สังคม

ปูดเงิน 8 พันล้าน ถูกโอนก่อน ‘โค้ชแล็ป ดิไอคอน’ ถูกจับ 1 ชม. – DSI บุกค้นรัง ชี้เป็นผู้กุมความลับหลังบ้าน

โดย petchpawee_k

3 ชั่วโมงที่แล้ว

2.9K views

เมื่อเวลา 02.47 น. วันที่ 18 ต.ค.2567 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจ เอกภพ สายไหม เป็นข้อมูลใหม่ที่เกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอน โดยระบุข้อความว่า

“พบเส้นเงินผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT มูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท ถูกโอนออกไปก่อนที่ “โค้ชแล็ป” ดิไอคอน จะถูกจับเพียง 1 ชั่วโมง”

ทั้งนี้ โค้ชแล็ป หรือ นายจิรวัฒน์ แสงภักดี เป็นหนึ่งใน 18 บอสที่ถูกจับกุมในคดีดิไอคอน

ขณะที่เมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ บุกรัง ดิไอคอน 2 จุด ตรวจค้นหาหลักฐานบริษัทเพิ่ม ที่ย่านนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม เช่าเก็บข้อมูลระบบคลาวด์ และ ที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี บริษัท "โค้ชแล็ป" นักโปรแกรมเมอร์ของดิไอคอน

โดยจุดแรกที่เจ้าหน้าที่ DSI ลงพื้นที่ เป็นให้อาคารเช่าแห่งหนึ่ง ที่ถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. ซึ่งเช่า เพื่อเก็บข้อมูลดิจิทัลบนคลาวด์ "คลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์" หรือ เซิฟเวอร์ฝากข้อมูล Cloud (คลาวด์) และข้อมูลเว็บไซด์ของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด

ขณะลงพื้นที่ ทางเจ้าของโครงการไม่สะดวกให้ทีมข่าวเข้าไปเก็บภาพด้านใน เนื่องจากเป็นเพียงบริษัทรับฝากข้อมูล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจของ ดิไอคอนกรุ๊ป

พันตำรวจตรีวรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษก ดีเอสไอ กล่าวว่า เราได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวสำคัญ เกี่ยวกับเว็บไซต์ของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ที่นำมาฝากบนคลาวด์ แล้วใช้สถานที่แห่งนี้ เป็นที่เก็บข้อมูลของบริษัท เจ้าหน้าที่จึงได้ขออำนาจศาลอาญา เข้าตรวจค้นเพื่อรวบรวมข้อมูลไว้ ประกอบการสืบสวน ซึ่งจากการตรวจสอบ เป็นเพียงสถานที่เช่าให้ใช้บริการฝากข้อมูลหรือ Server เก็บข้อมูลใน Cloud (คลาวด์) เท่านั้น โดยการตรวจค้น ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการ Backup ข้อมูล เนื่องจากมีจำนวนมากพอสมควร

เบื้องต้น ตรวจสอบพบว่า มีกิจกรรมเกี่ยวกับบริษัททั้งหมด จึงคาดว่า จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนคดี และคาดว่าจะพบข้อมูลเกี่ยวกับแม่ข่ายทั้งหมด  

นอกจากนั้น พันตำรวจตรี ได้มีหนังสือถึงนายกสภาทนายความ ขอความอนุเคราะห์พิจารณาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการทำธุรกิจกับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ในการดำเนินคดีแพ่งแบบกลุ่ม เพื่อบูรณาการองค์กรในกำกับดูแลของกระทรวงยุติธรรมในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนตามนโยบายต่อไป

ส่วนจุดที่ 2 อยู่ที่ ต.ประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เป็นอาคาร 4 ชั้น ของ บริษัทเซิร์ฟริช จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ของโค้ชแล็ป หรือ นายจิระวัฒน์ แสงภักดี 1 ใน 18 บอส ดิไอคอน ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้

โดยร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำกำลังเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจค้น

ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ข้อมูลว่า สาเหตุที่ต้องตรวจสอบบริษัทแห่งนี้ เนื่องจากข้อมูลทางลับ พบว่าโค้ชแล็ปทำหน้าที่เป็นโปรแกรมเมอร์และดูแลระบบหลังบ้านทั้งหมด ให้กับบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ดังนั้นจึงต้องเข้ามาเก็บข้อมูล และตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด เพื่อรวบรวมหลักฐานระบบหลังบ้านของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป

ในเบื้องต้น จากการพูดคุยกับเพื่อนบ้าน พบว่าบริษัทเซิร์ฟริช มีการขนย้ายคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์บางส่วนออกไปจากบริษัท ตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่สิ่งที่พบในบริษัทหลังการตรวจค้น มีหลายอย่างที่เป็นประโยชน์กับคดี โดยพบร่องรอยที่เป็นประโยชน์กับการรวบรวมข้อมูล ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลและหลักฐานทั้งหมด พร้อมทั้งประสานข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปรัดกุมและชัดเจนในทุกด้าน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในบริษัท พบว่าบริษัทดังกล่าว เป็นทาวน์โฮม1 คูหา 4 ชั้นชั้น 1 เป็นสำนักงานปกติ ส่วนชั้นที่ 2 เป็นที่เก็บของเซิร์ฟเวอร์ต่างๆ และชั้นที่ 3 เป็นสถานที่ทำงานของพนักงาน และชั้นที่ 4 เป็นห้องพัก

ในเบื้องต้นเนื่องจากโค้ชแล๊ป ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปแล้ว ทำให้บริษัทปิดทำการเมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) ไม่พบพนักงานมาทำงานที่บริษัท DSI จึงได้ประสานผู้จัดการโครงการ มาร่วมเป็นพยานในการเข้าตรวจค้น ทั้งนี้ ข้อมูลทั้งหมดที่ได้จะประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.ในการดำเนินคดีต่อไป

เบื้องต้นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แจ้งว่ามีข้อมูลจำนวนมาก อาจรวมถึงรายชื่อของสมาชิกของบริษัทดังกล่าวกว่า 300,000 รายชื่อ ทั้งนี้ จะได้ส่งมอบวัตถุพยานดังกล่าวให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจวิเคราะห์และออกรายงานผลการวิเคราะห์ต่อไป  

และจากการส่งสายลับมาหาข้อมูล เบื้องต้นพบว่าโค้ชแล๊ปเป็นแกรมเมอร์ผู้วางระบบให้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป เมื่อปี 2561 ต่อมาในปี 2563 จึงมีการเขียนโปรมแกรมและเปลี่ยนระบบใหม่ เป็นระบบที่ใช้ในปัจจุบัน ทั้งนี้จากประสบการณ์ทำคดีแชร์ลูกโซ่มาหลายคดี มั่นใจว่าถ้ารู้ระบบหลังบ้าน จะทำให้เห็นความชัดเจนในการทำธุรกิจทั้งหมดของบริษัท ส่วนเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์บางส่วนที่ขนออกไปนั้น มั่นใจว่าจะสามารถติดตามกลับมาตรวจสอบได้ทั้งหมด เพราะมีการประสานตำรวจ ไล่ดูกล้องวงจรปิดระหว่างการขนย้ายออกไปแล้ว

-----------------------------

ระทึก พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด บริเวณใกล้บริษัทในเครือ ดิไอคอน กรุ๊ป ของบอสพอล EOD ยันไม่ใช่ระเบิด

เมื่อเวลา 11:45 น. วานนี้ (17 ต.ค.) ศูนย์วิทยุบางเขนรับแจ้งเหตุว่า มีพลเมืองดีแจ้งเหตุวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดบริเวณหน้าป้อมยามโฮมออฟฟิศซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่บริษัท The Icon Group ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่ดังกล่าว พบเป็นวัตถุต้องสงสัย ลักษณะแท่งกระดาษสีน้ำตาลยาวประมาณ 10 นิ้ว จำนวน 3 แท่ง พันด้วยสายไฟ บรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกสีดำ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ใช้ยางรถยนต์จำนวน 2 เส้น ครอบวัตถุต้องสงสัยและกั้น Police Line กันคนออกจากจุดเกิดเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด EOD มาดำเนินการตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม มีรานงานข่าวแจ้งว่า วัตถุต้องสงสัยนี้มีคนนำมาวางไว้ที่หน้าสำนักงานประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบ เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป

จากนั้นเวลา 13:00 น. เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด EOD ได้เดินทางมาถึง โดยได้ปิดกั้นพื้นที่ไม่อนุญาตให้ประชาชน รวมทั้งพนักงานบริษัทเข้าไปภายในพื้นที่และให้สื่อมวลชนอยู่ห่างจากแนวพบวัตถุต้องสงสัย ก่อนจะดำเนินการเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ EOD ได้นำเชือกมาโยงผูกกับหูกระเป๋า แล้วนำเครื่องเอกซเรย์ โลหะมาสแกนวัตถุต้องสงสัย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ดึงเชือกทำให้กระเป๋ากระเด็นออกมากลางถนน เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บกู้ พร้อมแยกชิ้นส่วนประกอบ จนพบว่า ไม่ใช่วัตถุระเบิดหรือเป็นระเบิดปลอม

พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน เปิดเผยว่า กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโครงการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายวัตถุระเบิด จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ EOD ให้มาตรวจสอบและใช้เครื่องมือเอกซเรย์ตรวจหาความเป็นไปได้ว่าเป็นวัตถุระเบิดหรือไม่

ผลจากการเอกซเรย์ พบว่า ภายในกระเป๋าสีดำ เป็นท่อ PVC ห่อกระดาษจำนวน 5 ท่อ ไม่มีดินปืนหรือสารเคมีก่อระเบิด ส่วนนาฬิกาและแผงวงจรที่พบไม่สามารถนำมาประกอบเพื่อจุดชนวนระเบิดได้ จึงเชื่อได้ว่าไม่ใช่วัตถุระเบิด เลยดำเนินการเก็บวัตถุเป็นของกลางนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่ สน.บางเขน พร้อมกันนี้ จะดำเนินการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาตัวผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของใคร มีวัตถุประสงค์อะไร ส่วนจะเป็นการสร้างสถานการณ์เชื่อมโยงกับคดีบริษัท The Icon Group ที่กำลังมีเป็นประเด็นในขณะนี้หรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ แต่ทั้งนี้ พฤติการณ์ดังกล่าว ถือเป็นการสร้างสถานการณ์ ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวมีความผิดตามกฎหมาย



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/h9bXULZ69RM

คุณอาจสนใจ

Related News