เปิดยุทธการทลายรังมังกรเทา ปราบนอมินีทุนจีน เจอ 442 บริษัทเอี่ยว เงินหมุนเวียน 3,600 ล้าน

ทลายรังมังกรจีนเทา ตรวจค้นบริษัทนิติบุคคลที่ชาวจีน ใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี เปิดบัญชี นิติบุคคลม้า โอนเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เผยเป็นวิธีนี้ไม่ต้องสแกนหน้า ไม่จำกัดวงเงิน


เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.67 ตำรวจสอบสวนกลาง ทลายรังมังกรจีนเทา ตรวจค้นบริษัทนิติบุคคลที่ชาวจีน ใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี แล้วเปิดบัญชี นิติบุคคลม้า เพื่อใช้โอนเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกคนไทย


โดยปฏิบัติการครั้งนี้มีชื่อว่า ยุทธการทลายรังมังกรเทา ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุดทั่วประเทศ พบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนิติบุคคล 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียน 1,189 ล้านบาท มีเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท และยังพบบุคคลผู้กระทำผิดอีก 1,014 คน เป็นชาวจีน 258 คน และชาวไทย ชาวต่างชาติอีกหลายประเทศ


ลักษณะของการกระทำผิดจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ จดทะเบียนบริษัทประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น แต่ใช้คนไทยเป็นนอมินีเพื่ออำพราง และยังถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ ทั้งบ้านหรูและที่ดินเพื่อการเกษตร รวมมูลค่ากว่า 254 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบค้นสำนักงานบัญชี และบริษัทนอมินี ก็พบประทับของบริษัทต่าง ๆ กว่า 242 ชิ้น มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ที่นำเข้าสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาต ยังพบบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราที่ลักลอบเปิดกิจการโดยใช้ชื่อคนไทยด้วย


ส่วนรูปแบบที่ 2 คือการจดทะเบียนบริษัทในลักษณะของบัญชีม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคาร รับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และเพื่อใช้ในการฟอกเงิน โดยว่าจ้างสำนักงานบัญชี และสำนักงานทนายความ เพื่อจดทะเบียนนิติบุคคล แอบอ้างชื่อคนไทยเป็นเจ้าของ และนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชี โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง สาเหตุที่ทำแบบนี้ เพราะบัญชีม้าในนามนิติบุคคลจะสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน และไม่ต้องยืนยันตัวตน สามารถโอนผ่าน Internet Banking ได้ทันที


สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ร.บ.การบัญชี พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ประมวลกฎหมายที่ดิน และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน


ทั้งนี้ พบว่าผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีการขอเข้าประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยวีซ่าท่องเที่ยวและวีซ่านักเรียน ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการเพิกถอนวีซ่าต่อไป

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/k0cTY-p3wt8