สังคม

จ่อแจ้งข้อหา 'ดิไอคอน' อั้งยี่ซ่องโจร - คนขับรถบอสพอล โผล่มอบมือถือ อัดเสียงนักร้องรีดไถ

โดย nattachat_c

21 ต.ค. 2567

56 views

วานนี้ (20 ต.ค. 67) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ออกแถลงการณ์ยอดผู้เสียหายหลอกลวงลงทุน ของ บริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” ที่มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม


ทั้งนี้ วันที่ 19 ตุลาคม มีผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว จำนวน 165 ราย มูลค่าความเสียหาย 55.7 ล้านบาทเศษ ยอดรวมสะสม ระหว่างวันที่ 10-20 ตุลาคม 2567 สรุปยอด ณ เวลา 15.00 น. มีจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 2,875 ราย มูลค่าความเสียหายเฉพาะที่สอบปากคำแล้วรวม 979 ล้านบาทเศษ


ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สรุปข้อมูลการรับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิไอคอนกรุ๊ป จากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจภูธรจังหวัดและกองบังคับการตำรวจนครบาล ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2567 รวมผู้เสียหาย 892 ราย มูลค่าความเสียหาย 207 ล้านบาทเศษ ยอดรวมสะสม ระหว่างวันที่ 18-19 ตุลาคม 2567 มีจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 2,773 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 632 ล้านบาทเศษ


ทำให้ปัจจุบัน ยอดรวมผู้เสียหายที่เข้าให้ปากคำกับศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดี ดิไอคอนกรุ๊ป จากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 5,648 ราย มูลค่าความเสียหาย 1,611 ล้านบาทเศษ


ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) มีคำสั่งให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้ามาร่วมสืบสวนสอบสวนในคดีดิไอคอน ล่าสุด พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ได้หารือร่วมกับ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. เกี่ยวกับการต้องแจ้งข้อหากับบรรดาบอสทั้ง 18 คน เพิ่มเติม


มีรายงานว่า สำหรับฐานความผิดที่จะแจ้งเพิ่มนั้น มีข้อหาร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงินเป็นหลัก นอกจากนี้อาจมีข้อหาอื่น ๆ ประกอบ เช่น ความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน รวมไปถึงข้อหาย่อยอย่างอั้งยี่และซ่องโจร เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมเป็นขบวนการในลักษณะขององค์กรอาชญากรรมด้วย


โดยการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนั้น ทีมสอบสวนจะมอบให้พนักงานสอบสวนตำรวจสอบสวนกลาง เข้าไปแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งหมดในเรือนจำ ซึ่งคาดว่าจะสรุปข้อหาทั้งหมดที่จะแจ้งเพิ่มเติมได้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งชุดพนักงานสอบสวนจะประสานงานกับทีมสืบสวนที่มีตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เป็นตัวหลักในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและสถานะทรัพย์สินของผู้ต้องหาแต่ละราย เพื่อให้ได้หลักฐานโยงไปสู่การกระทำความผิดฐานฟอกเงินด้วย


ส่วนการขยายผลไปสู่การจับกุมผู้ต้องหากลุ่มที่สองนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐานและให้ชุดสืบสวนแกะรอย ซึ่งจะต้องมีการออกหมายเรียก หรือหมายจับผู้ต้องหาในกลุ่มต่อไปอย่างแน่นอน อาทิ กลุ่มแม่ข่ายต่าง ๆ รวมไปถึงกลุ่มพนักงานของบริษัทบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลงนามในเอกสารที่มีผลทางกฎหมาย แต่คงใช้เวลาตรวจสอบหลักฐานอีกสักระยะ  


ขณะที่ตำรวจ ปคบ. ได้อายัดรถของกลางเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 คัน ประกอบด้วย รถของบอสพอล หรือนายวรัตน์พล วรัทน์วรกุล 3 คัน และรถตู้เบนซ์ของกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ อีกจำนวน 1 คัน ซึ่งเป็นรถที่กันต์ได้รับจากบอสพอลเป็นของขวัญวันเกิด ก่อนตกเป็นผู้ต้องหาไม่กี่เดือน โดยรถบ้านคันแดง มีการลอกที่แร็ปเป็นสีดี 


ในส่วนของทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ทำการตรวจยึด รวมมูลค่าทรัพย์สิน ประมาณ 225 ล้านบาท มีดังนี้

1. รถยนต์จำนวน 29 คัน

2. บ้านและที่ดิน จำนวน 3 แปลง

3. เงินสด จำนวน 7,524,000 บาท

4. ทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ จำนวน 151 รายการ ได้แก่ นาฬิกา และของแบรนด์เนมต่างๆ

5. อาวุธปืน จำนวน 2 กระบอก


ด้าน  พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีตรวจสอบคลิปเสียงลับนักร้องเรียน และนักการเมืองชื่อดัง เรียกรับเงินจาก นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ 'บอสพอล' ดิไอคอนกรุ๊ป ว่า ตนได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ประสานข้อมูลร่วมกับทางตำรวจ บก.ปอท. เพื่อตรวจสอบไฟล์ต่าง ๆ ในเครื่องโทรศัพท์ของ นายวรัตน์พล ที่ยึดไว้ ทราบว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ


รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีการติดตามตัว นายเอก คนขับรถของนายวรัตน์พล หรือบอสพอล เพื่อตามหาโทรศัพท์มือถือของบอสพอลอีกเครื่อง เพื่อนำมาตรวจสอบนั้น ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา นายเอกได้ประสานเข้ามายังเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว เพื่อส่งมอบโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องของบอสพอล ให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว


ทั้งนี้ นายเอก ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนานำโทรศัพท์ของบอสพอลไปซุกซ่อนแต่อย่างใด เพียงแต่ตั้งใจจะนำไปให้เลขาส่วนตัวของบอสพอลดูแลเก็บรักษาไว้ เมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่ต้องการจะตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน จึงรีบนำมาส่งมอบให้ทันที


ต่อมา หลังจากเจ้าหน้าที่รับมอบโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวมาแล้วก็รีบนำส่งต่อไปยังตำรวจ บก.ปอท. เพื่อตรวจวิเคราะห์ข้อมูลภายในเครื่องในทันที ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ อาจจำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากยังไม่มีรหัสเปิดเครื่องได้ จึงไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ในทันที



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/bQ8tW5raaHE

คุณอาจสนใจ

Related News