สังคม

อ่วม! ‘ดีเอสไอ’ บุกเรือนจำ แจ้งเพิ่มอีก 2 ข้อหา ‘ขายตรง-แชร์ลูกโซ่’ 18 บอส ‘ดิไอคอน’

โดย petchpawee_k

12 พ.ย. 2567

38 views

ดีเอสไอ แจ้งข้อหา 18 บอส 'ดิไอคอน' เพิ่ม 2 ข้อหา ด้าน 'บิ๊กเต่า' เผย สัปดาห์นี้จะชัดเจนขึ้น

เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ( 11 พ.ย.67)  พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีที่ 4 คนดัง ไปเกี่ยวข้องกับดิ ไอคอน ทั้งพยานเท็จ การกรรโชกทรัพย์ และการเรียกรับเงิน ขณะที่ความเคลื่อนไหวด้านการดำเนินคดี ของ 18 บอส ดิไอคอนกรุ๊ป วานนี้ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ได้เข้าแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 2 ข้อหา

ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI นำทีมพนักงานสอบสวน เข้าแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาดิไอคอน 18 คน ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลาง โดยข้อหาที่แจ้งในวันนี้เป็นความผิดฐาน พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือ แชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง

ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ยืนยันว่า ข้อหาแชร์ลูกโซ่ มีองค์ประกอบความผิดตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ สคบ. ให้ข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวน เช่น การประกอบกิจการเป็นลักษณะผิดกฎหมาย การไม่สามารถนำเงินมาจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน หรือ นำเงินมาหมุนเวียนจ่ายจริงหรือไม่ โดยมีการสอบสวนไปถึงแผนประทุษกรรม งบการเงิน การวิเคราะห์เส้นเงิน ข้อมูลคอมพิวเตอร์หลังบ้าน จนเห็นภาพรวมของคดี

จากการสอบสวนพบว่าทั้งหมดแบ่งหน้าที่กันทำ แม้ว่าทุกคนอาจจะไม่ได้เข้าองค์ประกอบความผิดพร้อมกัน แต่เมื่อเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าหน้าที่ของแต่ละคน เมื่อรวมกันแล้วมีวัตถุประสงค์เดียวกันในการกู้ยืมเงินเพื่อเป็นการฉ้อโกงประชาชน

เบื้องต้นพันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยภายหลังได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหากับ 18 บอสดิไอคอนกรุ๊ปว่า ขณะนี้ทุกคนได้รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนใหญ่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และพร้อมต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริง

ขณะที่ นาย วิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล ได้นำเอกสารเกี่ยวกับการทำธุรกิจทั้งหมดมาชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ DSI ตั้งแต่ 9 โมงเช้า  และออกมาช่วง 4 โมงเย็น พร้อมบอกว่า เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาครบทั้ง 18 คนแล้ว แต่ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหามีจำนวนมาก ดังนั้นหลังจากนี้จะทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร และจะยื่นให้ภายใน 15 วัน ซึ่งประเด็นที่ DSI แจ้งมาไม่มีอะไรน่ากังวล และสามารถชี้แจงได้

ขณะที่การประชุมคณะกรรมการสอบสวน กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. วันนี้ มี พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมมีการหารือทั้งหมด 4 เรื่อง เรื่องแรก คือเรื่องของนางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง ซึ่งจะสอบพยานเพิ่มอีก 2 ปาก เป็นฝั่งของธนาคารและทนายความ คาดว่าสัปดาห์นี้น่าจะชัดเจน

ส่วนเรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของนักการเมือง ส.เสือ ที่พบเส้นเงินจากบอสพอล ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการนำคำสั่งต่างๆ มาไล่ไทม์ไลน์ว่าได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลเมื่อไหร่ และปลดเมื่อไหร่ เป็นช่วงเวลาเดียวกับในคลิปเสียงหรือไม่ และจะเข้าข่ายความผิดมาตรา 148 ของ ป.ป.ช.หรือไม่ หรือ จะเป็นเรื่องของการพยายามกรรโชกทรัพย์

ส่วนแม่ของนักการเมือง ส.เสือ ได้ตรวจสอบย้อนหลัง 2 ปี พบเส้นทางการเงินโอนจากบอสพอลกว่า 6 แสนบาท หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบย้อนหลังไปอีกหลายปี ว่ามียอดเงินใดเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่ รวมไปถึงเรื่องราวร้องเรียนที่เกิดขึ้นว่า มีการนัดเคลียร์เจรจาด้วยกันจริงหรือไม่ เพราะเชื่อว่าคนกลุ่มนี้ให้ความช่วยเหลือบริษัท The icon ในการแก้ปัญหาต่างๆ โดยเรียกตัวมารดาของนักการเมือง ส.เสือ เข้ามาให้การภายในสัปดาห์นี้

ส่วนเรื่องที่ 3 เป็นกรณีของนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายใหม่ต้องรอด พาพยานเท็จเข้าให้ปากคำกับตำรวจและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ล่าสุดมีข้อสรุปในรูปแบบของคณะกรรมการแล้วว่า น่าจะเข้าข่าย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนที่นำพยานเท็จมานั้นจะมีการดำเนินคดีหรือไม่ จะดูที่เจตนา ส่วนตัวพยานจะต้องมีการประชุมกันอีกครั้งว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยจะประชุมอีกครั้งวันพุธที่ 13 พฤศจิกายนนี้ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะชัดเจน

และเรื่องที่ 4 คือ เรื่องของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ที่เรียกรับเงินจากบอสพอล 7 ล้าน 5 แสนบาท โดยอ้างว่าจะนำไปชดใช้คืนแก่ผู้เสียหาย ขณะนี้น้องสาวของทนายตั้มได้นำเอกสารผู้เสียหายกว่า 60 คน ที่มาร้องเรียนกับทนายตั้มระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2567 มายื่นต่อเจ้าหน้าที่แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าผู้เสียหายทั้งหมดได้ติดต่อมาจริง และได้รับความเสียหายจริงหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการติดต่อจริง มียอดเงินจริงก็ต้องให้ความเป็นธรรม


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/6CBb1WpXyiU


คุณอาจสนใจ

Related News