจฉาชีพรายนั้น โทรเข้าเครื่องชาล็อตว่าเป็นศูนย์ AOC ตั้งอยู่ชั้น 4 สอบสวนกลาง ซึ่งไม่มี และคดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบ สอท. หลังจากที่โทรกลับไปตรวจสอบเบอร์ดังกล่าวก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ นั้นคือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จะมาหลอกชาล็อตรอบสอง โดยอ้างว่าชาล็อต ไปแจ้งความว่าถูกหลอกลงทุน ซึ่งไม่มี ส่วนการรวบรวมข้อมูลจาก สน.ต่างๆ ไม่ใช่เป็นข้อมูลมั่ว ส่วนการใช้ OUTSOURCE มีจริง แต่เบอร์ที่โทรมาเป็น 02 ดังนั้นอย่าไปเชื่อ เพราะ AOC ไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีการโทรกลับ มีแต่ให้ประชาชนโทรหาอย่างเดียว


ต่อมาตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ชี้แจงขอยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวเป็นพนักงานผู้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ (Outsource) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ “ศูนย์ AOC กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง” จริง โดยได้รับมอบหมายจากพันตำรวจเอก เนติ วงษ์กุหลาบ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ให้ทำหน้าที่ในการโทรหาผู้เสียหายที่เคยแจ้งความ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลิงก์บัญชีปลอม หรือ url เพื่อทำการปิดกั้นลิงก์ออกจากระบบ ทำให้มิจฉาชีพไม่สามารถใช้บัญชี หรือลิงก์ url ในการหลอกลวงผู้เสียหายคนอื่นได้อีก ซึ่งหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่จะทำการติดต่อกลับโดยใช้หมายเลข 025139197 และ 0658270902 เท่านั้น


ขณะเดียวกันตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้มีบัญชีไลน์ ชื่อ “CIBAOC” โดยสามารถเพิ่มเป็นเพื่อนผ่านทาง “ไอดีไลน์ชื่อ cibaoc.staff” เท่านั้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อขอข้อมูลจากผู้เสียหายเพิ่มเติมเกี่ยวกับลิงก์บัญชีปลอม หรือ url เช่นเดียวกัน


เกี่ยวกับคดี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. รักษาราชการแทน ผบช.สอท. เปิดเผยว่า หลังจากที่ตำรวจ สน. สุทธิสาร มีการรับเรื่องไว้ทางกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้มีการประสานเพื่อให้โอนคดีมาที่ฝเป็นตำรวจไซเบอร์เป็นที่เรียบร้อยโดยที่ให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งตั้งแต่วันแรกที่ทราบเรื่อง ก็ได้สั่งการให้ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมข้อมูล และพยานหลักฐาน เกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายที่ทำการหลอกลวงในครั้งนี้ซึ่งขนาดนี้มีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง และจะใช้เวลาให้รวดเร็วที่สุดในการติดตามตัวคนร้าย


ในส่วนของเงิน 4 ล้านบาทที่สูญไปนั้นจะสามารถได้คืนหรือไม่พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่าหลังจากที่ได้มีการแจ้งความและลงระบบไปนั้น จะมีระบบการอายัดบัญชีแต่เบื้องต้นอยากให้ตำรวจได้ทำงานก่อน พร้อมบอกว่าโดยทั่วไปกลุ่มคนร้ายจะใช้ระบบการโอนเงินแบบโรบอต หรือการโอนเงินแบบอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นเมื่อกลุ่มคนร้ายดูดเงินไปแล้วก็จะมีการถ่ายโอนไปยังบัญชีอื่นที่เรียกว่าบัญชีแถวสอง และแถวสามอย่างรวดเร็ว รวมถึงจะมีการนำเงินออกจากบัญชีทันที ซึ่งระบบนี้จะทำงานไม่เกิน 5 นาที เพราะฉะนั้นการตามเงินก็ขึ้นอยู่กับการแจ้งความของผู้เสียหายด้วยเช่นเดียวกันว่าแจ้งเร็วหรือช้าเพียงใด


พร้อมบอกว่ารูปแบบในการหลอกลวงเหยื่อมีหลายรูปแบบ แต่ในรูปแบบนี้เรียกว่าการข่มขู่ให้กลัว และให้โอนเงิน ซึ่งการข่มขู่ให้กลัวก็จะมีรูปแบบเช่นเดียวกับกรณีของ ชาล็อต ออสติน จะอ้างว่าผู้เสียหายกระทำความผิดต่าง ๆ และจะมีการโอนสายให้ไปคุยกับอีกหลายคน และอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ และพยายามข่มขู่จนผู้เสียหายโอนเงินไป

พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. กล่าวว่า หลังจากวานนี้ทางตำรวจไซเบอร์ได้ร่วมกันสอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้ว ทำให้ทราบข้อมูลและพฤติการณ์ของคนร้าย ทั้งนี้ ได้ให้ทางฝ่ายวิเคราะห์แกะรอยเส้นทางเงินจากบัญชีของนางสาวชาล็อต ไปยังบัญชีคนร้ายเรียบร้อย และอยู่ระหว่างการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยจะเร่งออกหมายจับคนร้าย โดยเฉพาะกลุ่มบัญชีม้าแถวแรก รวมถึงชายสองคนที่ปรากฏว่า มีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์และเจ้าที่ดีเอสไอ ในการหลอกลวงผู้เสียหายด้วยต่อไป ขณะเดียวกันได้ให้ทาง บก.สอท.ประสานไปยัง สน.สุทธิสาร เพื่อดำเนินการในขั้นตอนของการโอนสำนวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/fyCqCqRteYE


คุณอาจสนใจ

Related News