สังคม

"อัจฉริยะ" มั่นใจ "ทนายตั้ม" ไม่รอดนอนคุก เคยบอกหากเกิดอะไรขึ้นก็ต้องรับสภาพให้ได้

โดย nutda_t

7 พ.ย. 2567

295 views

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และภรรยา ถูกออกหมายจับในคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน โดยตำรวจจับกุมตัวได้ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ว่า ตนมั่นใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้ เพราะพฤติกรรมของทนายตั้มร้ายแรง และมียอดมูลค่าความเสียหายสูง โดยพฤติกรรมของทนายตั้ม เป็นผู้ที่รู้กฎหมายแต่ทำตัวเป็นโจร ตนเองต่อสู้กับทนายตั้ม มาถึง 6 ปี รู้พฤติกรรมดีว่าเป็นคนอย่างไร พฤติกรรมลักษณะนี้ไม่ได้เกิดแค่กับมาดามอ้อยเท่านั้น แต่ทำพฤติกรรมแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

นายอัจฉริยะ ยังยืนยันว่า เงินจำนวน 39 ล้านบาท “น้องมี่” เป็นคนไปเบิกเงินจำนวนนี้มาให้กับทนายตั้ม และทนายตั้ม ได้ไปทั้งหมด 29 ล้านบาท ส่วน“นายนุ” ได้ไป 10 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าออกแบบโรงแรมที่กินหัวคิวมาดามอ้อยด้วย ลักษณะเหมือนต้มตุ๋น เพราะจำนวนเงินค่าออกแบบโรงแรมแจ้งว่า 9,000,000 บาท แต่จำนวนจริงเพียง 3,500,000 บาทเท่านั้น โดย“น้องมี่” รู้รายละเอียดในเรื่องนี้ดี ซึ่งตำรวจกันเป็นพยานแล้ว

นายอัจริยะ ยังบอกต่อว่า กรณีหมายจับของทนายตั้ม ที่ออกมา ทางตำรวจกองปราบได้ส่งชุดไปเฝ้าที่หน้าบ้านตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งตัวทนายตั้ม ก็เหมือนจะรู้ว่าตัวเองกำลังถูกออกหมายจับ พยายามวิ่งเต้นไปหาผู้ใหญ่หลายๆ คน เพื่อให้เคลียร์ให้ แต่ไม่มีใครที่จะช่วยทนายตั้มแล้ว ส่วนตัวยังมั่นใจว่า วันนี้หากทนายตั้ม ถูกจับแล้วจะไม่ได้รับการปล่อยตัว เนื่องจากมีพฤติการณ์ร้ายแรง มีมูลค่าความเสียหายสูง มีความเสี่ยง ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และการไปปรากฏตัวที่กองปราบก่อนหน้านี้ ตนเคยพูดแล้วว่าไม่มีผล เพราะศาลพิจารณาจากพฤติการณ์ในคดี และการที่เขาไปแถลงข่าวที่หน้ากองบังคับการปราบปราม มีผลร้ายกับเขามากขึ้น ที่ไปให้สัมภาษณ์ว่ามีตำรวจไปคุกคามและตำรวจไปอุ้มพยานมาสอบ ซึ่งการไปให้สัมภาษณ์ลักษณะนี้ เป็นเหมือนแทรกแซงการทำงานของตำรวจ และเข้าข่ายเหมือนกับการไปข่มขู่พยาน หากได้รับการประกันตัวออกไป อาจจะไปข่มขู่มาดามอ้อย

ส่วนกรณีทนายเดชา ที่ตีตัวออกห่างทนายตั้มแล้ว นายอัจฉริยะ บอกว่า ตนได้ไปบอกกับทนายเดชาเอง ว่าไม่รู้ข้อเท็จจริง เป็นผู้ใหญ่ขออย่าไปพูดเลย จะเป็นการเปลืองตัว เพราะความเป็นจริงแล้ว ทนายตั้มเป็นผู้รับเงิน 29 ล้านบาท มีพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายยืนยัน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ที่เห็นภาพปรากฏก่อนหน้านี้ว่าไปคืนดีกับทนายตั้ม สรุปแล้วข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายอัจฉริยะ บอกว่าการจับมือกันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่กรณีนี้เป็นเรื่องส่วนรวม ถ้าตนเองรู้แล้วไม่พูดเท่ากับเป็นการช่วยทนายตั้ม และเรื่องนี้ตนมองว่า “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” สิ่งที่ทนายตั้ม ทำผิดกฎหมายต้องได้รับกรรม และตนเองเคยพูดแล้วตอนที่จับมือกัน “ไม่ว่ามึงหรือกู ในภายภาคหน้า หากเกิดอะไรขึ้นก็ต้องรับสภาพให้ได้”

ส่วนใครจะมองว่าตนคบไม่ได้นั้น ไม่เป็นไร ตนไม่สนใจเกรียนคีย์บอร์ด เพราะพวกเกรียนคีย์บอร์ดก็ด่าตัวเองตลอดเวลาอยู่แล้ว ตั้งแต่ตอน“คดีครูจอมทรัพย์และคดีแตงโม”

นายอัจฉริยะ ยังย้ำอีกว่า เรื่องที่ทนายตั้ม พูดเป็นเรื่องของการหาผลประโยชน์ ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของมาดามอ้อย ต้องแนะนำสิ่งดีให้กับลูกความ แต่สิ่งที่ทำกับมาดามอ้อย เป็นเรื่องหลอกลวงและแสวงหาผลประโยชน์ ด้วยความที่ไม่รู้กฎหมายจึงหลงเชื่อ ซึ่งทนายตั้ม มีการวางแผนมาตั้งแต่ต้น ส่วนจะได้รับโทษเป็นระยะเวลากี่ปีนั้น ตอบไม่ได้ เนื่องจากตัวเองไม่ใช่ศาล ทนายตั้ม อาจจะต่อสู้จนหลุดคดีก็ได้

"ปกติเค้า เป็นนักวิ่ง 4 × 100 ขนาดคดีเอ็มมี่ ยังวิ่งอัยการจนหลุดคดี คดีที่ 2 ก็หลุด ที่ผ่านๆมา คดีที่ถูกออกหมายจับก็ไม่เคยขึ้นศาล ทนายตั้มสามารถวิ่งเต้นเคลียร์กับอัยการได้ อัยการคนไหน ตัวเองก็รู้ อสส. คนไหนที่วิ่งคดีหรือเป็นแบ็กอัพให้ทนายตั้มก็รู้"

นายอัจฉริยะ บอกต่อว่า สำหรับกรณีนี้ทนายตั้ม จะไม่รอด แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าจะได้รับโทษกี่ปี เพราะไม่ใช่ศาล


ส่วนกรณีครั้งนี้ภรรยาของทนายตั้ม โดนออกหมายจับด้วยนั้น นายอัจฉริยะ บอกว่าทนายตั้ม เวลาไปไหนมาไหนก็จะมีภรรยาตามไปด้วยทุกครั้ง ลักษณะทำกันเป็นขบวนการ โดยทนายตั้มเป็นผู้วางแผนและเมียเป็นผู้รับถ่ายโอนเงิน ให้เครือญาติ รอดูได้เลยหลังจากนี้จะมีเรื่องรถยนต์หรูยี่ห้อ Ferrari ออกมาอีก มั่นใจว่านี่เป็นเพียงแค่ภาค 1 เท่านั้น หลังจากนี้ตำรวจจะขยายผลภาค 2 ภาค 3 อีกต่อๆไป เพราะจำนวนเงินไม่ใช่เพียงเท่านี้ เนื่องจากมาดามอ้อยเข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมาโดนต้มมาตลอด

ส่วนที่วันนี้ทนายตั้ม ถูกแจ้งข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงินนั้น นายอัจฉริยะ บอกว่า คดีฉ้อโกง เป็นกิจธุระ มีมูลฐานความผิดฐานฟอกเงิน เพราะนำเงินที่ได้มาแปลงเป็นทรัพย์สินทั้งรถ ทั้งบ้านนครปฐม พร้อมกันนี้ยังเชื่อว่าหากทนายตั้ม ได้ติดคุกในเรือนจำสมุทรสาคร นครปฐม ราชบุรี มีนักโทษรอทนายตั้มอยู่เต็มไปหมด เนื่องจากหลายคนต้องถูกจำคุกเพราะทนายตั้ม เนื่องจากไปหลอกลวงว่าสามารถช่วยคดีได้

ทั้งนี้นายอัจฉริยะ ยังเปิดประเด็นใหม่ ว่า ทนายตั้มมีคดีที่ 5 ซึ่งตัวเองมีพยานหลักฐานชัดเจน เป็นเรื่องค่าออกแบบ บ้านพักส่วนตัวของสามีมาดามอ้อยมูลค่า 3 ล้านบาท ที่จะเข้าข่ายเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร โดยไม่รู้ว่าจ่ายจำนวนจริงเป็นเงินเท่าไหร่

ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ 10.00 น. ตัวเองจะมีการเปิดเรื่องของทนายตั้ม ไปวิ่งเต้นปลอมแปลงเอกสารราชการเพื่อต่ออายุราชการ โดยมีข้าราชการของกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ให้การช่วยเหลือ และหลังจากนี้ยืนยันว่า จะเปิดเรื่องของทนายตั้มเรื่อยๆ เพื่อให้สังคมเป็นผู้พิจารณา และยังมีเรื่องที่ทนายตั้มมีพฤติกรรมซื้อสำนวน ในคดีหวย 30 ล้านบาท ซึ่งยืนยันว่าล็อตเตอรี่ไม่ใช่ของทั้งคู่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามั่นใจว่าไม่ผิด ทนายตั้มจะหนีทำไม นายอัจฉริยะ พูดติดตลกว่า “กูก็ต้องเอาตัวรอดก่อนวะ อย่าลืมว่า เดี๋ยวนักข่าวไปรอที่กองปราบเป็นร้อย การถูกใส่โรเล็กซ์ฝั่งเพชร มันอาย” ซึ่งทนายตั้ม เคยถูกใส่กุญแจมือครั้งหนึ่ง จากที่ตนฟ้อง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่ทำถูกใส่โรเล็กซ์ ซึ่งจากดูรูปคดีแล้วไม่รอด

ทั้งนี้ มั่นใจว่าคดีนี้จะถูกนำขึ้นสู่ศาล เพราะทีมกฎหมายเจ๊อ้อย เอาชุดเก่งเข้าไปเสริม ต้องขอบคุณนายสนธิ ลิ้มทองกุล วันนี้เป็นวันเกิดนายสนธิ ถือเป็นของขวัญวันเกิด และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ ทีมทนายความบ้านพระอาทิตย์ ที่ผนึกกำลังกันในการเปิดโปงทนายต้ม ที่ลอยนวลในสังคมมา 6 ปี พร้อมขอบคุณสื่อมวลชน และเพจต่างๆที่ช่วยกันขยี้ ยืนยันคดีนี้เคลียร์อัยการไม่ได้ เพราะมีหลักฐานมัดแน่น มีวัตถุพยานเป็นที่ประจักษ์ พร้อมยืนยันเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหนุ่ม กรรชัย ที่ไปออกรายการโหนกระแส ยืนยันสื่อทุกคนทำหน้าที่สุจริต ไม่มีใครไปช่วยเหลือตั้ม ในอดีตตั้มคือแหล่งข่าว

อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะ ยังพูดถึงการคืนดีกับทนายตั้ม และไปออกรายการด้วยกันว่า เป็นเรื่องส่วนตัว แต่นี่เป็นเรื่องส่วนรวม ที่ตนทำวันนี้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เรื่องส่วนตัวเขากับตนมีการฟ้องกัน ตนถอดหมดแล้ว แต่เขายังไม่ถอน พร้อมบอกเหตุผลที่มีการกลับมาคืนดีกันว่า ตนไม่ใช่คนโง่ มาจับมือตนทำไม เพราะเขารู้ตัวอยู่ว่าจะโดนคดี และตนจะแฉ เพราะรู้ความลับเขามากที่สุด พร้อมบอกว่า ตนเป็นคนติดต่อตั้มเอง แต่ที่จับมือตน เพราะกลัวว่าตนจะแฉ

คุณอาจสนใจ

Related News