“บิ๊กเต่า” เผยความคืบหน้าคดีเรียกรับเงิน 20 ล้าน จ่อออกหมายเรียก “ฟิล์ม” พบเส้นเงินใหม่ของแม่ นักการเมือง ส. กว่า 100 ล้านบาท

เมื่อเวลา 10.45 ที่ห้องประชุมชั้น 16 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เรียกประชุมคณะทำงาน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีการทุจริตต่างๆ พี่กำลังเป็นที่สนใจของสาธารณชนในเวลานี้



ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าว ใช้เวลากว่า 50 นาที จนถึงเวลา 11.35 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากประชุมแล้วเสร็จ โดยเปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้มีความคืบหน้าไปอย่างมาก คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนในหลายคดี

โดยคดีพยานเท็จกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด คดีนี้อยู่ในขั้นตอนพนักงานสอบสวน ซึ่งการสอบปากคำถือว่าจบแล้ว แต่ทางชุดสืบสวนยังคงแสวงหาพยานหลักฐานข้างเคียง เพื่อนำมาประกอบสำนวน โดยในบ่ายสามของวันนี้ (22 พ.ย.) ทางชุดสืบสวน บก.ปปป. จะนัดหมายให้นายเอกภพมาให้ปากคำ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่นายเอกภพมาให้ปากคำกับทางตำรวจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางพนักงานสอบสวนได้ติดต่อให้นายเอกภพมาให้ปากคำแล้วตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา แต่นายเอกภพขอเลื่อนพนักงานสอบสวน เนื่องจากอ้างว่าติดธุระ



ส่วนพยานบุคคลที่อ้างว่า เป็นพยานเท็จนั้น ทางตำรวจได้สอบปากคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ทางบริษัท The Icon Group ไม่ได้ติดใจในการดำเนินคดีกับพยานเท็จ และยืนยันว่าพยานเท็จคนดังกล่าว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทและรู้จักกันแต่อย่างใด แต่ยังคงยืนยันที่จะดำเนินคดีกับนายเอกภพ



ฉะนั้นแล้วในคดีนี้ จะเข้าข่ายความผิดข้อหานำเข้าพยานอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาขึ้นอยู่กับทางพนักงานสอบสวน



ส่วนกรณีฟิล์ม รัฐภูมิ และกฤษอนงค์นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า จากการประชุมของกองบังคับการปราบปรามเมื่อวานนี้ ได้ข้อสรุปว่า จะรวมคดีเรียกรับเงิน 20 ล้านบาทจากบริษัท The Icon Group และคดีหมิ่นประมาท หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เป็นคดีเดียวกัน ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมภัยหลักฐาน และทำงานของคณะพนักงานสอบสวน ต้องให้ระยะเวลาอย่างเต็มที่ในการทำงาน ซึ่งหลังจากนี้จะให้ทางพนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำบอสปันเพิ่มเติมอย่างละเอียด โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของพฤติการณ์การข่มขู่เรียกรับผลประโยชน์ว่า มีลักษณะเช่นไร และจะสามารถเข้าข่ายการกระทำความผิดข้อหาใดได้บ้าง นอกจากนี้จะต้องมีการสอบปากคำบอสคนอื่นที่เป็นพยานรู้เห็นด้วย แต่ยังขอไม่เปิดเผยว่าเป็นใครบ้าง



โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยต่อว่า ในคดีนี้ยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องของข้อหาที่จะดำเนินคดี เพราะทางบริษัท The Icon Group ที่เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับทั้งสองคนแล้วนั้น ได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหาพยายามฉ้อโกง แต่ทางตำรวจมองว่าเข้าข่ายพยายามกรรโชกทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นข้อหาพยายามฉ้อโกงและพยายามกรรโชกทรัพย์ ยังอยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวง เพราะเนื่องจากโทษในข้อหาพยายามนั้น จะลดลงมา 2 ใน 3 ของโทษจำคุกจริง อย่างข้อหาฉ้อโกง ซึ่งมีโทษจำคุก 3 ปี หากเป็นพยายามก็จะลดลงมาเหลือแค่ 2 ปี และข้อหากรรโชกทรัพย์ ซึ่งมีโทษจำคุก 5 ปี หากเป็นพยายามก็จะลดลงมาเหลือแค่ 3 ปี



ซึ่งคดีที่อยู่ในศาลแขวงนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกหมายเรียกให้ ฟิล์ม รัฐภูมิ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาได้ ส่วนจะออกหมายเรียกเมื่อไหร่นั้น ขอให้ทางตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนก่อน ซึ่งผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า แล้วจะสามารถไปถึงขั้นการออกหมายจับได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ต้องพิจารณาในภายหลัง



นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้ถามประเด็นที่เคยกำหนดกรอบระยะเวลาในการสอบสวนคดีดังกล่าวภายใน 10 วัน ซึ่งทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ทัน 10 วันแน่นอน

สำหรับคดีนักการเมือง ส.เสือ นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นในการตรวจสอบเส้นเงิน พบว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีของแม่นาย ส.เสือ หลายครั้ง โดยครั้งแรกมีเงินโอนเข้า 600,000 บาท ต่อมาพบว่ามีเงินโอนเข้าอีก 2 ล้านบาท และล่าสุดพบว่ามีเงินโอนเข้ามากกว่า 100 ล้านบาท ก่อนถูกโอนต่อมาที่บัญชีของนาย ส.เสือ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่า บัญชีของแม่นาย ส.เสือ นั้น อาจเป็นบัญชีที่นาย ส.เสือ ถือไว้เอง ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อดูว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง โดยหลังจากนี้หากตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานได้ชัดเจนแล้ว จะเรียกให้แม่ของนาย ส.เสือ มาสอบปากคำ ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่นั้นให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จก่อน


ทั้งนี้ สำหรับเส้นทางการเงินที่ตรวจสอบนั้น พบว่ามีการโอนเงินมาจากบอส The Icon Group จำนวน 2 คน ประมาณ 3 ล้านบาท ส่วนอีกกว่า 100 ล้านบาท มาจากแหล่งอื่น โดยจะต้องตรวจสอบในเรื่องของการฟอกเงินด้วย