รวบแล้ว! ‘มารศาสนา’ ตุ๋นเงินกฐินเจ้าอาวาสเครียดผูกคอ แฉเล่ห์เหลี่ยมตระเวนหลอกพระ เหยื่อเพียบ

กรณีเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (บน) ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา คิดสั้นจบชีวิตตัวเองภายในวัด พร้อมเขียนจดหมายระบุว่า ถูกนายเล็ก อ้างว่าเป็นผู้รับเหมาและขายลอตเตอรีรายใหญ่  มาตีสนิทแล้วเสนอตัวเป็นเจ้าภาพกฐิน ก่อนออกอุบายขอยืมเงินจากเจ้าอาวาส โดยให้หลวงพ่อไปยืมเงินจากญาติโยมมาให้ จนเจ้าอาวาสเป็นหนี้ถึง 650,000 บาท แถมซองกฐินที่วัดออกให้ ก็ไม่เคยได้กลับคืนมาที่วัด ก่อนที่นายเล็กจะหายตัวไป ทำให้เจ้าอาวาสเครียดและก่อเหตุสลดขึ้น เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา  

หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เสนา และตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรวจสอบพบว่า นายเล็ก ไม่ใช่ชื่อจริง  และเคยก่อเหตุหลอกลวงฉ้อโกงในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง หลายจังหวัด มีเหยื่อทั้งชาวบ้านและวัด  แต่บางคดีก่อเหตุมานานแล้ว และยังไม่ถูกจับ คดีเลยหมดอายุความ   จนมาก่อเหตุกับเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (บน) จึงรวบรวมหลักฐานและออกหมายจับ นายสัญญา โกสวัสดิ์ อายุ 66 ปี ชาว จ.แพร่ ผู้ต้องหาฐานความผิดฉ้อโกง

จนวานนี้  (22 ต.ค.67) เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตามจับกุมตัวนายสัญญาได้ ขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสาย 321 มาลัยแมนถนน ในเขตพื้นที่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี จึงคุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.เสนา  โดยพลตำรวจตรี โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา , พ.ต.อ.โกมล กลิ่นปทุม ผกก.สภ.เสนา  และนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมสอบปากคำ  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายสัญญา ถูกนำตัวมาถึง สภ.เสนา กองทัพผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามสาเหตุ และถามว่าไม่กลัวบาปกรรมหรือ รู้จักนรกหรือไม่ รู้สึกผิดหรือไม่ แต่นายสัญญาไม่ยอมพูด จากนั้นถูกนำตัวเข้าห้องสอบสวนทันที

นายสัญญา ยอมรับว่า ยืมเงินท่านเจ้าอาวาสจริง แต่เพียงแค่ 400,000 บาท ไม่ถึง 650,000 บาท  และได้ใช้คืนบางส่วนไปแล้ว ที่ผ่านมาตนโทรคุยกับหลวงพ่อตลอด แต่ที่ติดต่อไม่ได้ระยะหลัง เพราะโทรศัพท์เสีย ส่วนเรื่องมาเป็นเจ้าภาพกฐิน ก็เป็นเรื่องจริง โดยตนได้นำซองกฐินมาให้หลวงพ่อแล้วบางส่วน  ส่วนเงินที่เอาไปจากหลวงพ่อ ก็เอาไปซื้อหวย ซื้อโทรศัพท์จนหมด

นายสัญญา อ้างว่า ท่านเจ้าอาวาสเคยทวงเงินจากตน และบอกว่า หากไม่ได้ จะฆ่าตัวตาย ตนก็คิดว่าท่านแค่ขู่ ไม่คิดว่าจะก่อเหตุจริง นายสัญญา ยังอ้างอีกว่า เจ้าอาวาสเล่นหวยกับตนเองด้วย และยังอ้างว่า จริงๆ แล้วตนตั้งใจว่าจะไปมอบตัวที่สุพรรณบุรี แต่มาถูกตามจับกุมตัวได้ก่อน โดยช่วงที่หลบหนี ก็ตระเวนไปหลบซ่อนตัวตามป่าช้าวัดแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม  ส่วนวัดอื่นๆ ที่อ้างว่าถูกหลอกเหมือนกันนั้น นายสัญญา บอกว่า ทำจริง แต่จำไม่ได้ว่าไปก่อเหตุกับวัดไหนบ้าง

จากนั้น เจ้าหน้าที่สอบถาม นายสัญญา ว่าจะไปขอขมาศพหลวงพ่อหรือไม่ นายสัญญาปฏิเสธ แต่ยกมือไหว้ขอขมาหลวงพ่อ และยังบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จุดธูปบอกหลวงพ่อว่า ให้ยมบาลรอตนเองด้วย เดี๋ยวจะตามไป จากนั้นพนักงานสอบสวน พิมพ์ลายนิ้วมือ ทำประวัติ และคุมตัวเข้าห้องขังของโรงพัก โดยจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด เพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะทำร้ายตัวเอง  

ทั้งนี้มีรายงานว่า ตอนเจ้าหน้าที่ไปจับกุมตัวนายสัญญา ไปเจอจดหมายที่นายสัญญาเขียนไว้ทำนองสั่งเสียและจะฆ่าตัวตาย หลังทราบว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสคิดสั้น โดยนายสัญญา เขียนจดหมายว่า “ฝากให้หลวงพ่อวัดโบสถ์บน หลวงพ่อไม่น่าทำผมเลย ฆ่าผมทั้งเป็น ผมจะตามไปหาหลวงพ่อ” และลงชื่อนายเล็ก  ส่วนกระดาษอีกหน้า นายสัญญาเขียนแจกแจงว่า ตัวเองให้เงินหลวงพ่อไปแล้ว 6 ครั้ง  ครั้งละหลายหมื่นบาท  นอกจากนี้ยังจ่ายค่าไฟให้วัด ทำโต๊ะให้วัด เป็นเงินอีกหลายหมื่น แล้วเงินทำบุญหายไปไหนหมด เงินกฐินตนก็ให้หลวงพ่อไปหมด  1 ล้าน 9 แสนบาท   

ด้าน พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบหาเบาะแสของนายเล็ก หรือนายสัญญา จนกระทั่งพบและเฝ้าตามประกบไว้ รอศาลอนุมัติหมายจับ แล้วเข้าล็อกตัวทันที  

โดยผู้ต้องหารายนี้ มีเล่ห์เลี่ยมสูงในการชักชวนจูงใจ สร้างความเชื่อ ส่วนเรื่องจดหมายลาตายของนายสัญญา เรื่องเงินที่อ้างว่าได้มาเพียง 400,000 บาท  และซองกฐินที่อ้างว่าเก็บซองมาได้ก็มอบให้เจ้าอาวาสไปหมดแล้วนั้น ผู้ต้องหาจะพูดอย่างไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานทั้งหมด พร้อมประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนที่เคยถูกนายสัญญาหลอก ให้มาแจ้งความดำเนินคดีกับนายสัญญาได้ เพื่อจะรวบรวมผู้เสียหายให้มากกว่า 10 คน และจะได้ดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” ได้ ซึ่งจะหนักกว่าข้อหาฉ้อโกง

ขณะที่นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหาก่อเหตุลักษณะเดียวกันหลายพื้นที่ในหลายจังหวัด ทั้งสมุทรสาคร นครปฐม สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ทั้งหลอกขายหมู หลอกขายหวย หลอกทอดกฐิน โดยจะใช้ความเชื่อนำความศรัทธา ไปหลอกลวงล่อลวงทั้งชาวบ้านและพระสงฆ์ โดยเฉพาะท่านเจ้าอาวาสวัดรายล่าสุด ซึ่งท่านเป็นพระนักพัฒนามีความตั้งใจที่จะพัฒนาวัด สร้างวัด จึงหลงเชื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายวิทย์ ซึ่งเป็นทนายความ และเคยบวชที่วัดโบสถ์ (บน) ได้เปิดเผยคลิปเสียงที่ท่านเจ้าอาวาสแอบอัดไว้ระหว่างพูดคุยกับนายสัญญาผู้ก่อเหตุ เป็นคลิปความยาวประมาณ 36 นาที โดยเนื้อหา เจ้าอาวาสได้ทวงถามถึงนาฬิกาโบราณ มูลค่ากว่า 300,000 บาทของวัด ที่นายเล็กอ้างว่าจะนำไปซ่อมให้ แต่ไม่เอามาคืนวัดสักที จนชาวบ้านสงสัยมาสอบถามเจ้าอาวาสว่านาฬิกาหายไปไหน  เมื่อเจ้าอาวาสทวงถามนาฬิกากับนายเล็ก นายเล็กก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่ากำลังซ่อมอยู่ ไม่ต้องกลัว ถ้าเสร็จแล้วจะรีบนำมาส่งคืนให้

นอกจากนี้นายเล็กยังได้พูดคุยกับเจ้าอาวาส  เพื่อจะขอยืมเงินอีกจำนวนหนึ่ง โดยอ้างว่าไม่อยากไปหยิบยืมที่อื่น  เพราะจะเสียดอก  และกำลังรอเงินโอนจากพี่สาวจำนวนหนึ่งล้านบาท จึงมาขอความเมตตาจากเจ้าอาวาสยืมเงินอีกครั้ง  ซึ่งก่อนหน้านี้เคยยืมไปหลายครั้งแล้ว และยังขอซองกฐินเพิ่มอีกจำนวน 100 ซอง  โดยนายเล็กพูดคุยกับเจ้าอาวาสว่า มีพรรคพวกคนรู้จักสนิทสนมกัน  เป็นคนใหญ่คนโต อยากจะช่วยทำบุญกฐินอีกหลายซอง ซึ่งเป็นรายใหญ่เคยช่วยทำบุญรายละ 10,000 บาทก็มี   โดยคลิปนี้ ท่านเจ้าอาวาสมอบให้นายวิทย์ เพื่อเป็นตัวแทนในการดำเนินคดีกับนายสัญญษ  และนายวิทย์ได้มอบคลิปเสียงนี้ให้ตำรวจแล้ว  

ด้านายนุกูล เนตรสว่าง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 คณะกรรมการวัดโบสถ์  บอกว่า กรรมติดจรวด ตามทันอย่างรวดเร็ว ขอบคุณตำรวจที่จับตัวได้อย่างรวดเร็ว เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ อาจไปก่อเหตุทำลายศาสนาอีกไม่หยุดยั้ง

และเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ต.ค.67) ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง ไปร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพ ท่านเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (บน) บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ญาติโยมชาวบ้านยังมาร่วมงานกันเนืองแน่น  โดยทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีอยุธยา จะร่วมกันเป็นเจ้าภาพทอดกฐินของทางวัดในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 นี้เพื่อถวายทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับท่านเจ้าอาวาสด้วย จึงขอเรียนเชิญพี่น้องประชาชนร่วมทำบุญ

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/UCABYgHjdSE