สังคม

"ฟิล์ม" เปิดใจ หลังรับทราบข้อกล่าวหาพยายามกรรโชกทรัพย์ 20 ล้าน ปมคลิปเสียงดิไอคอน

โดย kanyapak_w

6 ธ.ค. 2567

72 views

หลังจากที่ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เข้ามาพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามตามหมายเรียก เพื่อรับทราบข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์จากกรณีคลิปเสียงตบทรัพย์บริษัท The Icon Group 20 ล้านบาท และข้อหาหมิ่นประมาทหนุ่ม กรรชัย



ต่อมาเวลา 15:30 ฟิล์ม รัฐภูมิ พร้อมด้วย อ.ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความของฟิล์ม รัฐภูมิ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังจากเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและสอบปากคำนานถึง 4 ชั่วโมงครึ่ง



โดย อ.ประมาณ ระบุว่า วันนี้ฟิล์มมารับทราบข้อกล่าวหาทั้ง 2 ข้อหา ซึ่งได้ให้การปฏิเสธอย่างมีเหตุผลและหนักแน่น โดยยังยืนยันว่า ในคลิปเสียงไม่มีลักษณะถ้อยคำของการหมิ่นประมาทด้อยค่าว่า หนุ่ม กรรชัย เป็นคนที่ไม่ดี และเรียกรับเงิน 20 ล้านบาทจาก The Icon ฉะนั้น ข้อกล่าวหาเรื่องหมิ่นประมาท ไม่มีถ้อยคำที่เข้าองค์ประกอบความผิดดังกล่าว เป็นการพูดคุยที่อ้างชื่อหนุ่ม กรรชัย เพียงเพราะรู้จักกันเท่านั้น



ส่วนข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ ตนยังยืนยันว่า มันต้องมีลักษณะข้อความขู่เข็ญให้เกิดความกลัวและประทุษร้ายหรือจะใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งถ้อยคำตามในคลิป ก็ไม่มีลักษณะข้อความอันเป็นการกดดันหรือคุกคามให้ฝั่งคู่กรณีเพราะเกิดความกลัวและขู่เข็ญประทุษร้ายให้เกิดความกลัวแต่อย่างใด ซึ่งการแจ้งความของ The Icon Group ที่อ้างว่าไม่ให้ไปออกรายการอื่น ต้องออกรายการโหนกระแส มองว่าเพราะเป็นรายการหลัก ไม่ใช่เป็นการข่มขู่ เป็นการบอกให้รู้และเตือนสติ ไม่มีลักษณะเป็นการข่มขู่และกดดัน อีกทั้งประเด็นเงิน 20 ล้านบาท ยืนยันว่าฟิล์มไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่แรก ฟิล์มแค่รับงานมาจากกฤษอนงค์อีกทีหนึ่งและเป็นแค่ปลายน้ำ



ซึ่งทั้ง 2 คดียังไงก็ต่อสู้สุดซอยและเน้นย้ำว่าทั้ง 2 ข้อหานั้น ไม่พบพฤติการณ์ที่เข้าองค์ประกอบความผิดแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่า หากวางใจให้เป็นกลางและค่อย ๆ วิเคราะห์ตามคลิปเสียง ไม่ปรากฏว่าฟิล์ม รัฐภูมิ พูดถ้อยคำที่เข้าข่ายความผิดอาญาเลย แต่ยอมรับว่าคำพูดบางคำไม่เหมาะสม รวมทั้งอยากให้มองย้อนไปว่า การพูดคุยดังกล่าวเป็นการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างเจ๊พัชและบอสปัน ซึ่งไม่รู้จักกับฟิล์มเป็นการส่วนตัวและฟิล์มไม่เคยรู้จักบรรดาบอสดิไอคอนด้วยซ้ำ ส่วนฟิล์มนั้นเป็นการต่อสายพูดคุยขณะที่กำลังบินไปประเทศจีน แต่ทว่ากลับถูกแอบบันทึกเสียง ซึ่งสื่อได้อย่างชัดเจนว่าฟิล์มไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิดทั้ง 2 ข้อหาแต่อย่างใด



ส่วนกรณีที่พี่หนุ่ม กรรชัย พูดในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางช่อง 3 ในเชิงตัดพี่ตัดน้องนั้น ตนมองว่าหากจะตัดพี่ตัดน้องกันก็แล้วแต่ ซึ่งส่วนตัวมองว่าเรื่องแบบนี้ควรให้อภัย เพราะตนเคยทำรายการร่วมมือร่วมใจเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ซึ่งลักษณะรายการก็คล้ายกับโหนกระแสที่เอาคนมานั่งคุยกันและก็เคยถูกเอาชื่อไปแอบอ้าง ซึ่งตนก็ตักเตือนสั่งสอน เพื่อไม่ให้กลับไปทำซ้ำและให้อภัย หากพบว่านำไปแอบอ้างในสิ่งที่ผิดกฎหมายก็ดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า การนำชื่อไปแอบอ้างนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและอย่าทำแบบนั้น แต่ยืนยันว่า ตนไม่เคยฟ้องร้องโดยคดีหากถูกเอาชื่อไปแอบอ้าง



ผู้สื่อข่าวได้สอบถามประเด็นที่พี่หนุ่ม กรรชัย โทรไปหาฟิล์ม รัฐภูมิให้ยอมรับหลายครั้ง แต่ฟิล์มไม่ยอมรับ ฟิล์มระบุว่า พี่หนุ่มพยายามให้ตนยอมรับในสิ่งที่ตนไม่ได้ทำ ซึ่งหากใครที่รู้จักตนเป็นอย่างดีก็จะทราบว่า หากตนทำผิดในเรื่องใดตนก็จะยอมรับ แต่ถ้าหากว่าตนไม่ได้ทำในเรื่องใด ก็ไม่ต้องยอมรับ เนื่องจากตัวไม่ได้ทำผิดอะไร ตนเป็นคนที่เคารพและทำตามกฎหมายมาโดยตลอด



แต่ทว่าจากกรณีที่เกิดขึ้น สังคมไม่ฟังตนเลย ตนก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปก่อน โดยฟิล์มได้เปรียบเทียบกับคดีความและเรื่องอื้อฉาวในอดีตที่สุดท้ายผลลัพธ์ออกมาคือ ตนก็ชนะทุกคดี โดยเฉพาะเรื่องการทำธุรกิจในอดีตที่ยอมรับว่า



ตนทำธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต เพียงเพราะทำธุรกิจที่เป็นเรื่องของอนาคต ในส่วนคดีนี้ตนผิดตรงไหนและคำให้การกับข้อเท็จจริงทุกอย่างก็ปรากฏในคลิปเสียงอยู่แล้ว ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเอง และตนได้พูดทุกเรื่องราวไปทั้งหมดตั้งแต่วันแรกแล้ว ตามที่ทุกคนเห็นกันว่าพอเกิดเรื่องขึ้นมา ตนก็ออกมาหาสื่อเลย ไม่ได้ไปหาทนายตั้งแต่แรก



ตอนนี้คงต้องโฟกัสเกี่ยวกับเรื่องการต่อสู้คดี จะยังไม่ตอบกลับหรือต่อสู้กับใคร เพราะตนไม่ใช่คนที่ทำอะไรใคร ส่วนเรื่องการถูกแอบอ้างชื่อนั้นยอมรับว่า ช่วงที่เป็นศิลปินใหม่ ๆ ตนก็เคยถูกแอบอ้างชื่อเยอะมาก เช่น สกรีนเสื้อชื่อตนและอ้างว่าจะได้รับรอยจูบหรือลายเซ็น ซึ่งตนมองว่าก็เป็นการทำธุรกิจสุจริตอย่างหนึ่งและตนไม่เคยที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีเลย



สำหรับการที่พี่หนุ่ม กรรชัย มาตัดพี่ต่อน้องกับตนนั้น ก็แล้วแต่เขา ตนคงไม่เสียใจและไม่โกรธอะไร จะอยู่เฉย ๆ และมองเป็นเรื่องปกติ คงปล่อยเขาไป เพราะเนื่องจากในคดีนี้ตนไม่เครียดอะไรอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ตนเครียด คือบรรดานักร้องเรียนทั้งหลายมากกว่า



โดยฟิล์ม รัฐภูมิ ขยายความว่า ตนถูกนักร้องเรียนหลายคนร้องเรียนและใส่ความ ซึ่งเป็นเรื่องที่มั่วตั้งแต่แรก มองว่าการที่นักร้องมาหาว่าทำไมตนไม่เอาหน้าตาไปทำธุรกิจที่สุจริต หาว่าเป็นนักหลอกลวงทิพย์ แต่เอาไปทำธุรกิจบาปนั้น ตนสงสัยว่า ตนเคยทำธุรกิจบาปตอนไหน อย่ามาใส่ร้ายตน พวกนักร้องเป็นเพียงแค่คนที่พยายามหาข้อมูลและหาแสง ไม่มีอะไรที่เป็นความจริงจากบุคคลคนนี้เลย



ยกตัวอย่างเช่นคดีที่จังหวัดตรัง ซึ่งคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่บอกว่า บุคคลที่เขาไปช่วยมีมูลความผิดอยู่แล้วจากคดีฉ้อโกง แต่ตรงกับถูกใส่ร้ายว่าเป็นเจ้าของโปรเจคระดมทุน 60 ล้านบาท ซึ่งไม่เคยมีภาพของตนปรากฏในการประชุมวางแผนงานระดมทุนแม้แต่นิดเดียว เพียงแค่ภาพที่ตนนั่งเครื่องบินไปกับพี่ชายก็นำมาใส่ร้ายหาว่าตนเป็นเจ้าของขบวนการได้



ส่วนที่หาว่าตนถูกยึดเครดิตและติดหนี้ส่วนกลางหมู่บ้านก็ไม่เป็นความจริง หาว่าตนไปเกี่ยวข้องกับ ส.เล็ก ส.ใหญ่ ก็ไม่เป็นความจริง รวมทั้งยังพยายามจะหาว่าตนไปเกี่ยวข้องกับเรื่องตู้น้ำมัน ซึ่งฟิล์มได้เปิดหลักฐานที่เป็นแชทที่นักร้องเรียนคนดังกล่าวพูดคุยกับผู้เสียหาย อ้างว่าจะดำเนินคดีอย่างเต็มที่ให้ได้รับความสนใจ แม้เสี่ยงที่ฟูมจะฟ้อง ถือเป็นการปลุกปั่นและปลุกระดมผู้เสียหายให้มาแจ้งความเอาผิดตน แต่ขอยืนยันว่าตนรักและเสียใจกับผู้เสียหายทุกคน ตนยืนเคียงข้างประชาชนมาโดยตลอดในทุกคดีที่มีชื่อตน อีกครั้งยังไปแจ้งความเพื่อปกป้องสิทธิตนเอง เพียงแต่บรรดานักร้องเรียนนั้นไม่รู้เรื่องและปลุกปั่นให้เกลียดชังตน พูดถึงขนาดว่าตนมีรถเยอะ เดี๋ยวเอาเงินจากตนมาจ่ายให้ผู้เสียหาย ไม่เข้าใจว่า พวกนักร้องเรียนก็มีบ้านมีทรัพย์สิน ทำไมไม่มาจ่ายให้ผู้เสียหายบ้าง เห็นว่าตนกำลังเป็นประเด็น แล้วจะเล่นงานตน เป็นเรื่องที่ยุติธรรมแล้วหรือ



รวมทั้งเรื่องพรีเซ็นเตอร์ตู้เติมเงิน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน พยายามจะเอาภาพที่ตนรับงานบริษัททัวร์มาโยง ซึ่งบริษัทดังกล่าวก็เคยออกมายืนยันว่า ตนไม่เกี่ยวข้อง แค่รับงานทัวร์เฉย ๆ ตนไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ หากตนเป็นพรีเซ็นเตอร์จริง ตนต้องถ่ายคู่กับตู้เติมเงินแล้ว แต่ไม่มีภาพดังกล่าวแต่อย่างใด สาเหตุที่เขาเล่นงานตนกล่าวหาว่าตนเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะผู้ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ก็มักจะติดคุก ส่วนที่เอาคลิปที่ตนมาร้องเพลงแล้วอ้างว่าต้องเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตนยินดีที่เอามาเปิดได้เลย เพราะส่วนใหญ่เวลาจ้างตนก็ไปร้องเพลงตามปกติ



เช่นเดียวกับเรื่องที่กล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับเส้นเงินพาดพิงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องดังกล่าวก็ไม่เป็นความจริงและตนก็ไม่เกี่ยวข้อง มองว่าหลังจากนี้ พวกนักร้องเรียนไม่ต้องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับคดี เตรียมหาเงินมาสู้คดีกับตนดีกว่า ตนจะจัดหนักในเรื่องนี้อย่างแน่นอน



โดย อ.ประมาณ กล่าวเสริมอีกว่า อาจจะเป็นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าที่เตรียมจะฟ้องกลับในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งมีหลายเรื่องหลายกรรมมาก เพราะถือเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่สุจริต



ส่วนเรื่องเส้นทางอาชีพ ฟิล์มกล่าวว่า ตนโดนดิสเครดิตมาโดยตลอด ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร แต่ยอมรับว่าตอนนี้งานของตนถูกยกเลิกงานหมดแล้ว รวมทั้งงานบริษัททัวร์ก็ถูกยกเลิกจนถึงกลางปีหน้า ตนเสียใจ แต่ยังคงสู้ต่อไป รอดูต่อไปว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ตนยังมั่นใจในตัวเองอย่างมากและทำทุกอย่างบนความถูกต้องเสมอ



ฟิล์มยังได้ฝากถึงประชาชนอีกว่า ขอขอบคุณที่รับเป็นห่วงตน รวมทั้งขอโทษที่อาจจะทำให้หลายคนไม่สบายใจในที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เอาเปรียบใคร ยืนอยู่บนหลักความถูกต้อง ไม่เคยเอาชื่อเสียงตนไปเอาเปรียบใคร



ทั้งนี้ส่วนคุณกฤษอนงค์ที่ถูกดำเนินคดีนั้น อ.ประมาณ มองว่า เราโฟกัสในส่วนคดีของเราดีกว่า โดยเฉพาะคนที่ใส่ความทำให้ฟิล์มได้ความเสียหาย แต่ส่วนที่คุณกฤษอนงค์ถูกดำเนินคดีนั้นก็อ่วมเช่นกัน ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการลอยแพไหม ฟิล์มมองว่า ไม่หรอก ตัวเองก็โดนหนักเหมือนกัน

คุณอาจสนใจ

Related News