สังคม

'ลูกข่ายดิไอคอน' ร้องนายกฯ ข่าวฉาวกระทบยอด ถามกลับผู้เสียหาย พยายามแล้วหรือยัง

โดย nattachat_c

17 ต.ค. 2567

7 views

วานนี้ (16 ต.ค. 67) เวลา 10.40 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ 'บอสพอล' ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป นำตัวแทนผู้ขายที่ได้รับผลกระทบจากกรณีมีผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษว่า บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กระทำความผิดต่อประชาชน และความผิดฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกหลายฐาน


กระทั่งท้ายที่สุด ถูกพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคตั้งข้อกล่าวหา ทำให้ไม่สามารถขายสินค้าได้ ทั้งที่ ก่อนหน้านี้การขายสินค้าดังกล่าวส่งผลดีต่ออาชีพ และการดำรงชีวิตของบุคคลในครอบครัวเรื่อยมา การที่บริษัทและพวก ถูกใส่ความและถูกดำเนินคดี กระทั่ง มีการอายัดทรัพย์ รวมทั้งการเสนอข่าวทำให้ผู้ขายได้รับผลกระทบ จึงมาขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี


ด้านตัวแทนผู้ขายกล่าวว่า สืบเนื่องจากกระแสข่าวและการเผยแพร่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางโซเชียลมีเดียที่ไปทิศทางเดียว ทำให้ฝ่ายผู้ขายที่ขายสินค้าได้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีลูกค้าขอยกเลิกออเดอร์กะทันหัน ทำให้ไม่สามารถขายสินค้าได้ และยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้


ส่วนตัวเพิ่งเข้ามาช่วงเดือน มิ.ย. กิจการเจริญรุ่งเรืองเติบโตไม่มีผลเสีย ซึ่งตนได้ทำงานตามระบบที่บอสบอก มีลูกค้าประจำ แต่เมื่อเกิดกระแสสังคมที่โจมตีบริษัททำให้ไม่สามารถขายของได้ เบิกสินค้าไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ


ส่วนที่บอกว่าส่งของไม่ทัน ขอยืนยันว่า บริษัทมีของส่งให้ตลอด และโอนเงินตรงตามเวลาตลอด ดังนั้น วันนี้ ตนและผู้ขายบางส่วน จึงมาขอความเป็นธรรมในฐานะผู้เสียหายที่ขายสินค้าได้มาตลอด


ขณะที่ตัวแทนผู้ขายอีกราย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีทั้งบุคคลที่ขายสินค้าได้และขายไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการขายสินค้าออนไลน์ ตนก็เป็นบุคคลหนึ่งที่เมื่อ 3 ปีที่แล้วได้เปิดบิล 250,000 บาท ตนรู้ว่ากำลังของตนอยู่แค่ไหน


ซึ่งที่ผ่านมา ครู โค้ช และพี่เลี้ยงบอกหมดว่า การเปิดบิลมีระดับแบบไหนอย่างไร ซึ่งเราต้องประเมินตัวเองว่า เราไหวแค่ไหน แต่ตนเมื่อลงทุนไปแล้ว ไม่ได้รู้สึกกลัว แต่รู้สึกว่าต้องทำด้วยกัน เรียนไป ขายไป ซึ่งปัจจุบันก็ยังขายอยู่ วันนี้ ที่พวกเรามาคือ พวกเราได้รับผลกระทบจากกระแสสังคม เพราะเราขายสินค้าได้ เป็นสินค้าที่เรากินเราใช้ และไม่อยากให้โจมตีกันไปมา แต่อยากให้เปิดใจรับฟังความเห็นที่แตกต่าง หากสินค้าไม่ดีจริงก็คงขายไม่ได้


โดยกลุ่มผู้ขายสินค้าได้ได้ยกตัวอย่างที่มีคนบอกว่าไม่เคยเห็นสินค้าของบริษัทดิไอคอน จึงขอพูดในฐานะผู้บริโภคว่า บางแบรนด์ หรือบางยี่ห้อ ตนก็ไม่รู้จัก ซึ่งก็ไม่เคยไปว่าบริษัทนั้นเลย ซึ่งในอดีต ตนเคยขายมาหลายบริษัท ก็เคยสต็อกสินค้า แต่เป็นเพราะว่าตนไม่มีศักยภาพในการขายเท่านั้น


แต่วันนี้ ตนได้มาเรียนรู้และขายออนไลน์กับดิไอคอนกรุ๊ป จึงอยากให้ทุกคนเปิดใจ


นอกจากนี้ ขอยืนยันว่า ที่มาวันนี้ไม่มีใครจ้างมา กล้าสาบานต่อหน้าไฟว่า วันนี้มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มาเพื่ออะไรทั้งนั้น และไม่ต้องการแบ่งแยกกับใคร เข้าใจหัวอกผู้เสียหายทุกคน แต่พวกตนก็เสียหายจากกระแสสังคมเช่นกัน จึงอยากให้มีการตรวจสอบว่าบุคคลที่บอกว่าเสียหาย เสียหายเรื่องอะไร และได้พยายามทำอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง


เมื่อถามว่า มีการหลอกให้ลงทุนหรือบังคับให้ลงทุนเป็นขั้นบันไดหรือไม่ ทุกคนต่างตะโกนพร้อมกันว่าไม่มีใครบังคับ เป็นการค้าปลีก ค้าส่ง และดีลเลอร์ตามที่บอสได้แบ่งปัน พร้อมตะโกนพร้อมกันอีกครั้งว่ายังเชื่อมั่นในตัวบอสพอล เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีคำพูดคำไหนของบอสพอลที่ไปส่อเสียดเบียดเบียนผู้อื่น มีแต่สอน และให้คุณธรรม


ขณะที่ ตัวแทนผู้ขายอีกราย ระบุว่า การลงทุน 250,000 บาท จะให้เหมือนกับการปลูกต้นไม้ หรือปลูกบ้านแล้วรอให้เทวดามาเลี้ยง หากไม่ศึกษาข้อมูลไม่กินขายขยายส่งต่อ และประเมินผล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นพวกคุณทำผิดเงื่อนไขที่เอาคนมาขยายต่อ แต่ไม่คิดที่จะเรียนรู้ไปกับมัน ซึ่งมีบทสอนอยู่ และบอสก็สอนว่าต้องทำอย่างไร ฉะนั้น บุคคลที่มาร้องเรียนเพราะคุณไปทำผิดกฎ ที่ไม่ยอมกินขายขยายส่งต่อ และไม่ทำอะไรเลยแล้วมาบอกว่าเสียหาย การเอาเงินมา 250,000 บาท เทวดาไม่ได้เลี้ยง


ทั้งนี้ มีอีกมุมหนึ่งคือ นายนิคม  อายุ 58 ปี ชาวตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์  พนักงานกวาดขยะของเทศบาลเมืองนางรอง เอาเงินเก็บจากเงินเดือนและเงินเก็บขยะขายมาทั้งชีวิต ไปลงทุนกับบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ประมาณ 200,000 บาท แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ของราคาแพงขายไม่ออก ต้องเอามากินเอง ทั้งยังถูกภรรยาไล่ออกจากบ้าน จนถึงขั้นต้องหันมาฟังธรรมะผ่านยูทูบในโทรศัพท์มือถือเพื่อบรรเทาความเครียด


วานนี้ (16 ต.ค. 67)  นางนิด อายุ 56 ปี ภรรยาของนายนิคม ออกมาเล่าเรื่องราวดังกล่าวว่า ปกติสามีเป็นคนประหยัด ชอบเก็บออม ต่อมา ไปรู้จักกับบริษัทดิไอคอน แล้วก็เอาเงินเก็บไปลงทุน ทั้งที่ตนเคยห้ามแล้ว แต่ก็ไม่ฟัง เพราะสามีเชื่อถือบริษัทดังกล่าวมาก เนื่องจากมีดาราดังหลายคนมาเป็นบอส เป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะคุณแซม ที่สามีชื่นชอบ จนสามีสมัครเข้าเรียนคอร์สขายสินค้าออนไลน์ แล้วก็เริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวน 2,500 บาท ได้สินค้ามาขายเป็นกาแฟ แต่ราคามันก็แพง จนตนมองว่า สินค้าแบบนี้มันจะขายได้จริงหรือ


หลังจากนั้น สามีก็เริ่มไปสัมมนาที่กรุงเทพฯ หรือนั่งประชุมออนไลน์ จนกระทั่งเพิ่มเงินลงทุนไปจำนวนมาก เป็นเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต ร่วม 200,000 บาท ซึ่งเงินก้อนนี้เป็นเงินที่ตั้งใจเก็บไว้ใช้ตอนที่เกษียณแล้ว แต่สามีคิดว่า เอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนจะได้มีอาชีพหลังเกษียณ แต่สินค้าที่ได้มา ขายไม่ได้เลย เงินเก็บทั้งชีวิตหายไปในพริบตา


นางนิด บอกว่า ตนเป็นคนไล่สามีออกจากบ้านจริง และขอแยกทางจริง เพราะตนโมโหที่ตักเตือนไปหลายรอบแล้ว แต่ไม่ยอมฟังเลย ความจริงแล้วตนก็อยากจะอยู่กับสามีไปจนแก่เฒ่า เพราะอยู่กันมาถึง 30 กว่าปีแล้ว ก็ไม่ได้อยากใจร้ายใจดำ แต่สามีไม่ยอมฟังตน กลับไปเชื่อดาราคนดังที่มาคุยโม้ชักจูง จนกระทั่งสูญเงินเก็บไปหมด


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/QkzM1yJWtAw


แท็กที่เกี่ยวข้อง  ดิไอคอน ,ดิไอคอนกรุ๊ป ,บอสพอล

คุณอาจสนใจ

Related News