สังคม

เตรียมประสาน ตร.สากล ออกหมายแดงจับ ‘หมอบุญ’ - เพื่อนร่วมรุ่นแจ้งเอาผิด ถูกหลอกลงทุนสูญ 25 ล้าน

โดย petchpawee_k

9 ชั่วโมงที่แล้ว

135 views

ตำรวจเตรียมประสานออกหมายแดง ตามจับ “หมอบุญ” พร้อมสอบเส้นทางการเงิน หากสาวถึงใคร จะออกหมายจับเพิ่มทันที

เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.67)  พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์  ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงการติดตามตัวนายแพทย์บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ ผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน จากกรณีหลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการใหญ่ สูญเงินรวมกว่า 7,500 ล้านบาท  

โดยระบุว่า จากที่มีกระแสข่าวว่าหมอบุญ เดินทางออกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน ตั้งแต่เดือนกันยายนนั้น จะต้องตรวจสอบแหล่งที่อยู่ให้ชัดเจนก่อน แต่เชื่อว่า มีการเตรียมการล่วงหน้า โดยระหว่างนี้ กองการต่างประเทศอยู่ระหว่างจัดทำหมายแดง และประสานตำรวจสากล เพื่อให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งหากประเทศใดมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็สามารถดำเนินการได้ทันที โดยในส่วนของประเทศจีนนั้น มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันอยู่ อีกทั้งที่ผ่านมา ระหว่างสองประเทศมีความร่วมมือด้านต่าง ๆ ร่วมกันเป็นอย่างดี


ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวว่า ขณะนี้ ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม หากพบหลักฐานพาดพิงถึงใคร ก็จะออกหมายจับเพิ่ม  ส่วนที่มีการตั้งข้อสงเกตว่า หมอบุญอายุมากแล้ว จะเอาเงินจำนวนมากไปทำอะไร ซึ่งอาจจะมีผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมนั้น  ย้ำว่า หากตำรวจพบใครเกี่ยวข้อง ก็จะออกหมายจับเพิ่มแน่นอน  

ส่วนที่ภรรยาหมอบุญอ้างว่า ถูกปลอมแปลงเอกสารลายมือชื่อ ก่อนมีการฉ้อโกงประชาชนนั้น พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า ขอตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน  ทั้งช่วงเวลาหย่าร้าง การประกาศโฆษณาชวนเชื่อให้ร่วมลงทุน การเซ็นสัญญาการกู้ยืมเงิน การลงลายมือเป็นพยาน รวมถึงเส้นทางการเงิน ตั้งแต่ผู้เสียหายโอนเงิน ทั้งเงินสด เช็ค และมีการโอนออกไปให้ใคร ก็ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม

รอง ผบช.น. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ตรวจสอบคดีตั้งแต่ปี 2566 ที่มีการแจ้งความคดีเกี่ยวกับเช็คเป็นคดีแรก ว่าเหตุใดถึงล่าช้า แต่เมื่อถึงช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2567 เป็นต้นมา กลับพบว่า เริ่มมีผู้เสียหายมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จนเชื่อว่า ไม่ใช่เพียงคดีเช็ค หรือกู้ยืมเงิน อีกทั้ง เมื่อตรวจสอบสิ่งก่อสร้างตาม 5 โครงการที่กล่าวอ้าง กลับไม่มีอยู่จริง จึงเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน และการโฆษณาชวนเชื่อ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จึงเร่งรัดให้มีการออกหมายจับหมอบุญ และผู้เกี่ยวข้อง รวม 9 ราย พร้อมเชื่อว่า ยังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก ซึ่งหากประชาชนรายใดได้รับความเดือดร้อน หรือเป็นผู้เสียหาย ขอให้รีบมาแจ้งความทันที

----------------------------------

THG ยืนยันไม่เกี่ยวข้อง 5 โครงการฉาว เล็งเสนอผู้ถือหุ้นปลดลูก-เมีย "หมอบุญ" จากบอร์ด

เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.67)  บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) ชี้แจงกรณีศาลออกหมายจับนายแพทย์บุญ วนาสิน ในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน  รวมถึงนางจารุวรรณ วนาสิน ภรรยาของนายแพทย์บุญ และนางสาวนลิน วนาสิน บุตรสาวของนายแพทย์บุญ  โดยนางจารุวรรณและนางสาวนลิน ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของบริษัทฯ  ทั้งสองเข้ามอบตัวต่อตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์  พร้อมทั้งให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยชี้แจงว่าลายมือชื่อในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกปลอมแปลง

บริษัทไม่ได้รับการติดต่อเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงใด ๆ จากบุคคลทั้งสอง และยังไม่ได้แสดงเจตจำนงลาออกจากตำแหน่งกรรมการของบริษัทฯ แต่จากข้อเท็จจริงและตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย การที่ทั้งสองถูกแจ้งข้อกล่าวหา ยังไม่ได้ส่งผลให้ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ เนื่องจากข้อกล่าวหาดังกล่าวยังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย และยังไม่มีคำตัดสินถึงที่สุด

ทั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองจะดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัทฯ แต่ถือเป็นเพียงกรรมการในจำนวนทั้งหมด 15 ท่าน ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และทั้งสองไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจตามหนังสือรับรองของบริษัทฯ ดังนั้น จึงไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆ ในนามของบริษัทฯ ซึ่งจะสามารถผูกพันบริษัทได้ การดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ และไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อการดำเนินธุรกิจ หรือการปฏิบัติงานของบริษัทฯ

อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของกรณีดังกล่าว และได้ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทฯ โดยคณะกรรมการฯ อาจพิจารณานำเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เพื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติและความเหมาะสมของกรรมการทั้งสองท่านในการดำรงตำแหน่งต่อไป

สำหรับกรณีที่มีสื่อบางแห่งนำเสนอว่า นายแพทย์บุญ นำเงินส่วนตัวเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการ "จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้" ร่วมกับบริษัทฯ นั้น ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง การลงทุนในโครงการ "จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้" นั้น เป็นการลงทุนของ บริษัท ธนบุรี เวลบีอิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ THG ที่ถือหุ้นเกือบทั้งหมดมาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงปัจจุบัน

การลงทุนในโครงการดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2559และบริษัทฯ ได้รายงานความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัทฯ ทุกครั้ง รวมถึง ระบุข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้ในรายงานประจำปีของบริษัทฯ

ส่วนตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการชักชวนนักลงทุนของนายแพทย์บุญ ในธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการสร้างศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า (2) โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำจ้าพระยา (3) โครงการโรงพยาบาลในลาว 3 แห่ง (4) โครงการเข้าร่วมทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม (5) โครงการสร้าง Medical intelligence เป็นการดำเนินการโดยนายแพทย์บุญ แต่เพียงผู้เดียว บริษัทฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

-----------------------------------

ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง พา เพื่อนร่วมรุ่นหมอบุญ โร่แจ้งเอาผิด หมอบุญ หลังชักชวนลงทุนหุ้นรพ. สูญเงินกว่า 25 ล้าน

ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง พานายโพธิรัตน์ อายุ 53 ปี ทันตแพทย์ และพญ.สลวย อายุ 86 ปี แม่ยายและเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของนายแพทย์บุญ วนาสิน  เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เพื่อแจ้งความเอาผิดหมอบุญ กรณีหลอกให้ร่วมลงทุน เสียหายกว่า 25 ล้านบาท

นายโพธิรัตน์ เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ภรรยาและแม่ยายของตน ได้รับการชักชวนจากทางคณะทำงานของหมอบุญ ว่าจะมีการระดมทุนออกเงินกู้ และใช้คำว่าหุ้นกู้ แต่ที่จริงเป็นตั๋วสัญญาเงินกู้ ซึ่งขณะนั้นโรงพยาบาลธนบุรียังไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์  โดยอ้างว่า จะให้ผลตอบแทนปีละ 7% ซึ่งในปีแรกคือปี 2558 ภรรยาของตนลงทุนไป 2 ล้านบาท โดยสัญญามีระยะเวลาปีต่อปี  และจะให้เงินปันผลในเดือน มิ.ย. กับ ธ.ค.ของทุกปี และในช่วงเดือน พ.ย.จะมีหนังสือมาหาเพื่อถามว่า จะไถ่ถอนเงินทุนคืนหรือจะเพิ่มทุนหรือจะต่อสัญญา

โดยทุกปีที่ภรรยาลงทุนไป  ก็ได้เงินปันผลตอบแทนครบถ้วนทุกปี  ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด กระทั่งลงทุนเพิ่มมาถึงปีนี้ ยอดรวมเงินลงทุนทั้งหมดของภรรยาอยู่ที่ 8 ล้านบาท และแม่ยาย 17 ล้านบาท  จนเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ก็ยังได้รับเงินปันผลตามปกติ  แต่เมื่อตนและภรรยารวมถึงแม่ยายทราบข่าว ก็เกิดความกังวลว่าจะไม่ได้รับเงินทุนและเบี้ยปันผลคืนในวันที่ 12 ธ.ค.ที่จะครบรอบสัญญาของปีนี้  ทางภรรยาและแม่ยาย จึงได้ติดต่อคณะทำงานของหมอบุญ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้  จึงพยายามติดต่อไปหาหมอบุญอีกครั้งก็ไม่สามารถติดต่อได้

นายโพธิรัตน์ ระบุว่า เมื่อลงทุนครั้งแรก ภรรยาและแม่ยายเข้าใจว่า เป็นเงินกู้ แต่จริงๆ แล้วเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งมีการต่อสัญญาปีต่อปี แต่ละปีจะมีหนังสือมาถามว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ ซึ่งทางภรรยาและแม่ยายก็ลงเงินเพิ่มไปในทุกๆ ปี จึงมียอดเงินจำนวนมาก เงินที่เก็บมาทั้งชีวิต หากมาหมดกับตรงนี้ก็คงแย่เหมือนกัน  และเมื่อได้ฟังข่าวหมอบุญ ความหวังก็เริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆ จึงมาแจ้งความเอาผิดหมอบุญ เพราะต้องการเงินคืน


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/SXn59rdd6lw


คุณอาจสนใจ

Related News